แม้ว่าเกือบตลอดปี 2548 ที่ผ่านมา ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมภายในประเทศจะทำให้คนไทยมีนิสัยที่ประหยัดขึ้น รู้จักจับจ่ายใช้สอยกับสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น แต่การส่งท้ายปีเก่าปี 2548 และต้อนรับปีใหม่ปี 2549 ก็ยังคงเป็นเทศกาลที่หลายคนรอคอยไม่ว่าจะเป็นการร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งกับพ่อแม่พี่น้อง ญาติมิตร และเพื่อนฝูง หรือการเดินทางท่องเที่ยวทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการมอบความสุขให้แก่กันและกันด้วยของขวัญปีใหม่ที่ผ่านการเลือกสรรมาเป็นอย่างดีจากผู้ให้ไปสู่ผู้รับ ซึ่งเป็นการแสดงถึงความห่วงใย และความเคารพนับถือต่อผู้รับ ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมการซื้อของขวัญปีใหม่ปี 2549 ของคนกรุงเทพฯ จำนวนกลุ่มตัวอย่าง 917 รายในระหว่างอายุ 15-65 ปี โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในระหว่างวันที่ 6-11 ธันวาคม 2548 พบว่าเม็ดเงินรวมที่คนกรุงเทพฯวางแผนใช้จ่ายเพื่อการซื้อของขวัญปีใหม่ต้อนรับปี 2549 คิดเป็นมูลค่ารวมประมาณ 4,200 ล้านบาท และสัดส่วนของคนกรุงเทพฯที่จะซื้อของขวัญปีใหม่ด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2548 มีถึงร้อยละ 52.5 โดยซื้อของขวัญเพื่อมอบให้แก่พ่อแม่พี่น้องคิดเป็นเม็ดเงินรวมในสัดส่วนสูงสุดของงบประมาณโดยรวม และการเลือกซื้อของขวัญปีใหม่ของคนกรุงเทพฯในยุคปัจจุบันมักจะให้ความสำคัญต่อราคาสินค้าควบคู่กับคุณภาพของสินค้าเป็นหลัก
คนกรุงฯกว่าร้อยละ 50 : วางแผนใช้จ่ายเพื่อซื้อของขวัญเพิ่มขึ้น
สำหรับด้านงบประมาณเพื่อการจับจ่ายซื้อของขวัญเพื่อต้อนรับปี 2549 นั้น ผลจากการสำรวจพฤติกรรมการซื้อของขวัญปีใหม่ปี 2549 ของคนกรุงเทพฯ โดยศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในระหว่างวันที่ 9-11 ธันวาคม 2548 ที่ผ่านมา ด้วยจำนวนกลุ่มตัวอย่าง 917 รายในระหว่างอายุ 15-65 ปี พบว่าคนกรุงเทพฯเพียงสัดส่วนร้อยละ 14.7 ของกลุ่มที่ตัดสินใจซื้อของขวัญเท่านั้นที่วางแผนใช้จ่ายเพื่อซื้อของขวัญปีใหม่ลดลง ขณะที่ส่วนใหญ่ประมาณสัดส่วนร้อยละ 52.5 วางแผนจะใช้งบประมาณการซื้อของขวัญปีใหม่เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2548 และอีกสัดส่วนร้อยละ 32.8 วางงบประมาณไว้เท่าเดิม ซึ่งเมื่อรวมสัดส่วนของผู้ที่วางแผนใช้จ่ายเพิ่มขึ้นกับเท่าเดิมแล้วมีสัดส่วนถึงร้อยละ 85.3 ของกลุ่มที่ตัดสินใจซื้อของขวัญ จึงน่าจะเป็นแนวโน้มที่ดีสำหรับผู้ประกอบการทั้งในส่วนของผู้ผลิต และผู้จัดจำหน่ายที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ของคนกรุงเทพฯยังมีการวางแผนจับจ่ายใช้สอยในเกณฑ์ที่ดีระดับหนึ่งในเทศกาลปีใหม่ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลขายที่สำคัญของปี ทั้งๆที่ภาวะเศรษฐกิจของประเทศในเกือบทั้งปี 2548 ที่ผ่านมาตกอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างทรงตัวต่อเนื่อง
