ผลสำรวจชี้ธนาคารทั่วโลกวางแผนที่จะยกเครื่องระบบธนาคารหลัก

โคเปนเฮเกน, เดนมาร์ก–(บิสิเนส ไวร์)–6 ก.ย. 2548 ผลสำรวจของ Accenture และ SAP บ่งชี้ถึงความท้าทายที่หลากหลายซึ่งอุตสาหกรรมธนาคารทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ และแสดงถึงความจำเป็นสำหรับธนาคารต่างๆที่จะต้องทบทวนเกี่ยวกับระบบธนาคารหลักและกลยุทธ์ด้านโครงสร้าง

ผลสำรวจที่ได้รับการสนับสนุนโดยบริษัท Accenture (NYSE: ACN) และบริษัท SAP AG (NYSE: SAP) บ่งชี้ว่า บรรดาธนาคารทั่วโลกกำลังเริ่มไม่พอใจมากขึ้นกับระบบธนาคารหลักที่เก่าแก่และวางแผนที่จะปรับปรุงโครงสร้างทางด้านเทคโนโลยีหลักเพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขัน โดยมีการเปิดเผยผลการสำรวจในวันนี้ที่งาน Sibos 2005 ซึ่งเป็นการประชุมชั้นนำประจำปีของอุตสาหกรรมการเงินที่จัดขึ้นในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก

ผู้บริหารธนาคารราว 70% ที่ได้รับการสำรวจกล่าวว่า ความยืดหยุ่นเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดที่ขัดขวางความสำเร็จของระบบธนาคารหลัก โดยผู้บริหารธนาคารเกือบครึ่งหนึ่งที่ได้รับการสำรวจระบุถึงต้นทุนสูงในการดูแลรักษาระบบและการขาดการรวมระบบด้านต่างๆซึ่งจะขัดขวางขีดความสามารถในการแข่งขัน

เพื่อแก้ไขความวิตกเหล่านี้ ธนาคารจำนวนมากที่ได้รับการสำรวจกำลังวางแผนที่จะเปลี่ยนระบบการเงินหลักภายใน 5 ปีข้างหน้า โดยคิดเป็น 30% ในยุโรป, มากกว่า 35% ในเอเชีย แปซิฟิค และมากกว่า 20% ในอเมริกาเหนือ

“หากไม่คำนึงถึงด้านภูมิศาสตร์นั้น การดูแลรักษาระบบธนาคารหลักเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จของแผนกไอทีของธนาคารต่างๆ” นายออคตาวิโอ มาเรนซิ ซีอีโอของบริษัท Celent กล่าว “การเปลี่ยนแปลงด้านการแข่งขันอย่างดุเดือดและความจำเป็นที่จะต้องออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆและเพิ่มความแข็งแกร่งด้านลูกค้าสัมพันธ์นั้นจะกระตุ้นให้ธนาคารต่างๆทำการทบทวนและปรับปรุงโครงสร้างด้านไอทีในช่วงทศวรรษหน้า”

SAP และ Accenture ได้จับมือเป็นพันธมิตรกันในอุตสาหกรรมบริการการเงินในปี 2546 และร่วมกันสนับสนุนการสำรวจนี้ในหัวข้อ “การปรับระบบธนาคารหลัก” เพื่อตรวจสอบสถานภาพในปัจจุบัน, ผลกระทบและการวางแผนสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบธนาคารหลัก การสำรวจทั่วโลกที่ครอบคลุมนี้เป็นหนึ่งในการสำรวจแรกๆที่รวบรวมความเห็นของผู้บริหารธุรกิจธนาคารและเทคโนโลยีสารสนเทศ (ไอที) ระดับสูง รวมถึงพนักงานระดับสาขาซึ่งเป็นผู้ใช้ขั้นต้นสำหรับระบบธนาคารหลัก

นักการธนาคารเกือบ 1,500 คนทั่วโลกเข้าร่วมในการสำรวจนี้ โดยมีธนาคารชั้นนำ 43 แห่งจาก 100 แห่งเข้าร่วม และผลการสำรวจนี้ยังครอบคลุมธนาคารทุกขนาดในยุโรป (40%), เอเชีย แปซิฟิค (30%) และอเมริกาเหนือ (30%)

