ดึงคนไทยช็อปฯดิวตี้ฟรี : กระตุ้นท่องเที่ยวอันดามัน

จากวิกฤตสึนามิส่งผลกระทบเมืองท่องเที่ยวชายทะเลฝั่งอันดามันของไทย โดยเฉพาะในช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวที่ตลาดท่องเที่ยวซบเซาลงมาก ภาครัฐจึงมีมาตรการจูงใจให้นักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางเข้าไปเที่ยวใน 3 จังหวัดอันดามัน คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปี 2548 และกระตุ้นให้มีการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น โดยให้นักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางมาเที่ยวพักค้างคืนในพื้นที่ดังกล่าว สามารถซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรในพื้นที่ได้ตามเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจที่เกี่ยวข้องในพื้นที่อันดามันที่จะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากเดิม และช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจของเมืองท่องเที่ยวสำคัญในชายฝั่งทะเลอันดามันได้รวดเร็วยิ่งขึ้น

สึนามิกระทบท่องเที่ยวอันดามัน : ครึ่งปีแรกนักท่องเที่ยวลดลงกว่าร้อยละ 50

การท่องเที่ยวในพื้นที่อันดามันซบเซาลงมากในช่วงครึ่งแรกของปี 2548 โดยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไปยังภูเก็ต กระบี่ และพังงาลดลงกว่าร้อยละ 50 เป็นที่น่าสังเกตว่า ในช่วงไตรมาสแรกยังคงมีแรงหนุนจากตลาดท่องเที่ยวระยะไกล ที่เดินทางเข้ามาหลังจากผ่านพ้นเหตุการณ์สึนามิไปได้ประมาณ 1 เดือน ขณะที่ตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในเอเชียกลับมีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่อง โดยเฉพาะตลาดท่องเที่ยวหลักของไทย ได้แก่ มาเลเซีย ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ไต้หวัน และฮ่องกง ทั้งนี้เนื่องจากมีปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบั่นทอนให้ตลาดถดถอยลง ดังนี้

– ความเชื่อในข่าวลือเรื่องวิญญาณของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สึนามิ ทำให้นักท่องเที่ยวเอเชียจำนวนไม่น้อย หลีกเลี่ยงการเดินทางมายังแหล่งท่องเที่ยวแถบอันดามันของไทย

– เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงซ้ำหลายครั้งใกล้เคียงกับบริเวณที่ก่อให้เกิดสึนามิ ทำให้นักท่องเที่ยวหวาดกลัวว่าอาจจะเกิดสึนามิขึ้นมาได้อีก

– ประเทศคู่แข่งด้านการท่องเที่ยวของไทย อาทิ ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย ต่างใช้วิกฤตสึนามิช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดท่องเที่ยวของไทย โดยเฉพาะตลาดนักท่องเที่ยวชาวจีน ที่ยังคงประสบปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญจากการซื้อแพ็กเกจทัวร์มาเที่ยวประเทศไทย ขณะที่รัฐบาลจีนเปิดโอกาสให้ประชาชนเดินทางไปประเทศต่างๆได้เพิ่มขึ้นจากเดิม ทำให้นักท่องเที่ยวชาวจีนหันไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆเพิ่มขึ้น เช่น ออสเตรเลีย ฮาวาย และยุโรป เป็นต้น รวมทั้งฮ่องกงที่นักท่องเที่ยวจีนสามารถเดินทางไปเที่ยวกันเองได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า

– เหตุการณ์ความไม่สงบในภาคใต้ที่ยังไม่คลี่คลายลง ส่งผลกระทบตลาดมาเลเซียและสิงคโปร์ ที่นิยมเดินทางด้วยรถยนต์เข้ามาเที่ยวหาดใหญ่ในช่วงสุดสัปดาห์และช่วงเทศกาลต่างๆ

จูงใจคนไทยซื้อของในดิวตี้ฟรี : กระตุ้นท่องเที่ยวภูเก็ต พังงา และกระบี่

เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2548 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบมาตรการทางภาษีอากรเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวอันดามัน ที่กระทรวงการคลังเสนอมา โดยให้นักท่องเที่ยวคนไทยสามารถซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากรใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้ ภายในช่วง 4 เดือนระหว่างวันที่ 1 กันยายน – 31 ธันวาคม 2548 ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนด โดยออกเป็นประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องยกเว้นอากรศุลกากรสำหรับสินค้าที่ออกจากร้านค้าปลอดอากรในพื้นที่ 3 จังหวัด เพื่อจำหน่ายแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ พร้อมกันนี้ยังให้ยกเว้นภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าประเภทแก้วเลดคริสตัล และแก้วคริสตัลอื่นๆ รวมทั้งสินค้าน้ำหอมและหัวน้ำหอมที่จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวในร้านค้าปลอดอากร สำหรับสุราและยาสูบที่จำหน่ายให้นักท่องเที่ยวให้เรียกเก็บภาษีสุราและแสตมป์ยาสูบในอัตราศูนย์