ซึ่งหากพิจารณาเม็ดเงินรวมสำหรับการจับจ่ายเพื่อซื้อของขวัญปีใหม่ในปี 2549 ที่คาดว่าจะเป็นมูลค่า 4,200 ล้านบาท ด้วยการแยกตามวัตถุประสงค์การมอบของขวัญปีใหม่ของกลุ่มตัวอย่าง พบว่าการซื้อของขวัญเพื่อมอบให้แก่พ่อแม่พี่น้องมีเม็ดเงินรวมคิดเป็นสัดส่วนสูงสุดที่ระดับประมาณร้อยละ 22 ของเม็ดเงินโดยรวม ตามมาด้วยงบประมาณรวมสำหรับเพื่อน/บุคคลที่เรียนหรือทำงานด้วยกัน(สัดส่วนร้อยละ 19.1) กลุ่มญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือ(สัดส่วนร้อยละ 18.9) สามี-ภรรยาหรือแฟน(สัดส่วนร้อยละ 12) เพื่อการจับฉลาก(สัดส่วนร้อยละ 11.5) กลุ่มลูกหลาน(สัดส่วนร้อยละ 10.4) และลูกค้า/หน่วยงานที่ติดต่อ/ครูบาอาจารย์(สัดส่วนร้อยละ 6.1) ตามลำดับ
หากพิจารณาในลักษณะของการจัดสรรงบประมาณต่อผู้รับ 1 คนนั้น บุคคลที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จัดสรรงบประมาณให้มากที่สุดคือพ่อแม่พี่น้อง กล่าวคือคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่มักจะให้ความสำคัญกับคนใกล้ตัวในครอบครัวค่อนข้างมาก โดยมักจะเลือกของดีราคาแพงที่สุดเท่าที่จะหาได้มามอบให้เป็นของขวัญปีใหม่ที่หนึ่งปีมีเพียงครั้งเดียว ส่วนบุคคลที่กลุ่มตัวอย่างในกรุงเทพฯจัดสรรงบประมาณต่อคนให้เป็นมูลค่าในระดับรองลงมา คือญาติผู้ใหญ่ที่นับถือ และอันดับสามเป็นเพื่อน/บุคคลที่เรียนหรือทำงานด้วยกัน ตามมาด้วยสามี-ภรรยา/แฟน การจับฉลาก และลูกหลาน ตามลำดับ ส่วนการจัดสรรงบประมาณต่อลูกค้า/หน่วยงานที่ติดต่อ/ครูบาอาจารย์ต่อคนนั้นพบว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่จัดสรรงบประมาณให้เป็นมูลค่าอันดับสุดท้าย ทั้งนี้น่าจะเป็นผลสืบเนื่องจากจำนวนลูกค้า/หน่วยงานที่ติดต่อนั้นมีเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ซื้อของขวัญจึงต้องเฉลี่ยงบประมาณโดยรวมที่ตั้งไว้ให้ทั่วถึงลูกค้า/หน่วยงานที่ติดต่อแต่ละราย ดังนั้นการจัดสรรงบประมาณต่อลูกค้าแต่ละคนจึงมักถูกกำหนดไว้เป็นมูลค่าไม่สูงมากนัก
คนกรุงฯส่วนใหญ่นิยมซื้อของขวัญปีใหม่กว่าร้อยละ 70