สำหรับวัตถุประสงค์ของการสำรวจนั้น ระบบธนาคารหลักได้ถูกกำหนดเป็นส่วนสำคัญขององค์ประกอบด้านไอทีทั้งหมดซึ่งจะทำให้ธนาคารต่างๆสามารถจัดการกับผลิตภัณฑ์และบริการการเงินพื้นฐาน รวมถึงข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้า, บัญชีเงินฝาก, เงินกู้, การจำนอง, ธุรกรรมการชำระเงินและบัตรเครดิต

ประเด็นด้านระบบธนาคารหลักสะท้อนความเห็นจากพนักงานระดับสาขา โดยในการสำรวจระดับสาขานั้น พนักงานกลุ่มนี้ได้บ่งชี้ถึงประเด็นต่างๆแบบวันต่อวันที่พวกเขาเผชิญในการใช้ระบบแบบเก่าซึ่งส่งผลกระทบต่อการติดต่อกับลูกค้า ซึ่งได้แก่:

— พนักงานสาขากล่าวว่า พวกเขาใช้เวลาเกือบ 40% ของวันในการทำงานด้าน back-office ที่เกี่ยวกับลูกค้า มากกว่าการทำงานพบปะลูกค้า โดยพนักงานสาขาของธนาคารในเอเชีย แปซิฟิคบ่งชี้ว่า พวกเขาใช้เวลา 48% ของวันในการทำงานด้าน back-office ขณะที่ธนาคารในอเมริกาเหนือและยุโรปนั้น พนักงานใช้เวลาในการทำงานด้าน back-office ราว 36 และ 34% ตามลำดับ

— พนักงานสาขาลงความเห็นว่า ระยะเวลาตอบสนอง (38%) และการรวมแอพพลิเคชันที่แตกต่างกัน (38%) เป็นประเด็นที่อยู่ในอันดับสูงสุดของรายการที่จำเป็นต้องทำการปรับปรุง โดยระยะเวลาตอบสนองเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงอย่างมากในยุโรป (50%) ขณะที่การรวมแอพพลิเคชันที่แตกต่างกันนั้นเป็นความวิตกหลักในเอเชีย แปซิฟิค (41%) และอเมริกาเหนือ (38%)

— พนักงานสาขาราว 50% เห็นพ้องกันว่า ความล่าช้าที่เกิดขึ้นบ่อยและเป็นสิ่งที่ไม่พึงปรารถนานั้น เป็นประเด็นด้านกระบวนการที่ธรรมดาที่สุด ขณะที่ประเด็นด้านกระบวนการอื่นๆได้แก่ ข้อมูลลูกค้าที่ไม่สอดคล้องกันและความไม่เข้าใจในความต้องการของลูกค้า

— ความเห็นเกี่ยวกับวิธีการที่ดีที่สุดที่จะเพิ่มธุรกิจกับลูกค้าที่มีอยู่นั้นแตกต่างกันไปทั่วโลก โดยผู้ตอบแบบสำรวจราว 54% จากเอเชีย แปซิฟิคกล่าวว่า วิธีที่จะเพิ่มธุรกิจกับลูกค้าที่มีอยู่นั้นได้แก่การเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ดีขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถาม 55% ในยุโรปและ 41% ในอเมริกาเหนือระบุว่า พวกเขาต้องการมีเวลามากขึ้นในการติดต่อกับลูกค้า

บรรดาผู้บริหารที่ได้รับการสำรวจบ่งชี้ถึงเหตุผลสำคัญ 2 ประการที่ทำให้ระบบของพวกเขาไม่มีความยืดหยุ่น: ระบบแบบเก่าสร้างขึ้นบนสิ่งที่พวกเขาคิดว่าเป็นเทคโนโลยีที่ผิดพลาดสำหรับการขยายตัวในอนาคตและเป็นระบบที่ถูกปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้ามาเป็นระยะเวลานานซึ่งส่งผลให้ระบบที่มีความซับซ้อนนี้ไม่สามารถทำการเปลี่ยนแปลงและมีค่าใช้จ่ายสูงในการดูแลรักษา

ขณะที่พนักงานสาขาทั่วโลกใช้เวลามากกว่า 40% ในการทำงานด้าน back-office นั้น ผลสำรวจบ่งชี้ว่า ไม่ใช่เฉพาะปัญหาของผู้บริหารธนาคารเท่านั้น แต่ยังเป็นความท้าทายที่พนักงานสาขาเผชิญอยู่ในการทำงานในแต่ละวัน

