ฟิทช์: ธนาคารไทยเผชิญกับความท้าทายเพิ่มขึ้นในปี 2549

ฟิทช์ เรทติ้งส์-กรุงเทพฯ/สิงค์โปร์ -22 พฤศจิกายน 2548: ฟิทช์ เรทติ้งส์ ได้ให้ความเห็นถึงผลประกอบการปี 2548 ของธนาคารไทยซึ่งโดยภาพรวมแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของธนาคารส่วนใหญ่ และถูกสะท้อนโดยการปรับเพิ่มอันดับเครดิตของภาคธุรกิจธนาคารโดยฟิทช์ในระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ฟิทช์กล่าวว่าสภาวะแวดล้อมที่เอื้ออำนวยต่อการดำเนินธุรกิจในระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ได้มีการเปลี่ยนแปลงไปในลักษณะที่มีความท้าทายมากขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยและราคาน้ำมันที่สูงขึ้นรวมทั้งความเชื่อมั่นที่ลดลงของผู้บริโภคและภาคธุรกิจส่งผลกระทบต่ออัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2549

ภาคธุรกิจสินเชื่อลูกค้ารายย่อย และผู้ประกอบการธุรกิจธนาคารรายใหม่เป็นกลุ่มที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงมากที่สุดเนื่องมาจากแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจากการเติบโตของสินเชื่อที่ต่ำลง แรงกดดันทางด้านต้นทุนการปล่อยสินเชื่อ และการผิดนัดชำระหนี้ที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ในปีหน้า แนวโน้มเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงอาจส่งผลทางลบต่อผลการดำเนินงานที่ได้มีการปรับตัวดีขึ้นของภาคธุรกิจธนาคารและบริษัทเงินทุน ฟิทช์เชื่อว่าพื้นฐานทางเศรษฐกิจในระยะยาวยังคงแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การลงทุนภาคเอกชนและการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลน่าจะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมการจัดหาเงินทุนโดยภาคธุรกิจ และน่าจะช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของรายได้และผลกำไรของธนาคาร

ผลกระทบในเชิงลบของต้นทุนการจัดหาเงินทุนที่สูงขึ้นต่ออัตรากำไรน่าจะถูกลดทอนลงได้ในระดับหนึ่งโดยผลตอบแทนและการเติบโตที่สูงขึ้นของสินเชื่อ แม้ว่าแรงกดดันจากภาวะการแข่งขันอาจจะยังคงจำกัดการปรับเพิ่มของอัตรากำไร ในขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ของภาคธุรกิจธนาคารได้ลดลงสู่ระดับประมาณ 10% เนื่องมาจากการปรับโครงสร้างหนี้และการตัดบัญชีหนี้สูญ สภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงและอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจก่อให้เกิดการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราการผิดนัดชำระหนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อพิจารณาถึงหนี้ที่ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้ของธนาคารไทยที่ยังอยู่ในระดับที่สูง และเมื่อประกอบกับสภาพคล่องซึ่งถูกคาดการณ์ว่าจะตึงตัวขึ้น แผนการจัดตั้งสถาบันประกันเงินฝากน่าจะส่งผลให้ต้นทุนการปล่อยสินเชื่อและค่าธรรมเนียมการประกันเงินฝากของธนาคารที่อ่อนแอเพิ่มสูงขึ้นอีก ในขณะที่ธนาคารที่แข็งแกร่งน่าจะได้รับประโยชน์ ฟิทช์เล็งเห็นว่าการประกันเงินฝากที่มีการจำกัดวงเงินประกันน่าจะส่งผลดีต่อภาคธุรกิจธนาคารไทยในระยะยาวโดยช่วยเสริมสร้างวินัยทางการเงินให้ตลาด และเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารไทยต้องปรับเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินของตนเอง

การประกาศผลการดำเนินงานสำหรับงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 ชี้ให้เห็นว่ากำไรสุทธิรวมของธนาคารไทยขนาดใหญ่ 6 ธนาคารและธนาคารลูกของธนาคารต่างประเทศ 2 ธนาคาร ได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและแข็งแกร่งที่ระดับ 15% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า การปรับตัวที่ดีขึ้นของผลกำไรเนื่องมาจากการเติบโตของสินเชื่ออย่างแข็งแกร่ง รายได้ค่าธรรมเนียมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมทั้งการกันสำรองหนี้สูญและต้นทุนการปล่อยสินเชื่อที่ลดลง ผลกำไรที่ปรับตัวดีขึ้นนี้ได้ช่วยสนับสนุนและฟื้นฟูฐานะเงินกองทุนของธนาคาร

ในบรรดาธนาคารไทยขนาดใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) และธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ได้ประกาศผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของรายได้ ผลกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ ซึ่งเป็นผลมาจากการปฏิรูปองค์กรที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้และเครือข่ายลูกค้าระดับกลางและลูกค้ารายย่อยที่แข็งแกร่งกว่า กำไรสุทธิเมื่อไม่นับรวมรายการพิเศษของ SCB เพิ่มขึ้นประมาณ 40% ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 ผลการดำเนินงานหลักของ KBANK ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างแข็งแกร่งโดยกำไรก่อนหักภาษีเพิ่มขึ้นประมาณ 30% ธนาคารกรุงเทพ (BBL) รายงานผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเช่นกัน โดยกำไรสุทธิของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญถึง 33.9% ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 เนื่องมาจากต้นทุนการปล่อยสินเชื่อที่ต่ำลง ผลกำไรของ BBL น่าจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2549 จากการจัดหาเงินทุนใหม่เพื่อแทนที่หุ้นกู้ควบหุ้นบุริมสิทธิที่เหลืออยู่ในปลายไตรมาสที่ 3 ของปี 2548 และการแก้ปัญหาการปรับโครงสร้างหนี้ของบริษัท อุตสาหกรรมปิโตรเคมีกัลไทย ในขณะที่ธนาคารกรุงไทย (KTB) ประกาศผลการดำเนินงานหลักที่เพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในงวด 9 เดือนแรกของปี 2548 โดยกำไรสุทธิเมื่อไม่นับรวมรายการพิเศษเพิ่มขึ้น 31% ฟิทช์กล่าวว่า KTB ได้มีการชะลอการปล่อยสินเชื่อหลังจากธนาคารแห่งประเทศไทยให้ธนาคารทำการจัดชั้นหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ใหม่ในเดือนกรกฎาคม 2547 ซึ่งเมื่อประกอบกับการการจัดโครงสร้างการบริหารใหม่และการควบคุมความเสี่ยงที่เข้มงวดขึ้น น่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถรักษาการปรับตัวเพิ่มขึ้นของผลการดำเนินงานได้

ผลการดำเนินงานของธนาคารทหารไทย (TMB) ได้รับผลกระทบจากการควบรวมกิจการกับบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (IFCT) และธนาคาร DBS ไทยทนุ (DTDB) อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานหลักของธนาคารน่าจะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับเมื่อการดำเนินงานของธนาคารเริ่มมีเสถียรภาพหลังจากการควบรวมกิจการเสร็จสิ้น ผลการดำเนินงานของธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีสาเหตุหลักจากการเติบโตของสินเชื่อ แต่ธนาคารยังคงเผชิญกับความเสี่ยงที่อาจจะต้องกันสำรองหนี้สูญเพิ่มเติม เนื่องมาจากระดับการกันสำรองหนี้สูญของธนาคารที่ยังอยู่ในระดับที่ต่ำ ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) (SCBT) ได้ประกาศรายได้ ผลกำไร และคุณภาพสินทรัพย์ที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การที่ธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้ารายย่อยที่สูงอาจส่งผลให้อัตราการผิดนัดชำระหนี้เพิ่มขึ้นได้ ธนาคารเอเชีย (BOA) ได้รายงานผลกำไรที่อ่อนแอลงในปี 2548 เนื่องจากการดำเนินงานของธนาคารได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นจาก ABN AMRO เป็น ธนาคาร United Overseas Bank (UOB) และจากการควบรวมกิจการระหว่าง BOA และธนาคารยูโอบี รัตนสิน (UOBR) ที่ดำเนินการอยู่และคาดว่าจะเสร็จสิ้น ณ สิ้นปี 2548 อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลการดำเนินงานจะปรับตัวดีขึ้นในปี 2549

ติดต่อ
ชัยพัฒน์ ไพฑูรย์, Vincent Milton, กรุงเทพฯ +662 655 4762/4759
David Marshall, ฮ่องกง +852 2263 9963

การเปิดเผยข้อมูล: บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม กสิกรไทย จำกัด ซึ่งถือหุ้น 71.4% โดยธนาคารกสิกรไทย ถือหุ้นจำนวน 10% ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ทิสโก้ ซึ่งถือหุ้น 99.9% โดยธนาคารทิสโก้ ถือหุ้นจำนวน 10% ของบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ไม่มีผู้ถือหุ้นใดนอกเหนือจากบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ จำกัดแห่งประเทศอังกฤษที่มีส่วนในการดำเนินงานและการจัดอันดับเครดิตที่จัดโดยบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด

คำจำกัดความของอันดับเครดิตและการใช้อันดับเครดิตดังกล่าวของ ฟิทช์ เรทติ้งส์ สามารถหาได้จาก www.fitchratings.com อันดับเครดิตที่ประกาศ หลักเกณฑ์และวิธีการจัดอันดับเครดิต ได้แสดงไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าวตลอดเวลา หลักจรรยาบรรณ การรักษาข้อมูลภายใน ความขัดแย้งทางผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้น แนวทางการเปิดเผยข้อมูลระหว่างบริษัทในเครือ กฏข้อบังคับรวมทั้งนโยบายและกระบวนการที่เกี่ยวข้องอื่นๆของฟิทช์ ได้แสดงไว้ในส่วน ‘หลักจรรยาบรรณ’ ในเว็บไซต์ดังกล่าวเช่นกัน