ซึ่งจากการสำรวจพฤติกรรมการซื้อของขวัญปีใหม่ปี 2549 ของคนกรุงเทพฯ ในครั้งนี้ พบว่ากลุ่มที่ตัดสินใจซื้อของขวัญปีใหม่นั้นเป็นกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่ที่ระดับถึงร้อยละ 78.6 ของผู้ตอบแบบสอบถาม และมีเพียงสัดส่วนร้อยละ 21.4 เท่านั้นที่ตัดสินใจไม่ซื้อของขวัญรับปีใหม่ปี 2549 โดยเป็นที่น่าสังเกตว่าส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 80 ของกลุ่มที่ไม่ซื้อของขวัญก็เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ซื้อของขวัญปีใหม่ในปีที่ผ่านมาเช่นกัน ขณะที่กลุ่มที่ตัดสินใจซื้อของขวัญเพื่อต้อนรับปีใหม่ปี 2549 นั้นประมาณร้อยละ 76.1 เป็นกลุ่มที่เคยซื้อของขวัญปีใหม่ในปีที่ผ่านมาด้วย และอีกร้อยละ 23.9 ของผู้ที่ซื้อของขวัญต้อนรับปีใหม่ปี 2549 เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ซื้อของขวัญในปีก่อนหน้า(ดูรายละเอียดจากตารางที่ 1) ดังนั้นลูกค้าที่ซื้อของขวัญส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปี 2549 จึงมีทั้งกลุ่มลูกค้ารายเดิมที่นิยมซื้อของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้แก่บุคคลอันเป็นที่เคารพ รัก และนับถือ อยู่แล้ว และกลุ่มลูกค้ารายใหม่ที่ไม่เคยซื้อของขวัญปีใหม่ในปีก่อนที่หันมาตัดสินใจซื้อของขวัญปีใหม่ในปี 2549 ซึ่งอาจจะเป็นไปได้ทั้งผู้ที่เพิ่งมีรายได้ และผู้ที่เปลี่ยนใจมาซื้อหลังจากที่เห็นความสวยงาม ความหลากหลาย หรือความแปลกใหม่ของสินค้าที่บรรดาผู้ประกอบการทั้งรายเล็กรายใหญ่ต่างพยายามสร้างสรรค์ หรือสรรหามาวางจำหน่าย
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่า ผู้ที่ตัดสินใจซื้อของขวัญปีใหม่ในปีนี้ก็สนใจซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือสินค้าโอทอปเป็นของขวัญเพื่อมอบให้แก่กันและกันในเทศกาลปีใหม่ปี 2549 ด้วย โดยมีกลุ่มตัวอย่างสนใจจะซื้อสินค้าโอทอปเป็นของขวัญถึงร้อยละ 63.2 ของกลุ่มที่ซื้อของขวัญเพื่อต้อนรับปี 2549 และกลุ่มที่สนใจจะซื้อสินค้าโอทอปในปีนี้ก็เป็นกลุ่มที่เคยซื้อสินโอทอปเป็นของขวัญมาแล้วเช่นกันในปีที่ผ่านมาด้วย ทั้งนี้ส่วนหนึ่งที่ทำให้สินค้าโอทอปเป็นที่นิยมสำหรับการซื้อเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่นั้น น่าจะเป็นผลมาจากการรณรงค์ของหน่วยงานภาครัฐในการประชาสัมพันธ์ให้สินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือสินค้าโอทอปเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น และมีการจัดงานแสดงสินค้าในช่วงปลายปีเพื่อรองรับความต้องการของผู้ที่สนใจ อีกทั้งบรรดาผู้ประกอบการเองก็มีการพัฒนาทั้งด้านความหลากหลายของสินค้า คุณภาพสินค้า และบรรจุภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง ทำให้สินค้าโอทอปหลายรายการสามารถก้าวขึ้นสู่ระดับมาตรฐาน นอกจากนี้ยังมีระบบการจัดการที่ดีขึ้นโดยคำนึงถึงความต้องการของลูกค้ามากขึ้นด้วย ทำให้สินค้าในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์เป็นที่ยอมรับและได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในการซื้อเพื่อมอบเป็นของขวัญปีใหม่ในปี 