ภาพ : ต้น – ชานนท์ สมฤทธิ์ ผู้กำกับเรื่อง “ผีเสื้อสมุทร”
เป็นผู้กำกับละครดังมาแล้วมากมายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น กระตุกหนวดเสือ, หนึ่งฟ้าหลังคาเดียว, สุภาพบุรุษตีนควาย,
คนละวัยหัวใจเดียวกัน, 2+1 แกร่งเกินพิกัด ฯลฯ อีกมากมายและแล้ว ต้น – ชานนท์ สมฤทธิ์ เตรียมโชว์ผลการการกำกับหนังใหญ่เรื่องแรกใน “ผีเสื้อสมุทร” ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องแรกเปิดศักราช ปี 2549 ของอาร์เอสฟิล์ม เรื่องราวของมุมมองที่แตกต่างออกไปของ “ผีเสื้อสมุทร” ที่เราเคยรู้ ได้ยินจากวรรณคดีไทย ถูกถ่ายทอดออกมาเป็นหนังใหญ่ ด้วยแนวคิดของคนยุคปัจจุบัน ซึ่งงานนี้ต้องอาศัยนักแสดงที่มากด้วยฝีมือประกอบกับคอมพิวเตอร์กราฟฟิคเพื่อมาสร้างสรรค์ความฝันของผู้กำกับ โปรดิวเซอร์ ให้เป็นจริงขึ้นมา โดยได้นักแสดงคู่หนุ่มสาว ธันญ์ ธนากร และ ต้อง – ศุภัชญา รื่นเริง ที่ต้องทุ่มเทใจและกายในการทำงานหนักครั้งนี้ ไม่ว่าจะต้องว่ายน้ำและดำน้ำให้อึดที่สุด
ต้น – ชานนท์ กล่าวว่า “ หนังเรื่อง “ผีเสื้อสมุทร” จะเป็นหนังแนวแฟนตาซีที่มารวมกับความน่ารัก แต่ในแฟนตาซีนั้นมันมีความลึกลับกับความแปลกใหม่ แนวความคิดของหนังเรื่องนี้ เกิดจากผมไปนั่งเล่นอยู่ริมทะเล นั่งไปแล้วก็มองว่า..ในโลกมันมีแค่เพียงมนุษย์โลก หรือสัตว์ต่างๆ แค่นี้เองหรือ มันน่าจะมีอะไรบางอย่างอยู่บนโลกมนุษย์ อาศัยอยู่ร่วมกับเรามานาน เป็นสิ่งที่เราไม่รู้ เลยคิดถึงวรรณคดี อย่างท่านสุนทรภู่ เขียนไว้ ถ้าเกิดขณะนั้น ท่านเห็นจริงๆ ไม่ได้เพ้อฝันละ สิ่งที่ท่านเห็นในเวลานั้นก็กลายมาเป็น วรรณคดี ที่เราอ่านกัน ผมก็เลยมีมุมมองที่แตกต่างออกไปว่า อย่าง นางยักษ์ อาจจะไม่เป็นยักษ์จริงๆ แต่เป็นการรวมตัวกันของ “ผีเสื้อสมุทร” ตัวเล็กๆ น่ารักๆ หลายๆ ร้อย หลายพันตัวหลายหมื่นตัว มารวมกันก็อาจจะเป็นได้
จากจุดเริ่มต้นนี้เอง มันทำให้ผมคิดต่อไป เลยเอาแนวคิดของท่านสุนทรภู่มาต่อยอดของเราเอง สร้างเป็นพล็อตเรื่องว่า ถ้าสิ่งมีชีวิตนี้อยู่ร่วมกับมนุษย์โลกเรามานาน แล้ว แต่มีนางเอกคนหนึ่งหลุดมาอยู่ในสังคมมนุษย์ แต่วงจรชีวิตเขา พออายุ 25 ปี เขาจะได้ยินเสียงของสัตว์น้ำต่างๆ พูดคุยกัน สื่อสารกันได้ และร่างกายเขาจะเปลี่ยนแปลงเมื่อโดนน้ำ ซึ่งเป็นการคืนร่างกลับสู่สามัญของเขา ด้วยความที่ใช้ชีวิตแบบมนุษย์มาก เขาถึงต้องออกไปตามหาความจริง ตัวตนจริงๆ ของเขาว่าเขาเป็นอะไรกันแน่ โดยมีพระเอก ที่เข้ามาร่วมในการเดินทางค้นหาความจริงในครั้งนี้
หนังเรื่องนี้คงเป็นจินตนาการที่ทำงานยากที่สุด ในหนังไทย เพราะพอพูดถึงการถ่ายในน้ำ ทุกคนก็ไม่อยากทำแล้ว แต่นี่มันเป็นงานถ่ายทำใต้น้ำ ยิ่งยากกว่าอีกหลายสิบเท่า พระเอกและนางเอกหนังเรื่องนี้ ต้องอึด ป่วยไม่ได้ เพราะไม่มีใครแทนกันได้ เราถ่ายกันทั้งในสระน้ำลึก และที่ทะเลจริงๆ แถวสุราษฎร์ธานี เพื่อให้ได้ภาพที่เราต้องการ กับงานคอมพิวเตอร์กราฟิคที่ใช้เวลาในการทำงานกว่า 1 ปีครึ่ง เสร็จสมบูรณ์ให้ผู้ชมได้ชมกัน 2 ก.พ. 49 นี้แล้วครับ”