นอกจากนี้ กรมศุลกากรยังปรับปรุงระเบียบขั้นตอนปฏิบัติใหม่เพื่อสนับสนุนร้านค้าปลอดอากรให้สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ดังนี้

– สนับสนุนการเปิดร้านค้าปลอดอากรเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่สึนามิ โดยกรมศุลกากรสามารถอนุมัติให้ได้ภายใน 3 วันหลังยื่นเอกสาร หากผู้ประกอบการที่ยื่นขออนุญาตเปิดร้านค้าปลอดอากรมีสถานที่พร้อม

– อนุญาตให้ร้านค้าปลอดอากรสามารถจำหน่ายสินค้านำเข้าที่เสียภาษีแล้วได้ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของสินค้าดึงดูดนักท่องเที่ยว

– ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรในเมืองทุกแห่งสามารถรับสินค้าติดตัวไปได้ทันที แต่ต้องนำออกนอกประเทศภายใน 2 เดือน จากเดิมที่นักท่องเที่ยวจะต้องไปรับสินค้าที่สนามบิน

ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเป็นผู้ประสานงานกับผู้ประกอบการธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ร้านค้าปลอดอากร โรงแรม บริษัทนำเที่ยว และธุรกิจสายการบิน เพื่อพิจารณาเกณฑ์และเงื่อนไขในทางปฏิบัติของมาตรการดังกล่าว

เงื่อนไขและกรอบปฏิบัติ : ครอบคลุมตลาดอย่างกว้างขวาง

จากการประชุมของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรมศุลกากร กรมสรรพสามิต และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยว อาทิ ร้านค้าปลอดอากร โรงแรม สายการบิน และบริษัทนำเที่ยว เพื่อกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในทางปฏิบัติของมาตรการให้สิทธิพิเศษแก่นักท่องเที่ยวคนไทย ในการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้นั้น สามารถสรุปประเด็นสำคัญได้ ดังนี้

? คุณสมบัติของนักท่องเที่ยวที่ได้รับสิทธิพิเศษ

– เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทย
– เป็นนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเที่ยวและพักค้างคืนในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าวอย่างน้อย 1 คืน
– หากเป็นผู้ที่มีภูมิลำเนาหรือทำงานอยู่ใน 3 จังหวัด คือ ภูเก็ต พังงา และกระบี่ จะต้องพักค้างคืนในพื้นที่ 3 จังหวัดไม่น้อยกว่า 1 คืน และซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวจากบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดนี้ด้วย เช่น ผู้ที่มีภูมิลำเนาหรือทำงานอยู่ที่จังหวัดพังงาเดินทางไปเที่ยวภูเก็ต และพักค้างคืนอย่างน้อย 1 คืนในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ และซื้อโปรแกรมนำเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆจากบริษัทนำเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต (บริษัทนำเที่ยวที่จดทะเบียนกับสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภาคใต้ เขต 4) ก็มีสิทธิซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรในภูเก็ตได้

? เงื่อนไขการเดินทางของผู้ที่จะมีสิทธิพิเศษ

– เดินทางโดยสายการบินและเข้าพักโรงแรมใน 3 จังหวัดที่ได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
– เดินทางโดยซื้อชุดโปรแกรมท่องเที่ยว (แพ็กเกจทัวร์) จากสายการบิน
-เดินทางโดยซื้อชุดโปรแกรมท่องเที่ยว (แพ็กเกจทัวร์) จากบริษัทนำเที่ยวที่ได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (เป็นแพ็กเกจทัวร์ที่เดินทางโดยเครื่องบินรถโดยสาร หรือรถไฟก็ได้)
– เดินทางโดยรถยนต์ส่วนตัว และพักค้างคืนในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าวอย่างน้อย 1 คืน และซื้อโปรแกรมท่องเที่ยว (แพ็กเกจทัวร์) จากผู้ประกอบการนำเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัด ซึ่งได้รับการรับรองจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