2549 โดยสินค้าในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในปีนี้ คือผลิตภัณฑ์ผ้าจากทุกภาคของประเทศ รองลงมาได้แก่ผลิตภัณฑ์หัตถกรรมจักสานที่มีให้เลือกหลากหลายตามประโยชน์ใช้สอย ตามมาด้วยเครื่องประดับตกแต่งบ้าน อาหาร/เครื่องดื่มสมุนไพร และบัตรอวยพร ตามลำดับ ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้สนใจจะซื้อสินค้าโอทอปเป็นของขวัญปีใหม่ในปีนี้ที่มีสัดส่วนร้อยละ 36.8 ก็พบว่าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่ไม่ได้ซื้อสินค้าโอทอปในปีก่อนหน้านี้ด้วย (ดูรายละเอียดจากตารางที่ 2) โดยเหตุผลที่ไม่สนใจซื้อสินค้าโอทอปนั้น ประกอบด้วย ราคาสินค้าที่ค่อนข้างแพง ประเภทของสินค้าที่ยังไม่ถูกใจ และสถานที่จำหน่ายยังไม่กว้างขวางมากนักทำให้หาซื้อสินค้าได้ยาก อีกทั้งยังไม่สะดวกในการที่จะเดินทางไปซื้อตามงานแสดงสินค้าที่มักจะจัดในสถานที่ที่ไกลจากบ้าน
สำหรับระยะเวลาในการซื้อของขวัญเพื่อส่งท้ายปีเก่าปี 2548 ต้อนรับปีใหม่ปี 2549 พบว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่มีการกำหนดระยะเวลาที่ค่อนข้างใกล้เคียงกัน ซึ่งหากแยกพิจารณาตามวัตถุประสงค์ของการซื้อของขวัญปีใหม่ในปีนี้ก็จะพบว่ามีเพียงกลุ่มที่ซื้อเพื่อมอบให้แก่ลูกค้า/หน่วยงานที่ติดต่อเท่านั้นที่นิยมไปซื้อของขวัญปีใหม่ในช่วง 7 วันก่อนหรือหลังปีใหม่ และในช่วงเวลา15 วันก่อนหรือหลังปีใหม่ ขณะที่กลุ่มที่ซื้อของขวัญเพื่อวัตถุประสงค์อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อจับฉลาก เพื่อพ่อแม่พี่น้อง เพื่อญาติผู้ใหญ่ เพื่อเพื่อนที่เรียนหรือที่ทำงานด้วยกัน เพื่อสามีภรรยา/แฟน หรือเพื่อลูกหลานต่างก็นิยมไปจับจ่ายใช้สอยเพื่อซื้อของขวัญปีใหม่ในช่วงใกล้เคียงกับวันปีใหม่หรือในช่วง 3 วันก่อนหรือหลังวันปีใหม่ และในช่วง 7 วันก่อนหรือหลังวันปีใหม่
ของขวัญปีใหม่ปี 2549 : แตกต่างตามวัตถุประสงค์
โดยทั้งนี้ จากผลการสำรวจในครั้งนี้ ยังพบด้วยว่าของขวัญปีใหม่ต้อนรับปี 2549 ที่คนกรุงเทพฯซื้อหาจับจ่ายนั้นเป็นไปด้วยหลากหลายวัตถุประสงค์ผสมผสานกันไป แต่ทั้งนี้พบว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่มักจะซื้อของขวัญปีใหม่เพื่อนำไปมอบให้แก่พ่อแม่พี่น้องเป็นหลัก ตามมาด้วยเพื่อมอบให้แก่เพื่อน/บุคคลที่เรียนหรือทำงานด้วยกัน และญาติผู้ใหญู่ที่นับถือ จากนั้นก็เป็นการซื้อไปเพื่อนำไปจับฉลาก เพื่อมอบให้สามีภรรยา/แฟน และเพื่อมอบให้ลูกหลาน ตามลำดับ โดยเป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มตัวอย่างจำนวนหนึ่งได้ให้ความสนใจในการซื้อของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้แก่มูลนิธิหรือสมาคมต่างๆด้วย