นายฌอง-มาร์ก โอลากนิเยร์ หุ้นส่วนจัดการทั่วโลกของกลุ่มโซลูชันบริการการเงินของ Accenture กล่าวว่า “การสำรวจนี้บ่งชี้ถึงความจำเป็นสำหรับธนาคารชั้นนำที่จะต้องทำให้การปฏิบัติงานภายในองค์กรมีความง่ายดายมากขึ้น, ใช้ระบบหลักซึ่งมีโครงสร้างด้านไอทีด้านการบริการที่ยืดหยุ่น, แข็งแกร่งและสามารถรองรับอนาคต”

“แนวทางเสริมซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบไอทีที่ซับซ้อนนั้น จะปรับระบบไอทีให้เหมาะสมมากขึ้นกับแบบจำลองการดำเนินธุรกิจและทำให้มีความยืดหยุ่นในการตัดสินใจในอนาคต”

การค้นพบที่สำคัญอีกประการหนึ่งของการสำรวจนี้ได้แก่ การที่ผู้บริหารธุรกิจและผู้บริหารด้านไอทีมีความเห็นแตกต่างกันในการคาดการณ์ด้านมูลค่าที่ระบบธนาคารหลักจะนำมาสู่ธนาคาร โดยผู้บริหารธุรกิจจำนวน 39% ต้องการให้ระบบดังกล่าวมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ ขณะที่ผู้บริหารด้านไอทีต้องการระบบที่ลดค่าใช้จ่ายลง (40%)

ประเด็นด้านต้นทุน
ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่ผู้บริหารเกือบครึ่งหนึ่งระบุว่าต้นทุนเป็นความวิตกหลักเกี่ยวกับระบบธนาคารหลัก โดยผลสำรวจพบว่า ธนาคารต่างๆใช้งบประมาณด้านไอทีถึงครึ่งหนึ่งสำหรับระบบหลัก โดยการใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นงานด้านการพัฒนาเพื่อกำหนดลักษณะของระบบหรือการทำงานของผลิตภัณฑ์ใหม่ๆในระบบหลัก โดยในเอเชีย แปซิฟิคนั้น ธนาคารต่างๆใช้งบประมาณเกี่ยวกับระบบหลักราว 70% ในการดูแลระบบ

“ธนาคารทั่วโลกต้องการระบบหลักที่สามารถรองรับสภาวะที่ยืดหยุ่นในอนาคตซึ่งสามารถช่วยให้พวกเขาปรับตัวและตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ยังมองไม่เห็น” นายโธมัส บัลก์ไฮม์ รองประธานอาวุโสฝ่ายบริการการเงินของ SAP AG. กล่าว

“อุตสาหกรรมธนาคารได้เข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงเป็นอุตสาหกรรม ซึ่งคล้ายกับการเปลี่ยนแปลงของผู้ผลิตในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบธนาคารหลักที่ทันสมัยนั้นสามารถช่วยธนาคารต่างๆในการประหยัดเงิน, การมุ่งเน้นให้พนักงานให้ความสำคัญกับลูกค้า รวมถึงนำเสนอผลิตภัณฑ์และการกำหนดราคาที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้า

การบรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงระบบ
ผู้บริหารด้านไอทีจำนวนมากที่ได้รับการสำรวจระบุว่า พวกเขามองว่าโครงสร้างที่เกี่ยวกับการบริการเป็นส่วนสำคัญของการกำหนดเป้าหมายด้านไอที แม้ผู้ตอบแบบสอบถามให้คำตอบที่หลากหลายเกี่ยวกับโครงสร้างเป้าหมายของตนนั้น แต่แทบไม่มีผู้ตอบแบบสอบถามรายใดที่มีแผนการด้านเทคโนโลยี อย่างไรก็ตาม ธนาคารส่วนใหญ่ที่ได้รับการสำรวจนั้นมีความเห็นที่จริงจังเกี่ยวกับวิธีการที่พวกเขาจะดำเนินการไปสู่เป้าหมายด้านระบบธนาคารหลัก

ผู้บริหารด้านไอทีราว 49% และผู้บริหารธุรกิจราว 50% กล่าวว่า พวกเขาจะดำเนินการไปสู่ระบบเป้าหมายโดยสายผลิตภัณฑ์ และทางเลือกที่สองของผู้บริหารด้านไอทีและธุรกิจได้แก่ การบรรลุเป้าหมายโดยการดำเนินงานเฉพาะด้าน (28 และ 29% ตามลำดับ)