นอกจากจะต้องมีคุณสมบัติและเดินทางตามเงื่อนไขที่กำหนดข้างต้นแล้ว นักท่องเที่ยวจะต้องดำเนินการยื่นคำร้องขอซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากร ซึ่งมีแจกตามโรงแรม/สายการบิน/บริษัทนำเที่ยว/สถานที่ราชการที่เข้าร่วมโครงการ ตามขั้นตอนดังนี้

– ในกรณีเดินทางโดยสายการบิน นักท่องเที่ยวจะต้องยื่นใบคำร้องขอ พร้อมหนังสือรับรองการเข้าพักของโรงแรมซึ่งททท.รับรอง และ บัตรอนุญาตให้ขึ้นเครื่อง/บัตรโดยสารเครื่องบิน/ใบเสร็จรับเงินของสายการบิน หรือหนังสือรับรองการซื้อชุดโปรแกรมท่องเที่ยวที่ออกโดยสายการบินหรือบริษัทนำเที่ยวซึ่งททท.รับรอง และแสดงหลักฐานประจำตัว คือ บัตรประชาชน/บัตรข้าราชการ/ใบอนุญาตขับรถ/สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นผู้เยาว์)

– ในกรณีเดินทางโดยวิธีอื่น ซึ่งไม่ใช่โดยเครื่องบิน นักท่องเที่ยวจะต้องยื่นใบคำร้องขอ พร้อม หนังสือรับรองการเข้าพักโรงแรม และ หนังสือรับรองการซื้อชุดโปรแกรมท่องเที่ยวที่ออกโดยบริษัทนำเที่ยวซึ่งททท.รับรอง และแสดงหลักฐานประจำตัว คือ บัตรประชาชน/บัตรข้าราชการ/ใบอนุญาตขับรถ/สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นผู้เยาว์)

นักท่องเที่ยวที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และเดินทางตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้งยื่นคำร้องขอซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรและหลักฐานที่กำหนด จะได้รับ สิทธิในการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากร ดังนี้

– จะสามารถซื้อสินค้าได้ในวงเงิน 20,000 บาทต่อการพักค้างคืน 1 คืน หากพัก 2 คืนสามารถซื้อได้ในวงเงิน 40,000 บาท ในกรณีที่พักเกินกว่า 2 คืนขึ้นไปจะสามารถซื้อได้ในวงเงินไม่เกิน 50,000 บาท เว้นแต่สุรา บุหรี่ ซิการ์หรือยาเส้น ต้องไม่เกินปริมาณที่กำหนด คือ สุรา 1 ลิตร บุหรี่ไม่เกิน 200 มวน ซิการ์หรือยาเส้นอย่างละ 250 กรัม หรือหลายชนิดรวมกันน้ำหนักไม่เกิน 250 กรัม
– หรืออาจเลือกใช้สิทธิซื้อสินค้าจำนวนคนละ 2 ชิ้นโดยไม่จำกัดมูลค่าก็ได้
– สิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิเฉพาะบุคคล โดยแต่ละคนสามารถใช้สิทธิได้เดือนละ 1 ครั้งและสามารถสะสมบัตรยกเว้นภาษีอากรที่ไม่ได้ใช้ ไปใช้ในเดือนถัดไปได้ระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม 2548

ธุรกิจท่องเที่ยว 3 จังหวัดอันดามัน..คึกคัก : รับตลาดนักท่องเที่ยวคนไทย

จากเงื่อนไขในทางปฏิบัติของมาตรการจูงใจนักท่องเที่ยวคนไทยให้เดินทางไปเที่ยว 3 จังหวัดในอันดามัน เพื่อสิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรดังกล่าว หากได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างจริงจังและกว้างขวาง รวมทั้งเปิดให้มีโรงแรมที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นได้แล้ว บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวทั่วไป ในกลุ่มที่เดินทางไปเที่ยวพักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทใน 3 จังหวัดดังกล่าว ให้ขยายตัวเพิ่มขึ้นได้

จากสถิติการท่องเที่ยวภายในประเทศปี 2547 ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยปรากฏว่า จังหวัดภูเก็ต มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1,295,653 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 93 หรือจำนวน 1,209,561 คนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่พักค้างคืน โดยมีนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทจำนวน 964,523 คน ที่เหลือพักตามที่พักประเภทอื่นๆ เช่น บ้านญาติ/เพื่อน อุทยานแห่งชาติ และบ้านรับรองของหน่วยราชการ เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่พักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม 2547 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 330,797 คน