ไม่ว่าจะเป็นสถานรับเลี้ยงเด็กอ่อนพญาไท สถานรับเลี้ยงคนชราบ้านบางแค หรือสถานรับเลี้ยงเด็กพิการซ้ำซ้อน เป็นต้น คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.6 ด้วยเหตุผลที่นอกจากจะเป็นการแบ่งปันความสุขให้กับผู้อื่นที่ไม่ใช่คนสนิทชิดใกล้แต่เป็นคนที่อยู่ร่วมโลกเดียวกันแล้ว ยังได้ร่วมทำบุญส่งท้ายปีเก่าอีกด้วย
โดยของขวัญปีใหม่ที่คนกรุงเทพฯนิยมซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ในปี 2549 มากที่สุดคือ บัตรอวยพรปีใหม่ที่มักจะซื้อควบคู่กับของขวัญปีใหม่ชนิดอื่นๆด้วย ขณะที่อันดับสองเป็นกระเช้าของขวัญปีใหม่สำเร็จรูปที่ปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายทั้งทางด้านชนิดสินค้าที่บรรจุในกระเช้าของขวัญ และราคา ส่วนอันดับสามเป็นสินค้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอย่างรองเท้า และกระเป๋าที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ ขณะที่อันดับสี่เป็นสินค้าที่นับเป็นเอกลักษณ์ของเทศกาลเฉลิมฉลองต้อนรับปีใหม่ในแต่ละปีอย่างขนมเค้ก/คุ้กกี้ ที่ผู้ให้มักจะพยายามสรรหาของดีของอร่อยที่สุดเท่าที่จะหาได้มามอบให้กันเพื่อแบ่งปันความสุขซึ่งกันและกัน สำหรับของขวัญปีใหม่ที่ได้รับความนิยมในอันดับถัดมาคือสินค้าของใช้เครื่องประดับตกแต่งบ้าน
แต่ทั้งนี้ของขวัญที่ผู้ให้เลือกสรรให้แก่ผู้รับนั้นอาจจะมีความแตกต่างกันไปบ้างตามวัตถุประสงค์ของการซื้อ โดยในส่วนของของขวัญปีใหม่ที่นิยมซื้อเพื่อนำไปจับฉลากในงานเลี้ยงสังสรรค์ทั้งที่โรงเรียน มหาวิทยาลัย ที่ทำงาน หรือที่บ้าน ซึ่งบางรายก็ต้องซื้อมากกว่าหนึ่งชิ้นหากมีการเข้าร่วมงานสังสรรค์มากกว่าหนึ่งแห่งนั้น พบว่าสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าด้วยสัดส่วนร้อยละ 36.1 รองลงมาเป็นสินค้าของใช้และเครื่องประดับตกแต่งบ้านในสัดส่วนที่ค่อนข้างใกล้เคียงกันที่ระดับร้อยละ 32.0 ตามมาด้วยของเล่นหรือตุ๊กตา เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับการ(เช่นสร้อยคอ และนาฬิกา เป็นต้น) ตามลำดับ
ขณะที่ของขวัญสำหรับพ่อแม่และพี่น้องนั้น พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่นิยมซื้อกระเช้าของขวัญสำเร็จรูปที่บรรจุไปด้วยสินค้านานาชนิดมากที่สุดคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 37.7 โดยสินค้าที่มักจะเลือกซื้อสำหรับกระเช้าของขวัญยังคงเกาะติดกระแสรักษ์สุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มอาหารเสริม วิตามิน หรือผลไม้ เป็นต้น ส่วนสินค้าที่ได้รับความนิยมในลำดับรองลงมาได้แก่บัตรอวยพรด้วยสัดส่วนร้อยละ 29.3 แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าการซื้อบัตรอวยพรส่วนใหญ่มักจะเป็นการเลือกซื้อควบคู่ไปกับการซื้อของขวัญชนิดอื่นๆด้วย และคำอำนวยพรสำหรับพ่อแม่ก็มักจะเป็นการอวยพรให้พ่อแม่มีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และมีอายุมั่นยืนยาว นอกนั้นก็เป็นการเลือกซื้อของขวัญปีใหม่ในกลุ่มสินค้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ของใช้และเครื่องประดับตกแต่งบ้าน และผลไม้ตามลำดับ
ส่วนกลุ่มญาติผู้ใหญ่ที่นับถือนั้น คนกรุงเทพฯส่วนใหญ่นิยมเลือกซื้อกระเช้าของขวัญสำเร็จรูปที่บรรดาห้างร้านต่างๆจัดเตรียมไว้แล้วมากเป็นอันดับหนึ่งเช่นเดียวกับกลุ่มพ่อแม่พี่น้องด้วยสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 65.0 โดยกระเช้าของขวัญที่คนกรุงเทพฯนิยมมอบให้กลุ่มญาติผู้ใหญ่ที่เคารพนับถือนั้นก็เป็นไปในลักษณะเดียวกันกับที่เลือกซื้อให้กับกลุ่มพ่อแม่ คือมักจะเป็นกระเช้าที่อุดมไปด้วยสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพอนามัยต่อผู้รับเพื่อเป็นมิ่งขวัญแก่ลูกหลานไปอีกนาน อันได้แก่บรรดาผลไม้ สินค้ากลุ่มอาหารเสริม/วิตามิน อาหารแห้งและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ เป็นต้น ขณะที่ของขวัญปีใหม่สำหรับญาติผู้ใหญ่ที่ได้รับความนิยมในอันดับรองลงมาได้แก่สินค้าประเภทผลไม้ ตามมาด้วยบัตรอวยพรปีใหม่ ดอกไม้หรือต้นไม้ที่เป็นศิริมงคลต่อชีวิต และบรรดาขนมคุ้กกี้หรือเค้กเพื่อมอบความอิ่มอร่อยกันถ้วนหน้า ตามลำดับ
สำหรับกลุ่มเพื่อนฝูงและบุคคลที่เรียนหรือทำงานด้วยกัน พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่นิยมส่งมอบความสุขให้แก่กันด้วยการส่งบัตรอวยพรด้วยข้อความอวยพรอันเป็นศิริมงคลแก่ผู้รับด้วยสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 56.2 ซึ่งคำอวยพรส่วนใหญ่มักจะเป็นการอวยพรในส่วนของความก้าวหน้าในหน้าที่การเรียนหรือการทำงาน หรือในส่วนของด้านการเงินก็มักจะอวยพรให้ผู้รับประสบโชคลาภหรือได้รับการปรับขึ้นเงินเดือน และได้รับโบนัสเพิ่มขึ้น รวมถึงการมีความสุขในชีวิตครอบครัว และการมีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรง เป็นต้น ตามมาด้วยการซื้อคุ้กกี้หรือเค้กซึ่งเป็นขนมประจำเทศกาลให้แก่กัน นอกจากนี้ยังนิยมมอบความสุขให้กันและกันด้วยของใช้เครื่องประดับตกแต่งบ้าน และเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ตามลำดับ ด้านกลุ่มสามีภรรยาหรือแฟนนั้น พบว่าสินค้ายอดนิยมที่มักจะมอบให้แก่กันในช่วงเทศกาลปีใหม่ปีนี้คือสินค้าประเภทเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับกาย ดอกไม้/ต้นไม้โดยเฉพาะดอกไม้ที่เป็นตัวแทนแห่งความรักอย่างดอกกุหลาบ หรือต้นไม้ที่มีการจัดแต่งอย่างสวยงาม รวมถึงของใช้ตกแต่งบ้าน และบัตรอวยพรด้วย