วิธีการสำรวจ
การสำรวจนี้จัดทำขึ้นโดยบริษัท Celent ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและที่ปรึกษาที่เน้นในด้านอุตสาหกรรมบริการการเงิน โดยทำการสัมภาษณ์ผู้บริหารในอเมริกาเหนือและเอเชีย แปซิฟิค และบริษัท Novametrie ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยของยุโรปที่เชี่ยวชาญด้านการสำรวจเกี่ยวกับบริการการเงินโดยทำการสัมภาษณ์ผู้บริหารในยุโรปและทำการสัมภาษณ์ระดับสาขาในทุกภูมิภาค

บริษัท Accenture และ SAP ได้ร่วมกันสนับสนุนการสำรวจทั่วโลกดังกล่าวระหว่างเดือนมี.ค.-ก.ค. 2548 เพื่อตรวจสอบสถานภาพในปัจจุบัน, ผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงระบบธนาคารหลักๆใน 17 ประเทศ และสมาคมการจัดการทางการเงินและการตลาดแห่งยุโรป (EFMA) ได้ร่วมเป็นผู้สนับสนุนด้านการปฏิบัติการด้วย

การสำรวจผู้บริหารนั้นมุ่งเป้าหมายไปที่ผู้บริหารธนาคารระดับสูงจำนวน 147 คนจากธนาคาร 70 แห่ง โดยในจำนวนดังกล่าวนั้น 45% เป็นผู้บริหารด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและ 55% เป็นผู้บริหารสายธุรกิจ

ส่วนการสำรวจระดับสาขานั้นเป็นการสำรวจความเห็นผู้จัดการและพนักงานสาขาจำนวน 1,300 คน โดยผลสำรวจส่วนใหญ่มาจากธนาคารชั้นนำ 100 แห่งทั่วโลก

การเป็นพันธมิตรของ Accenture และ SAP
ในเดือนก.ย. 2546 บริษัท SAP และ Accenture ได้จับมือเป็นพันธมิตรกันในด้านอุตสาหกรรมบริการการเงิน โดยนำเสนอแนวทางที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นและมีความเสี่ยงน้อยลงสำหรับบรรดาธนาคารและบริษัทประกันเพื่อช่วยในการเปลี่ยนแปลงและการขยายธุรกิจผ่านทางทีมพัฒนาร่วมและช่องทางการขาย, โซลูชันและระบบธนาคารรวม, การส่งมอบที่ก้าวล้ำและการใช้งานที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยประวัติและประสบการณ์นาน 30 ปีในการส่งมอบโซลูชันธุรกิจที่ก้าวล้ำสำหรับสถาบันบริการการเงินชั้นนำกว่า 1000 แห่งนั้น Accenture และ SAP ร่วมงานกันเพื่อช่วยบริษัทประกันและธนาคารในการบรรลุวิสัยทัศน์เกี่ยวกับโครงสร้างบนมาตรฐานแบบเปิด

เกี่ยวกับ Accenture
Accenture เป็นบริษัทระดับโลกที่ให้คำปรึกษาด้านการจัดการ, บริการด้านเทคโนโลยีและ outsourcing โดย Accenture ซึ่งมุ่งมั่นในการส่งมอบนวัตกรรมที่ก้าวล้ำนั้น ร่วมงานกับลูกค้าเพื่อช่วยให้พวกเขากลายเป็นธุรกิจหรือรัฐบาลที่มีประสิทธิภาพสูง ด้วยความเชี่ยวชาญอย่างมากในด้านอุตสาหกรรมและกระบวนการทางธุรกิจ, ทรัพยากรที่กว้างขวางทั่วโลกและประวัติการดำเนินงานที่ได้รับการพิสูจน์นั้น Accenture สามารถระดมบุคคลากร ทักษะ และเทคโนโลยีที่เหมาะสมเพื่อช่วยเหลือลูกค้าในการปรับปรุงประสิทธิภาพ ด้วยพนักงานมากกว่า 115,000 คนใน 48 ประเทศนั้น บริษัทสามารถทำรายได้สุทธิ 1.367 หมื่นล้านดอลลาร์สำหรับปีงบการเงินที่สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ส.ค. 2547 โดยโฮมเพจของบริษัทได้แก่ www.accenture.com