จังหวัดพังงา มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวรวมทั้งสิ้น 1,036,047 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 44 หรือจำนวน 459,985 คนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่พักค้างคืน โดยมีนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทจำนวน 290,394 คน ที่เหลือพักตามที่พักประเภทอื่นๆ เช่น บ้านญาติ/เพื่อน อุทยานแห่งชาติ และบ้านรับรองของหน่วยราชการ เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่พักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม 2547 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 79,401 คน

จังหวัดกระบี่มีคนไทยเดินทางไปเที่ยวรวมทั้งสิ้น 793,123 คน ในจำนวนนี้ร้อยละ 85หรือจำนวน 676,055 คนเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มที่พักค้างคืน โดยมีนักท่องเที่ยวที่พักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทจำนวน 487,827 คน ที่เหลือพักตามที่พักประเภทอื่นๆ เช่น บ้านญาติ/เพื่อน อุทยานแห่งชาติ และบ้านรับรองของหน่วยราชการ เป็นต้น สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มที่พักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทระหว่างเดือนกันยายน-ธันวาคม 2547 มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 158,907 คน

ตารางแสดง
นักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปเที่ยวภูเก็ต พังงา และกระบี่ปี 2547
(หน่วย : คน)

ประเภทข้อมูล ภูเก็ต พังงา กระบี่ รวม
นักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางไปเยือน 1,295,653 1,036,047 793,123 3,124,823
– นักท่องเที่ยวคนไทยที่พักค้างคืน
1.พักโรงแรมและรีสอร์ท
2.พักที่พักประเภทอื่นๆ 1,209,561
964,523
245,038 459,985
290,394
169,591 676,055
487,827
188,228 2,345,601
1,742,744
602,857
– นักทัศนาจร 86,092 576,062 117,068 779,222
นักท่องเที่ยวคนไทยที่พักโรงแรมช่วงก.ย.-ธ.ค.2547 330,797 79,401 158,907 569,105
นักท่องเที่ยวคนไทยที่คาดว่าจะพักโรงแรมเพิ่มขึ้นช่วงก.ย.-ธ.ค.2548* 90,000 15,000 25,000 130,000

ที่มา : การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
หมายเหตุ : * คาดการณ์โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด

ดังนั้น ทั้ง 3 จังหวัดจึงมีนักท่องเที่ยวคนไทยกลุ่มที่พักค้างคืนในโรงแรมและรีสอร์ทในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2547 รวมกันทั้งสิ้น 569,105 คน โดย บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า จากมาตรการดังกล่าวหากได้รับการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง และมีโรงแรมเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้นจะกระตุ้นให้มีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทางไปเที่ยวพักค้างคืนตามโรงแรมและรีสอร์ทใน 3 จังหวัดอันดามันเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 20 หรือเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 130,000 คนในช่วงเดือนกันยายน-ธันวาคม 2548

จากจำนวนนักท่องเที่ยวคนไทยที่คาดว่าจะเดินทางเข้าไปเที่ยวใน 3 จังหวัดอันดามันเพิ่มขึ้นประมาณ 130,000 คน หากใช้เวลาพักค้างคืนเฉลี่ยใกล้เคียงกับปี 2547 และมีการใช้จ่ายในด้านต่างๆ (ได้แก่ การซื้อสินค้า ที่พัก อาหาร-เครื่องดื่ม บริการท่องเที่ยวในพื้นที่ กิจกรรมเพื่อการพักผ่อนและบันเทิงต่างๆ เป็นต้น) เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1.5 เท่าจากปี 2547 จะก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจากเดิมคิดเป็นมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท ในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปี 2548

นอกจากนี้ ยังคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระตุ้นการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจจะเดินทางไปเที่ยวพักค้างคืนในโรงแรมของ 3 จังหวัดอันดามันในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปีนี้อยู่แล้วแม้ว่าจะไม่มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวคนไทยซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากรได้ก็ตาม ส่งผลให้การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 20

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่า โดยรวมแล้วมาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในแหล่งท่องเที่ยวของ 3 จังหวัดอันดามันคิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 3,000 ล้านบาท สำหรับธุรกิจสำคัญๆที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์จากรายได้ด้านการท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นดังกล่าว ได้แก่

