บิ๊กซี เผยผลประกอบการไตรมาสสามโต 40% ชี้การยกระดับบริการและความเป็นผู้นำด้านราคาเอื้อการเติบโตต่อเนื่อง

กรุงเทพฯ – 14 พฤศจิกายน 2548: บิ๊กซี โชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 ยอดขายเพิ่มขึ้น 1,524 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มสูงถึงร้อยละ 40 เชื่อเป็นผลจากจุดแข็งในการเป็นผู้นำด้านราคา มุ่งจำหน่ายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน และการยกระดับบริการ ช่วยสร้างความพึงพอใจให้แก่ลูกค้าท่ามกลางภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น

นายอีฟ แบร์กนาร์ เบรบ๊อง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 ว่า บริษัทและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิจำนวน 349.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 99.6 ล้านบาทหรือร้อยละ 39.8 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2547 ที่มีกำไรสุทธิ 250.3 ล้านบาท

“ความสำเร็จดังกล่าวเป็นผลจากผู้บริโภคมีความพึงพอใจในการมาจับจ่ายซื้อสินค้าที่บิ๊กซี โดยในช่วงที่ผ่านมา บิ๊กซีได้ปรับกลยุทธ์ยกระดับการให้บริการตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยได้พัฒนาและปรับปรุงรูปลักษณ์ใหม่ของสาขาเดิมทั้งในซูเปอร์เซ็นเตอร์และทาวน์เซ็นเตอร์หรือพื้นที่ให้เช่ารวม 7 สาขา รวมเป็นเงินลงทุนร่วม 300 ล้านบาท อีกทั้งยังได้จัดกิจกรรมแคชเชียร์มือทองและการมุ่งเน้นให้พนักงาน บิ๊กซีให้บริการด้วยใจ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้มีผู้บริโภคเข้ามาใช้บริการในห้างฯ เป็นจำนวนมาก และทำให้ยอดขายของบิ๊กซีเติบโตขึ้น”

“นอกจากนี้ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นยังเป็นผลจากการขยายสาขาเพิ่มขึ้นจำนวน 3 สาขาในปีนี้ ได้แก่ สาขาอ้อมใหญ่ เพชรเกษม และสุขาภิบาล 3 และการที่ผู้มีบริโภคมีความเชื่อมั่นในภาพพจน์ความเป็นผู้นำด้านราคาของบิ๊กซี ซึ่งเป็นสิ่งที่บิ๊กซีมุ่งเน้น ดังนั้น บิ๊กซีจะยังคงสร้างความต่อเนื่องและสม่ำเสมอในจุดแข็งนี้โดยการขายสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันในราคาประหยัด และการจัดกิจกรรมโปรโมชั่นพิเศษ เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ลูกค้าของบิ๊กซี ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในปัจจุบัน”

ทั้งนี้ บิ๊กซี มีรายได้รวมทั้งสิ้น 14,789 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขาย 13,245 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปี 2547 จำนวน 1,524 ล้านบาทหรือร้อยละ 13 รายได้ค่าเช่าและค่าบริการ 539 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71 ล้านบาทหรือร้อยละ 15.2 และรายได้อื่นรวม 1,005 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 215 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.2

นายอีฟ กล่าวต่อไปว่า สำหรับไตรมาสที่ 4 ซึ่งเป็นไตรมาสสุดท้ายของปี 2548 บิ๊กซีจะยังคงจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้านราคาและการจำหน่ายสินค้าที่หลากหลายมากขึ้น รวมทั้ง การจัดโปรโมชั่นพิเศษรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่ผู้บริโภคจะมีการจับจ่ายซื้อสินค้าสูง บิ๊กซีคาดว่า ผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 จะมียอดขายเป็นที่น่าพอใจ

นอกจากนี้ บิ๊กซียังได้เปิดสาขาใหม่อีก 2 สาขาในไตรมาสนี้ ได้แก่ สาขาเอกมัย ที่เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เพื่อมุ่งเจาะตลาดกลุ่มคนเมือง และบริษัทฯ ยังมีแผนจะเปิดสาขาใหม่ที่สกลนครในปลายเดือนนี้ ซึ่งจะทำให้บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ มีสาขาเพิ่มขึ้นเป็น 45 สาขาภายในสิ้นปี 2548 ซึ่งบิ๊กซี เชื่อมั่นว่า ทั้ง 2 สาขาจะได้รับการต้อนรับจากผู้บริโภคเป็นอย่างดี และสามารถสร้างความสำเร็จทางด้านยอดขายให้กับบริษัทฯ อย่างแน่นอน

“จากผลประกอบการในสามไตรมาสแรกของปี 2548 ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า บิ๊กซีมียอดขายที่เติบโตอย่างต่อเนื่องท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว สำหรับผลการดำเนินงานตลอดทั้งปีนี้ บริษัทฯ จึงมีความมั่นใจว่า ยอดขายและรายได้จะมีการขยายตัวตามเป้าหมายที่วางไว้” นายอีฟกล่าวทิ้งท้าย

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ภายใต้ชื่อ “บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์” ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผลภายใต้สโลแกน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความคุ้มค่าในระดับสูงสุดแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 44 สาขา ครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th