เกี่ยวกับ SAP for Banking
SAP for Banking นำเสนอโซลูชันรวมซึ่งกำหนดขึ้นเพื่อจัดการกับการทำงานทุกด้านของธนาคารทั้ง front- และ back-office ตั้งแต่กระบวนการธนาคารหลัก, กระบวนการธนาคารด้านธุรกรรมปริมาณสูงและการจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ไปจนถึงการทำบัญชีการเงิน, การควบคุมต้นทุน และการวิเคราะห์ความสามารถในการทำกำไรและความเสี่ยง ด้วยจำนวนลูกค้ามากกว่า 550 รายใน 60 ประเทศทั่วโลกนั้น SAP for Banking จะช่วยสถาบันการเงินต่างๆในการจัดการอย่างเชี่ยวชาญในด้านธุรกรรมและความสัมพันธ์, การฉวยโอกาสอย่างรวดเร็วในตลาดและการสร้างผลิตภัณฑ์ใหม่ๆได้อย่างง่ายดายเพื่อตอบสนองความต้องการเฉพาะของลูกค้าแต่ละราย (ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาดูจาก http://www.sap.com/banking/)

เกี่ยวกับ SAP
SAP เป็นผู้ให้บริการชั้นนำระดับโลกในด้านโซลูชันซอฟท์แวร์ธุรกิจ* ปัจจุบัน ลูกค้ามากกว่า 28,200 รายในกว่า 120 ประเทศติดตั้งซอฟท์แวร์ SAP(R) มากกว่า 96,400 ซอฟท์แวร์ ตั้งแต่โซลูชันที่ตอบสนองความต้องการของบริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมไปจนถึงโซลูชันสำหรับองค์กรระดับโลก โซลูชัน mySAP(TM) Business Suite ซึ่งใช้แพลตฟอร์ม SAP NetWeaver(R) เพื่อผลักดันนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงธุรกิจนั้น ช่วยธุรกิจต่างๆทั่วโลกในการปรับปรุงด้านลูกค้าสัมพันธ์, ส่งเสริมความร่วมมือของหุ้นส่วนและสร้างประสิทธิภาพในด้านซัพพลาย เชนและการปฏิบัติการทางธุรกิจ

โซลูชันด้านอุตสาหกรรมของ SAP สนับสนุนกระบวนการทางธุรกิจที่โดดเด่นของกลุ่มอุตสาหกรรมมากกว่า 25 กลุ่ม ได้แก่ ไฮเทค, ค้าปลีก, ภาครัฐ และบริการการเงิน

SAP มีบริษัทในเครือในกว่า 50 ประเทศ โดยจดทะเบียนในตลาดหุ้นหลายแห่ง รวมถึงตลาดหุ้นแฟรงค์เฟิร์ตและตลาดหุ้นนิวยอร์กภายใต้สัญลักษณ์ SAP (ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาดูจาก http://www.sap.com)

(*) SAP กำหนดโซลูชันซอฟท์แวร์ธุรกิจโดยรวมถึงการวางแผนทรัพยากรธุรกิจและโซลูชันซอฟท์แวร์ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การจัดการด้านซัพพลายเชน, การจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์, การจัดการวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ และการจัดการความสัมพันธ์ผู้จัดจำหน่าย

สงวนลิขสิทธิ์ SAP AG. 2548
SAP, R/3, mySAP, mySAP.com, xApps, xApp, SAP NetWeaver รวมถึงผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆของ SAP ที่ระบุในที่นี้ ตลอดจนโลโก้ที่เกี่ยวข้องนั้น เป็นเครื่องหมายการค้าหรือเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ SAP AG ในเยอรมนีและในประเทศอื่นๆอีกหลายแห่งทั่วโลก

ชื่อผลิตภัณฑ์และบริการอื่นๆทั้งหมดที่ระบุเป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง โดยข้อมูลที่อยู่ในเอกสารนี้มีจุดประสงค์เพื่อการให้ข้อมูลเท่านั้น และรายละเอียดผลิตภัณฑ์อาจมีการเปลี่ยนแปลง

สำหรับลูกค้าที่ต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของ SAP กรุณาติดต่อ ศูนย์บริการลูกค้าทั่วโลกที่ โทร +49 180 534-34-24 เฉพาะสหรัฐ โทร 1 (800) 872-1SAP (1-800-872-1727)

ติดต่อ: สื่อ:
SAP
แอนเดรีย โรบิลลาร์ด, โทร +1 610-661-4487
อีเมล์ [email protected]
หรือ
อลิเชีย เลนซ์, โทร +49 6227 7-40445
อีเมล์ [email protected]
หรือ
Accenture
แมรีเคท รีส, โทร +1 917-452-8738
อีเมล์ [email protected]
หรือ
สำนักงานสื่อ SAP , โทร +49 (6227) 7-46315 / +1 610-661-3200
อีเมล์ [email protected]