? ร้านค้าปลอดอากร : รายได้เพิ่มขึ้น 1,500 ล้านบาท

การที่รัฐบาลอนุญาตให้คนไทยสามารถซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามันได้ ส่งผลดีต่อร้านค้าปลอดอากรในภูเก็ต พังงา และกระบี่ ที่จะมีตลาดรองรับกว้างขวางขึ้นแม้ในช่วงระยะสั้นเพียง 4 เดือนที่เหลือของปี 2548 จากเดิมที่ร้านค้าปลอดอากรต้องพึ่งพาลูกค้าเป้าหมายหลัก คือ นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวเอเชีย ที่เดินทางเข้ามายังภูเก็ตน้อยลงมากหลังจากเกิดสึนามิ

จากแนวโน้มตลาดรองรับของร้านค้าปลอดอากรที่กว้างขวางขึ้นดังกล่าว เมื่อประกอบกับการสนับสนุนจากภาครัฐ รวมทั้งการปรับปรุงระเบียบขั้นตอนปฏิบัติของกรมศุลกากร ที่เอื้ออำนวยต่อร้านค้าปลอดอากรมากขึ้น ทั้งการที่ให้นักท่องเที่ยวที่ซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรในเมืองนำสินค้าที่ซื้อติดตัวไปได้ทันที และการที่อนุญาตให้ร้านค้าปลอดอากรจำหน่ายสินค้านำเข้าจากต่างประเทศซึ่งได้ชำระภาษีอากรแล้วได้ เหล่านี้ล้วนอำนวยความสะดวกรวดเร็วแก่นักท่องเที่ยว รวมทั้งยังทำให้ร้านค้าปลอดอากรมีความคล่องตัวในการให้บริการ และเพิ่มความหลากหลายของสินค้าดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้ประกอบการสนใจเปิดร้านค้าปลอดอากรเพิ่มขึ้น โดยมีร้านค้าปลอดอากรเปิดให้บริการเพื่อรองรับมาตรการนี้อย่างกว้างขวางครอบคลุมทั้ง 3 จังหวัดรวม 7 แห่ง ได้แก่

1.ร้านคิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริเวณห้องโถงผู้โดยสาร ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต

2.ร้านคิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริเวณห้องพักผู้โดยสารขาออกภายในประเทศ ชั้น 2 อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ท่าอากาศยานภูเก็ต

3.ร้านคิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด โรงแรมป่าตองรีสอร์ท หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต

4.บริษัท วังถลาง จิวเวลรี่ แอนด์ กิฟท์ช็อป จำกัด ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต

5.ร้านสวัสดีดิวตี้ฟรี พลาซ่า อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต (เปิดให้บริการประมาณตุลาคม 2548)

6.ร้านคิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริเวณโรงแรมเขาหลักเมอร์ลิน รีสอร์ท อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

7.ร้านคิงเพาเวอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด บริเวณโรงแรมอ่าวนางวิลล่า รีสอร์ท อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่

คาดว่าร้านค้าปลอดอากรในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามันจะเป็นธุรกิจที่ได้รับประโยชน์โดยตรงจากมาตรการดังกล่าว โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 ของเม็ดเงินที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการนี้ทั้งหมด 3,000 ล้านบาท หรือมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากเดิมประมาณ 1,500 ล้านบาทในช่วง 4 เดือนที่เหลือของปี 2548

อย่างไรก็ตาม ร้านค้าปลอดอากรเหล่านี้จะต้องจัดหาสินค้าที่ตอบสนองความต้องการและกระแสความนิยมของกลุ่มลูกค้าคนไทยมารองรับอย่างหลากหลายทั้งประเภทสินค้าและแบรนด์ของสินค้า เพื่อดึงดูดความสนใจนักท่องเที่ยวคนไทยให้เดินทางไปเที่ยว 3 จังหวัดอันดามัน โดยมีตั้งแต่สินค้าประเภทน้ำหอมราคาเพียงไม่กี่พันบาทไปจนถึงสินค้าประเภทนาฬิกาหรูราคาเรือนละหลายแสนบาท

