ดร.มาร์ติน เอาใจวัยทีน เปิด “1460 บู๊ท ช็อป” กลางเซ็นเตอร์พอยท์ รวมบู๊ทสุดฮ็อตหลากรุ่นและสีสัน มากที่สุดในเมืองไทย

นางสุดา ทรงอุดมวัฒนา ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โอ ที ที ฟุตแวร์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯ ซึ่งเป็นผู้นำเข้าและจัดจำหน่าย รองเท้า ดร.มาร์ตินส์ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้เตรียมเปิดร้านแฟชั่นบู๊ทจาก ดร.มาร์ตินส์ ครั้งแรกของเมืองไทยขึ้นกลางสยามสแควร์ โดยใช้ชื่อร้านว่า “1460 Boot Shop By Dr.Martens”

“หลังจากที่เราเริ่มเปิดตลาดด้วยรองเท้าผู้ชายไปเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่าน ปรากฏว่าได้รับกระแสการตอบรับที่ดีมาก รวมทั้งมีกระแสเรียกร้องรองเท้าแฟชั่นสำหรับผู้หญิง วัยรุ่น และคนรุ่นใหม่ เข้ามามาก จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิด “1460 Boot Shop by Dr.Martens”

สำหรับสาเหตุที่เลือกแฟชั่นรองเท้าบู๊ทเนื่องจาก รองเท้าบู๊ท ถือเป็นจุดเด่น และจุดกำเนิดของดร.มาร์ตินส์ ที่สร้างชื่อเสียงมายาวนานจนถึงปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นที่หลายคนไม่อาจปฎิเสธได้นั้นคือบู๊ทในสไตล์ ดร.มาร์ตินส์ ที่คงเอกลักษณ์ความโดดเด่นเรื่องความทนทาน การเย็บขอบด้วยด้ายเหลืองระหว่างตัวรองเท้าและพื้นรองเท้า และการใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพจากทั่วโลก อีกทั้งเน้นในเรื่องของการสวมใส่สบายด้วยเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพเท้าอย่าง Air Cushioned หรือ Bouncing Soles ที่เป็นเทคนิคการใช้ความร้อนหลอมเส้นขอบหนังให้ประกบพื้นรองเท้ากับฐานรองเท้า โดยให้มีอากาศอยู่ภายใน เพื่อช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักของเท้า ทำให้เกิดความรู้สึกนุ่มสบายและเด้งได้เวลาเดิน (อันเป็นที่มาของการจดเครื่องหมายการค้า Bouncing Soles)

รวมทั้งจุดเด่นที่สำคัญของ บู๊ทในสไตส์ ดร.มาร์ตินส์ คือ การพัฒนารูปแบบ ดีไซน์ให้มีความหลากหลายและทันสมัยอยู่ตลอดเวลา อาทิ การใช้เทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้กับการออกแบบดีไซน์ไม่ว่าจะเป็น การใช้ Laser Technique, Air-Brushed Technique, Graffito Technique ในการวาดลวดลายบนหนังก่อนการตัดเย็บ เป็นต้น นอกจากนั้นยังมีการเลือกใช้หนังที่มีคุณภาพชนิดพิเศษ อาทิ หนังเรียบ หนังแก้ว หนังเคลือบเมทาลิก และหนังพิมพ์ลาย โดยเน้นเฉดสีที่มีความหลากหลายให้เลือกกว่า 50 เฉดสี ทำให้ช่วยเพิ่มทางเลือกในการประยุกต์ให้เข้ากับแฟชั่นการแต่งตัวในทุกไลฟ์สไตส์ได้อย่างลงตัว”

