ศาลแขวงโตเกียวปฏิเสธข้อโต้แย้งของอินเทล เค.เค.ที่ให้เก็บหลักฐานที่ JFTC รวบรวมได้ระหว่างการสอบสวนอินเทลในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของญี่ปุ่น

โตเกียว–(บิสิเนสไวร์)–16 ธ.ค. 2548 – ศาลแขวงโตเกียวได้ออกคำสั่งให้มีการเปิดเผยหลักฐานที่รวบรวมโดยคณะกรรมการการค้าที่ยุติธรรมของญี่ปุ่น (JFTC) ในระหว่างการสอบสวนบริษัทอินเทล เค.เค. (“อินเทล”) ในข้อหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของญี่ปุ่น หลักฐานดังกล่าว ซึ่งถูกค้นพบในการบุกค้นสำนักงานของอินเทล เค.เค และผู้ผลิต OEM รายใหญ่ของญี่ปุ่นเมื่อเดือนเมษายน 2547 เป็นจุดเริ่มต้นให้ JFTC เสนอความเห็นคัดค้านอินเทล (JFTC’s Recommendation against Intel) ทั้งนี้ ที่ปรึกษากฎหมายของบริษัทเอเอ็มดี เจแปน ตั้งใจที่จะใช้หลักฐานของ JFTC เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินคดีกับบริษัทอินเทลในประเทศญี่ปุ่น ที่มีการยื่นฟ้องไปเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2548 (เอเอ็มดี เจแปน ยื่นฟ้อง อินเทล เค.เค.)

คำตัดสินดังกล่าวมีขึ้นในการสรุปการพิจารณาคดีซึ่งที่ปรึกษาทั้งของเอเอ็มดี เจแปน และอินเทล ได้กล่าวถึงการจัดทำเอกสารที่รวบรวมโดย JFTC ในระหว่างการสอบสวนเป็นระยะเวลานาน 1 ปี เกี่ยวกับการที่อินเทลละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของญี่ปุ่น

“คำตัดสินของศาลในวันนี้เป็นการส่งข้อความว่า ความจริงเกี่ยวกับการใช้อำนาจผูกขาดโดยผิดกฎหมายของอินเทลจะปรากฏขึ้นในเร็วๆนี้” นายโธมัส เอ็ม. แม็คคอย รองประธานบริหารฝ่ายกฎหมายและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายจัดการของเอเอ็มดีกล่าว “เราขอขอบคุณศาลสำหรับการตัดสินที่มีเหตุมีผล และเราเชื่อว่า มันเป็นการส่งข้อความที่ชัดเจนไปทั่วโลกว่า จากนี้ไป อินเทลคงหมดหวังที่จะปิดบังกฎหมายหรือผู้บริโภคซึ่งสมควรได้รับรู้ความจริงเกี่ยวกับพฤติกรรมทางธุรกิจที่เป็นการต่อต้านการแข่งขันไม่ว่าพวกเขาจะอยู่ที่ใด เราเชื่อว่าหลักฐานของ JFTC จะแสดงให้เห็นว่าผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกับเราตระหนักดีอยู่แล้วว่า อินเทลใช้อำนาจผูกขาดโดยผิดกฎหมายเพื่อข่มขู่ OEM ไม่ให้ทำธุรกิจกับเอเอ็มดี”

นายแม็คคอยกล่าวต่อไปว่า “สิ่งที่อันตรายก็คืออนาคตของคอมพิวเตอร์ในเศรษฐกิจโลกที่พึ่งพาอาศัยไมโครโพรเซสเซอร์ในแต่ละวันเพิ่มมากขึ้น ผู้บริโภคทั่วโลกกำลังถูกคุกคามจากกลยุทธ์ในการผูกขาดอย่างไม่ถูกต้องของอินเทลผ่านทางการขึ้นราคา การปิดกั้นนวัตกรรม และการจำกัดทางเลือก”

การเสนอความเห็นคัดค้านอินเทลของ JFTC

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 JFTC พบว่า อินเทลได้ใช้อำนาจผูกขาดโดยผิดกฎหมายเพื่อตัดการแข่งขันที่เป็นธรรมและเปิดกว้าง ซึ่งเป็นการละเมิดมาตรา 3 ของกฎหมายต่อต้านการผูกขาดของญี่ปุ่น การตรวจพบเหล่านี้เผยให้เห็นว่า อินเทลดำเนินธุรกิจที่ผิดกฎหมายโดยเจตนาเพื่อหยุดยั้งความสำเร็จที่เพิ่มมากขึ้น และปิดกั้นส่วนแบ่งตลาดที่ทวีขึ้นของเอเอ็มดี ซึ่งมีอยู่ถึง 22% ในปี 2545 โดยกำหนดข้อจำกัดต่อผู้ผลิตพีซีของญี่ปุ่น (ซึ่งจำหน่ายโน้ตบุ๊คและคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะแก่ลูกค้าทั่วโลก)

การเสนอความเห็นคัดค้านอินเทลของ JFTC เป็นผลสืบเนื่องมาจากการสอบสวนนาน 11 เดือน ซึ่งแสดงให้เห็นรูปแบบพฤติกรรมการการต่อต้านการแข่งขันและการต้องต้านผู้บริโภค คณะกรรมการพบว่า ด้วยเหตุที่เอเอ็มดีได้ล่วงล้ำเข้าไปในส่วนแบ่งตลาดของอินเทล อินเทลจึงเริ่มดำเนินการอย่างรอบคอบในการตั้งข้อจำกัดเอเอ็มดี ด้วยการกำหนดเงื่อนไขกับผู้ผลิต 5 รายของญี่ปุ่น (ซึ่งประกอบด้วย เอ็นอีซี, ฟูจิตสึ, โตชิบา, โซนี่ และฮิตาชิ ตามที่ได้รับการเปิดเผยในภายหลัง) ซึ่งซีพียูของบริษัททั้ง 5 ราย คิดเป็น 77% ของซีพียูทั้งหมดที่ขายได้ในญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจเอฟซีทีพบว่า :