? ธุรกิจโรงแรม : รายได้เพิ่มขึ้น 550 ล้านบาท

ธุรกิจโรงแรมในภูเก็ต พังงา และกระบี่ ที่เข้าร่วมโครงการจำนวน 59 แห่งจะได้รับประโยชน์โดยตรงจากตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยที่เพิ่มขึ้นจากมาตรการดังกล่าว โดยคาดว่าโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการเหล่านี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2548 ประมาณ 550 ล้านบาทจากลูกค้าคนไทยที่เข้ามาพักเพิ่มขึ้น เนื่องจากเงื่อนไขที่นักท่องเที่ยวคนไทยจะมีสิทธิซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากรใน 3 จังหวัดอันดามันได้ จะต้องพักค้างคืนในโรงแรมใน 3 จังหวัดอันดามันไม่น้อยกว่า 1 คืน ทั้งนี้จะต้องเป็นโรงแรมที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้การรับรอง โดยมีหลักฐานในการขอเข้าร่วมโครงการกับททท. ดังนี้

– ใบอนุญาตเปิดโรงแรมของกระทรวงมหาดไทย
– หลักฐานการยื่นชำระค่าธรรมเนียมบำรุงองค์การบริหารส่วนจังหวัด
– หลักฐานการเสียภาษีเงินได้ของกรมสรรพากร

โดยล่าสุด ณ วันที่ 31 สิงหาคม 2548 มีโรงแรมที่สมัครเข้าร่วมโครงการกับททท.รวมทั้งสิ้น 59 แห่ง ดังนี้
– จังหวัดภูเก็ตมีโรงแรมเข้าร่วมโครงการเพียง 39 แห่งคิดเป็นร้อยละ 7 ของโรงแรมทั้งหมด 579 แห่ง
– จังหวัดพังงามีโรงแรมเข้าร่วมโครงการเพียง 12 แห่งคิดเป็นร้อยละ 8 ของโรงแรมทั้งหมด 144 แห่ง
– จังหวัดกระบี่มีโรงแรมเข้าร่วมโครงการเพียง 8 แห่งคิดเป็นร้อยละ 2 ของโรงแรมทั้งหมด 341 แห่ง

การที่มีโรงแรมเข้าร่วมโครงการให้สิทธิพิเศษคนไทยซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากรได้ น้อยมากนั้น ส่วนหนึ่งอาจเนื่องมาจาก

– ระยะเวลาดำเนินการ ที่ทางสำนักงานททท.ในพื้นที่แจ้งให้ผู้ประกอบการโรงแรมใน 3 จังหวัดดังกล่าวที่สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการภายในวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมานั้น ค่อนข้างกระชั้นมาก

– ช่วงเวลา 4 เดือนของมาตรการดังกล่าวอยู่ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ซึ่งเป็นช่วงฤดูท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวจากตลาดระยะไกล ทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมใน 3 จังหวัดอันดามันส่วนใหญ่ยังคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางกลับมาเที่ยว แม้จะมีจำนวนไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมาซึ่งทำให้ห้องพักโรงแรมชายทะเลต่างมีอัตราการเข้าพักเต็มก็ตาม

? ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร : มีรายได้เพิ่มขึ้น 320 ล้านบาท

การใช้จ่ายในด้านต่างๆที่เพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวคนไทย ซึ่งคาดว่าจะเดินทางเข้ามาเที่ยวค้างคืนใน 3 จังหวัดอันดามันเพิ่มขึ้นจากมาตรการดังกล่าว ส่งผลทำให้ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารต่างๆในพื้นที่ 3 จังหวัดมีแนวโน้มจะมีรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 320 ล้านบาท

? ธุรกิจบริการนำเที่ยวและพาหนะเดินทางในท้องถิ่น : มีรายได้เพิ่มขึ้น 430 ล้านบาท

บริษัทนำเที่ยวเป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีแนวโน้มจะได้รับผลประโยชน์ จากการขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยมาตรการดังกล่าว ทั้งนี้จะต้องเป็นบริษัทนำเที่ยวที่ได้จดทะเบียนกับสำนักทะเบียนธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 3,290 ราย ในจำนวนนี้เป็นบริษัทนำเที่ยวในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต 1,095 ราย พังงา 103 รายและกระบี่ 426 ราย

บริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดที่มีจำนวนรวมกัน 1,624 รายมีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างๆ ดังนี้