นางสุดา กล่าวต่อไปว่า การเปิดร้านบู๊ทของ ดร. มาร์ตินส์ ในครั้งนี้จะเป็นการเปิดโอกาสให้วัยรุ่นไทยได้มีโอกาสรู้จักและสัมผัสกับ ดร.มาร์ตินส์ ได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังสอดรับกับกระแสแฟชั่นของกลุ่มวัยรุ่นไทยที่มีความทันสมัยและมีสไตล์การแต่งตัวที่เป็นตัวของตัวเองมากขึ้น โดยกลุ่มเป้าหมายของร้านจะมีตั้งแต่ กลุ่มวัยรุ่นหญิง-ชาย อายุตั้งแต่ 16 – 25 ปี คนรุ่นใหม่วัยเริ่มทำงาน และกลุ่มคนที่มีความทันสมัย ชอบแต่งตัว และตามแฟชั่นตลอดเวลา รวมถึงกลุ่มศิลปิน-ดารา ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดี

ทั้งนี้ “1460 Boot Shop by Dr.Martens” เป็น Boot shop จาก Dr.Martens ที่เปิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และถือเป็นร้านแรกที่รวบรวมบู๊ทดีไซน์เท่ทั่วทุกมุมโลกจาก ดร.มาร์ตินส์ กว่า 50 แบบ ในหลากหลายสีสัน ที่สามารถรองรับการแต่งตัวได้หลากหลายสไตส์ โดยจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 8 ธันวาคมศกนี้ โดยจะมีการจัดกิจกรรมพิเศษ “Buy or Bring 1 get 460.- Baht” เมื่อซื้อ DM Boot 1 คน รับส่วนลดทันที 460 บาท หรือ มาซื้อบู๊ท 1 คน พร้อมพาเพื่อนมาซื้อรับส่วนลดทันทีคนละ 460 บาท สำหรับผู้ที่พาเพื่อนมาจะได้รับ คูปองมูลค่า 460 บาท 1 ใบ ต่อเพื่อน 1 คนที่พามา โดยอาจจะสะสมไว้ แลกซื้อรองเท้าบู๊ทรุ่นใดก็ได้ (คูปองสะสมสูงสุด ไม่เกิน 3 ใบ มูลค่า 1,380 บาท ต่อการแลกซื้อรองเท้า 1 คู่) หรือแลกฟรีของที่ระลึกจาก ดร.มาร์ตินส์ เช่น ปากกา กระเป๋า เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมพิเศษดังกล่าวจะหมดเขตในวันที่ 31 มี.ค.2549

เกี่ยวกับรองเท้า ดร.มาร์ตินส์

ดร.มาร์ตินส์ ริเริ่มโดย ดร.เคลาส์ มาร์ตินส์ โดยเริ่มจากการออกแบบรองเท้าในระบบพื้น Air Cushioned Soles ที่ช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักของเท้า และหลังจากการพัฒนาจนเริ่มการผลิตรองเท้าบู๊ทคู่แรก เมื่อวันที่ 1 เดือนเมษายน ปี ค.ศ. 1960 ซึ่งเป็นที่มาของรองเท้าที่เป็นเอกลักษณ์รุ่น 1460 จนถึงปัจจุบัน รองเท้า ดร.มาร์ตินส์ ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง โดยมี สำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศอังกฤษ และมีสาขาทั้งยุโรป อเมริกา และเอเชีย กว่า 60 ประเทศทั่วโลก

ดร.มาร์ตินส์ ในปัจจุบันนอกจากจะคงความคลาสสิคแล้ว ยังพัฒนาให้มีความทันสมัยมากขึ้น สามารถตอบรับกับทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงเอกลักษณ์ความทนทานของ ดร.มาร์ติน อย่างการเย็บขอบด้วยด้ายเหลืองระหว่างตัวรองเท้าและพื้นรองเท้า และเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพเท้าอย่าง Air Cushioned หรือ Bouncing Soles ที่เป็นเทคนิคการใช้ความร้อนหลอมเส้นขอบหนังให้ประกบพื้นรองเท้ากับฐานรองเท้า โดยให้มีอากาศอยู่ภายใน เพื่อช่วยพยุงและรองรับน้ำหนักของเท้า ทำให้เกิดความรู้สึกนุ่มสบายและเด้งได้เวลาเดิน (อันเป็นที่มาของการจดเครื่องหมายการค้า Bouncing Soles) รวมไปถึงคุณภาพที่ได้มาตรฐานเดียวกันทั่วโลก