นาย วิชชา โพธิปัสสา ผู้จัดการผลิตภัณฑ์ เบบี้มายด์ กล่าวถึงที่มาของการจัดกิจกรรมพิเศษในโครงการ Happy Time, Happy Tour ครั้งนี้ว่า เป็นโครงการที่แป้งเด็ก เบบี้มายด์ จัดขึ้นเพื่อเป็นการมอบความสุขส่งท้ายปลายปีให้แก่กลุ่มลูกค้า และเพื่อเป็นการตอกย้ำจุดแข็งของผลิตภัณฑ์แป้งเด็กเบบี้มายด์ โดยเฉพาะแป้งเบบี้มายด์ Happy Time (สีฟ้า) ซึ่งถือได้ว่าเป็นสีที่ได้รับความนิยม เนื่องจากผลการวิจัย Blind Test พบว่าผู้บริโภคมีความรู้สึกในการชอบกลิ่นของแป้งเบบี้มายด์ Happy Time (สีฟ้า) มากกว่าแป้งเด็กทั่วๆ ไป ทั้งในด้านกลิ่นหอมอ่อนๆ ที่ติดทนนาน ให้ความรู้สึกสดชื่น โดยหลังจากให้กลุ่มตัวอย่างทดลองใช้เป็นเวลา 1 อาทิตย์ พบว่ากลุ่มตัวอย่างมีความพึงพอใจและอยากซื้อผลิตภัณฑ์ เบบี้มายด์ มาใช้ต่อกว่า 60%
สำหรับกิจกรรม Happy Time, Happy Tour ที่จัดขึ้นนั้น มุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย โดยให้ทั้งความบันเทิงและการได้ทดสอบผลิตภัณฑ์ ส่วนวิธีการนั้นจะมีทั้งการเล่นเกม และการแจกผลิตภัณฑ์ตัวอย่างจำนวน 4 แสนชิ้น โดยกลุ่ม Happy Time Commando Team ซึ่งในงานเปิดตัวโครงการฯ วันที่ 21 ตุลาคม 2548 ที่สถานีขนส่ง หมอชิตนั้น มีกิจกรรมสนุกสนานมากมาย พร้อมด้วยการการพูดคุยกับครอบครัวดารา คุณ เกริก ชิลเลอร์ พร้อมภรรยาและลูก โดยแป้งเด็ก เบบี้มายด์ ได้วางงบประมาณในการจัดทำโครงการฯ นี้ประมาณกว่า 8 ล้านบาท
ด้านสภาพตลาดรวมทั่วไปของตลาดแป้งเด็กในปัจจุบันนั้น มีมูลค่ากว่า 1,832 ล้านบาท โดยตั้งแต่ช่วงต้นปี 2548 ตลาดแป้งเด็กมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นในเชิงปริมาณ 1.5% ปัจจุบันอยู่ที่ 14,825 ตัน สำหรับการแข่งขันนั้นนับว่ารุนแรงมากขึ้น เนื่องจากมีการแข่งขันด้านราคามากขึ้น ทั้งยังต้องแบกรับต้นทุนด้านการผลิตที่เพิ่มขึ้นจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในส่วนของแป้งเด็ก เบบี้มายด์ นั้น นายวิชชา เปิดเผยว่าปัจจุบันแป้งเด็ก เบบี้มายด์ สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง มียอดขายเพิ่มขึ้นกว่า 12.5% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี พร้อมกับมีส่วนแบ่งทางการตลาดเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นปีเป็น 14 % โดยเฉพาะในไตรมาสที่ 2 – 3 ของปี 2548 แป้งเด็ก เบบี้มายด์ Happy Time (สีฟ้า) มีอัตราการเติบโตสูงสุดกว่า 33% หลังจากมีการปรับโฉมและปรับสูตรเพิ่มส่วนผสมของ Vitamin E ที่ช่วยถนอมผิว และดอกโรสแมรี่ (Rosemary Extract) ให้กลิ่นหอมสดชื่น ช่วยให้ผ่อนคลาย และสามารถใช้ได้กับทุกคนในครอบครัว