– นักท่องเที่ยวคนไทยที่เดินทางเข้ามาเที่ยว 3 จังหวัดอันดามันเพิ่มขึ้นจากมาตรการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเดินทางในกรณีนักท่องเที่ยวที่มีภูมิลำเนาหรือทำงานอยู่ในพื้นที่ 3 จังหวัดดังกล่าว และกรณีเดินทางไปเองโดยรถยนต์ส่วนตัว ซึ่งนักท่องเที่ยวจะต้องพักค้างคืนใน 3 จังหวัดที่กำหนดอย่างน้อย 1 คืน และซื้อโปรแกรมนำเที่ยวจากผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัด

– นักท่องเที่ยวคนไทยที่ตั้งใจจะเดินทางเข้าไปเที่ยวในพื้นที่ดังกล่าวในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2548 อยู่แล้ว ที่ต้องการสิทธิพิเศษในการซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากร ซึ่งจะต้องซื้อโปรแกรมนำเที่ยวในท้องถิ่น นอกเหนือจากการพักค้างคืนในโรงแรมที่เข้าร่วมโครงการ

ทำให้บริษัทนำเที่ยวในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามันและธุรกิจบริการเดินทางในพื้นที่ 3 จังหวัดมีแนวโน้มจะมีรายได้เพิ่มขึ้นจากนักท่องเที่ยวเหล่านี้ประมาณ 430 ล้านบาท

สำหรับนักท่องเที่ยวที่จะเข้าไปซื้อโปรแกรมนำเที่ยวในอันดามันจากบริษัทนำเที่ยวเพื่อสิทธิตามมาตรการดังกล่าว สามารถตรวจสอบบริษัทนำเที่ยวนั้นๆว่าเป็นบริษัทนำเที่ยวที่ททท.รับรองหรือไม่ จากใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวที่ททท.ออกให้พร้อมเลขหมายและระบุระยะเวลาของใบอนุญาต โดยบริษัทนำเที่ยวแต่ละแห่งจะต้องแสดงใบอนุญาตดังกล่าวไว้ภายในสถานที่ประกอบการเพื่อให้ลูกค้าตรวจสอบได้

การกระตุ้นการท่องเที่ยวอันดามันโดยจูงใจกลุ่มนักท่องเที่ยวคนไทยด้วยมาตรการดังกล่าว จึงส่งผลดีต่อการจัดรายการนำเที่ยวในประเทศ ที่มีแนวโน้มซบเซาลงมากในปีนี้ เพราะมีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ได้แก่ วิกฤตสึนามิ ความไม่สงบในภาคใต้ ต้นทุนในส่วนของน้ำมันที่เพิ่มขึ้นหลังการลอยตัวราคาน้ำมันดีเซล และกำลังซื้อของประชาชนที่ลดลงจากราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมัน

? ธุรกิจบริการด้านบันเทิงและกิจกรรมเพื่อการพักผ่อน : มีรายได้เพิ่มขึ้น 200 ล้านบาท

การใช้จ่ายในด้านบันเทิงและกิจกรรมเพื่อการพักผ่อนของนักท่องเที่ยวคนไทยที่คาดว่าจะเดินทางเข้าไปยัง 3 จังหวัดอันดามันเพิ่มขึ้นจากมาตรการดังกล่าว ส่งผลดีต่อธุรกิจในด้านสถานบันเทิง (อาทิ ภูเก็ตแฟนตาซี และสถานบันเทิงเริงรมย์ต่างๆ) ธุรกิจสปา สถานบริการนวดแผนไทย และธุรกิจบริการกีฬาประเภทต่างๆ (อาทิ กอล์ฟ ดำน้ำ เป็นต้น) ทำให้ต่างมีแนวโน้มจะมีรายได้เพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวมกันประมาณ 200 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีธุรกิจสายการบินที่มีเส้นทางบินในประเทศไปยังอันดามัน คือ ภูเก็ต และกระบี่ ทั้งสายการบินต้นทุนต่ำและสายการบินทั่วไป ที่มีแนวโน้มจะได้รับประโยชน์จากตลาดนักท่องเที่ยวคนไทยที่เพิ่มขึ้น จากมาตรการดังกล่าวในช่วง 4 เดือนสุดท้ายของปี 2548 โดยสายการบินส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเพิ่มเที่ยวบินไปยังภูเก็ตและกระบี่ เพื่อ

– รองรับนักท่องเที่ยวคนไทยที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการดังกล่าว ซึ่งมีทั้งนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปเอง และนักท่องเที่ยวที่ซื้อแพ็กเกจทัวร์ของสายการบินหรือบริษัททัวร์
– รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่คาดว่าจะเดินทางกลับมาเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวชายทะเลฝั่งอันดามันของไทยเพิ่มขึ้นในช่วงฤดูท่องเที่ยวปลายปีนี้