– ผู้ผลิตพีซีรายหนึ่งถูกบังคับให้ตกลงซื้อซีพียูจากอินเทลทั้ง 100% และผู้ผลิตอีกรายหนึ่งถูกบังคับให้ลดสัดส่วนการซื้อซีพียูที่ไม่ใช่ของอินเทลลงเหลือ 10% หรือต่ำกว่า

– อินเทลได้วางเงื่อนไขการให้ส่วนลดสำหรับผู้ผลิตพีซีที่ใช้เฉพาะซีพียูของอินเทลตลอดทั้งซีรีส์ของคอมพิวเตอร์ที่มีการจำหน่ายภายใต้แบรนด์ใดแบรนด์หนึ่งเพื่อกีดกันให้ซีพียูของเอเอ็มดีหลุดออกจากวงจรการจำหน่าย

– กลไกที่ใช้เพื่อบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ได้รวมถึงการให้ส่วนลดและแนวปฏิบัติด้านการตลาด ซึ่งรวมถึงโครงการที่ให้ระบุสัญลักษณ์ “Intel Inside” และการจัดตั้งกองทุนพัฒนาตลาดซึ่งได้รับเงินสนับสนุนผ่านทางบริษัทแม่ของอินเทลในสหรัฐฯ

การเสนอความเห็นของ JFTC ระบุว่า อินเทลได้วางข้อจำกัดเหล่านี้เพื่อตอบโต้โดยตรงต่อการที่เอเอ็มดีมีสัดส่วนตลาดเพิ่มขึ้นในปี 2543-2545 และข้อเสนอแนะนี้ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ผลสืบเนื่องจากการกระทำที่ไม่ถูกต้องดังกล่าว ทำให้สัดส่วนตลาดรวมกันของเอเอ็มดีและบริษัทผลิตซีพียูที่มีขนาดเล็กอีกแห่งหนึ่ง ลดลงจากระดับ 24% ในปี 2545 เหลือเพียง 11% ในปี 2546

ทั้งนี้ JFTC ได้กำหนดข้อจำกัดหลายประการต่ออินเทล เป็นต้นว่า ทางบริษัทจะต้องแจ้งลูกค้า และให้ความรู้แก่พนักงานว่าบริษัทจะไม่สามารถให้ส่วนลดหรือเงินทุนอื่นๆ อีกต่อไปแก่ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ของญี่ปุ่นบนเงื่อนไขซึ่งเป็นการกีดกันซีพียูของคู่แข่ง

ขณะเดียวกัน การสืบสวนของคณะกรรมาธิการยุโรป และคณะกรรมการการค้าที่ยุติธรรมของเกาหลี (FTC) เกี่ยวกับพฤติกรรมทางธุรกิจของอินเทลซึ่งต่อต้านการแข่งขันในลักษณะเดียวกันกับที่พบในญี่ปุ่นก็ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง

สถานะของเอเอ็มดีในการแข่งขันที่เป็นธรรมและเปิดกว้าง

เอเอ็มดียึดมั่นในการแข่งขันที่เป็นธรรมและเปิดกว้าง รวมถึงการส่งมอบมูลค่า และการแข่งขันที่หลากหลายให้กับตลาด เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำของเอเอ็มดี จะทำให้ผู้ใช้สามารถฟันฝ่าไปสู่ระดับใหม่ของประสิทธิภาพ ขีดความสามารถ และการสร้างสรรค์ บรรดาธุรกิจและผู้บริโภคจะมีอิสระในการเลือกผลิตภัณฑ์ต่างๆซึ่งมาจากนวัตกรรมที่ต่อเนื่อง และเมื่อกลไกตลาดทำงาน ผู้บริโภคจะมีทางเลือกและทุกคนจะชนะ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาดูจาก http://www.amd.com/breakfree

เกี่ยวกับเอเอ็มดี

เอเอ็มดี คือ ผู้ออกแบบ และผลิตไมโครโพรเซสเซอร์ แฟลชเมมโมรี่ และโพรเซสเซอร์ชนิดประหยัดพลังงานสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์สื่อสาร ตลอดจนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เอเอ็มดีคือผู้นำเสนอโซลูชั่นมาตรฐานที่มุ่งตอบสนองทุกๆ ความต้องการของผู้ใช้เทคโนโลยี ตั้งแต่องค์กรธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาล ไปจนถึงผู้ใช้ทั่วไป อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.amd.com

AMD, เครื่องหมายลูกศรของ AMD และชื่ออื่นๆ ที่ประกอบด้วยสัญลักษณ์เหล่านี้ เป็นเครื่องหมายการค้าของ Advanced Micro Devices, Inc. ส่วนชื่ออื่นๆ ที่ปรากฏนั้น มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นข้อมูลเท่านั้น และอาจเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของบริษัทที่เกี่ยวข้อง

ติดต่อ: ฝ่ายประชาสัมพันธ์เอเอ็มดี เจแปน
ชุน โยชิซาว่า, +81-33346-7616
(ญี่ปุ่น)
อีเมล์: shunsuke.yoshizawa@amd.com
หรือ
ประชาสัมพันธ์เอเอ็มดี
เดฟ โครล, 408-749-3310
(สหรัฐอเมริกา)
อีเมล์: dave.kroll@amd.com
หรือ
ฝ่ายรัฐบาลสัมพันธ์
เจนส์ ดรูว์ส, +49 351 277 1015
(ยุโรป)
อีเมล์: jens.drews@amd.com