ธุรกิจสายการบินในประเทศที่มีเที่ยวบินไปยังภูเก็ตและกระบี่ต่างได้รับประโยชน์ทั้งสายการบินธรรมดาและสายการบินต้นทุนต่ำ จากการมียอดขายเพิ่มขึ้นทั้งการขายตั๋วโดยสารจากกรุงเทพฯหรือจังหวัดอื่นๆไปภูเก็ตหรือกระบี่ให้นักท่องเที่ยวคนไทยโดยตรง หรือการขายแพ็กเกจที่รวมค่าตั๋วโดยสารเครื่องบิน ค่าที่พัก บริการรถรับส่ง และบริการนำเที่ยว

สรุป

การกระตุ้นการท่องเที่ยวใน 3 จังหวัดอันดามันด้วยมาตรการทางภาษีอากร โดยให้นักท่องเที่ยวคนไทยมีสิทธิซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากรได้ ทำให้นักท่องเที่ยวประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อสินค้าลงได้เฉลี่ยประมาณร้อยละ 30 (สินค้าที่ได้รับความนิยมในร้านค้าปลอดอากรส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภท น้ำหอมและเครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์เครื่องหนัง เช่น กระเป๋า และรองเท้า รวมทั้งนาฬิกา เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกาย ซึ่งมีอัตราภาษีขาเข้าร้อยละ 30 ) จะส่งผลจูงใจนักท่องเที่ยวคนไทยให้เข้าไปเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่ ได้มากน้อยเพียงใดนั้น ยังขึ้นกับเงื่อนไขหลายประการที่ส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวคนไทย โดยเฉพาะในเรื่องค่าใช้จ่ายในการเดินทางที่จะต้องต่ำกว่าค่าใช้จ่ายหรือแพ็กเกจทัวร์ไปสิงคโปร์ และฮ่องกง

นอกจากนี้ ยังขึ้นกับสินค้าในร้านค้าปลอดอากรว่าจะสามารถดึงดูดนักช็อปฯคนไทยได้มากเพียงใด ทั้งในด้านความหลากหลาย ความทันสมัย และราคาที่ไม่ต่างจากสิงคโปร์และฮ่องกง รวมทั้งความสะดวกของการเดินทางไปซื้อที่ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เทียบกับการซื้อสินค้านำเข้าที่เสียภาษีแล้วตามห้างสรรพสินค้าชั้นนำในประเทศ หรือการเดินทางไปเที่ยวและซื้อของในต่างประเทศ

ดังนั้น แม้ว่ามาตรการดังกล่าวอาจจะไม่ส่งผลจูงใจกลุ่มนักช็อปฯคนไทยที่นิยมเดินทางไปเที่ยวและซื้อสินค้าแบรนด์เนมจากต่างประเทศได้มากนัก แต่คาดว่าหากค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปยัง 3 จังหวัดอันดามันอยู่ในระดับต่ำจูงใจนักท่องเที่ยว และการใช้สิทธิพิเศษซื้อสินค้าจากร้านค้าปลอดอากรไม่ยุ่งยากในทางปฏิบัติกับนักท่องเที่ยว ประกอบกับการประชาสัมพันธ์อย่างกว้างขวาง และมีโรงแรมเข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น เพื่อขจัดข้อจำกัดด้านที่พักรองรับนักท่องเที่ยวแล้ว จะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวคนไทยในตลาดระดับกลางซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ให้เดินทางไปเที่ยว 3 จังหวัดอันดามันได้เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังสามารถกระตุ้นการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าในร้านค้าปลอดอากรเพิ่มขึ้นด้วย ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวในภูเก็ต พังงา และกระบี่กลับมาคึกคักขึ้นอีกครั้งในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยคาดว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในพื้นที่จังหวัดภูเก็ต พังงา และกระบี่คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้ส่วนใหญ่ คือ ประมาณ 1,500 ล้านบาทเป็นรายได้ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นของร้านค้าปลอดอากร ที่เหลือเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจโรงแรมมูลค่าประมาณ 550 ล้านบาท บริษัทนำเที่ยวและบริการด้านการเดินทางในท้องถิ่นมูลค่า 430 ล้านบาท ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหารมูลค่า 320 ล้านบาท สถานบันเทิงและบริการเพื่อการพักผ่อนมูลค่า 200 ล้านบาท