ส่วนของขวัญปีใหม่ที่คนกรุงเทพฯนิยมมอบให้กับบรรดาลูกหลานอันเป็นที่รักนั้นก็มักจะเป็นกลุ่มของเล่นและตุ๊กตาที่ปัจจุบันมีความหลากหลายค่อนข้างมาก โดยเฉพาะของเด็กเล่นประเภทตุ๊กตาที่นับวันจะมีสีสันที่สดใสและรูปแบบที่หลากหลายซึ่งถูกใจวัยเด็กเล็กออกมาวางจำหน่ายเป็นจำนวนมาก รวมถึงของเด็กเล่นประเภทประเทืองปัญญาที่คาดว่าจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเพราะสินค้าของเล่นกลุ่มนี้ไม่เพียงแต่จะให้ความสนุกสนานเพลิดเพลินต่อเด็กๆเท่านั้นแต่ยังเป็นการเพิ่มทักษะการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการที่ดีต่อสมองของเด็กอีกด้วย ซึ่งบรรดาผู้ใหญ่ที่ซื้อของขวัญให้เด็กส่วนใหญ่ก็ต่างหวังให้ลูกหลานของตนเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีมีศักยภาพในอนาคตกันทั้งนั้น นอกจากนี้ขนมคุ้กกี้/เค้กที่มีสีสันสดใสก็เป็นสินค้าที่มักจะได้รับเลือกให้เป็นของขวัญแก่เด็กๆเช่นกัน ตามมาด้วยสินค้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย ผลไม้ และเครื่องประดับกายซึ่งส่วนใหญ่มักจะนิยมมอบให้แก่ลูกหลานผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นสร้อยคอ ต่างหู หรือกำไลข้อมือ เป็นต้น
ในขณะที่บัตรอวยพรปีใหม่ และกระเช้าของขวัญนับเป็นของขวัญปีใหม่ที่คนกรุงเทพฯนิยมมอบให้แก่ลูกค้าหรือหน่วยงานที่ติดต่อมากที่สุดด้วยสัดส่วนร้อยละ 40.4 และร้อยละ 32.9 ตามลำดับ ส่วนสินค้าที่ได้รับความนิยมในลำดับถัดมาคือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขนมนมเนย เค้ก คุ้กกี้ และผลไม้
ราคา-คุณภาพสินค้า : ปัจจัยหลัก…การเลือกของคนกรุงเทพฯยุคประหยัด
ทั้งนี้จากผลการสำรวจพฤติกรรมการซื้อของขวัญต้อนรับปี 2549 ของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในครั้งนี้พบว่า ปัจจัยในการเลือกซื้อของขวัญปีใหม่ปี 2549 ของกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มักจะพิจารณาจากหลากหลายปัจจัยควบคู่กันไปเพื่อใช้ในการตัดสินใจ โดยปัจจัยทางด้านราคาสินค้านับเป็นปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งที่คนกรุงเทพฯคำนึงถึง ควบคู่ไปกับปัจจัยทางด้านคุณภาพของสินค้า จากนั้นจึงหันมาพิจารณาถึงชนิดของสินค้าว่าเหมาะสมกับผู้รับหรือไม่เพียงใด นอกนั้นเป็นการให้ความสำคัญต่อความแปลกใหม่และความทันสมัยของสินค้า การสื่อสารถึงความเป็นไทย และสถานที่จำหน่าย กล่าวคือผู้บริโภคในยุคปัจจุบันมีการจับจ่ายใช้สอยที่เน้นการประหยัดมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงให้ความสำคัญถึงคุณภาพของสินค้าด้วยเพื่อให้เทศกาลปีใหม่เป็นเทศกาลแห่งความสุขทั้งในส่วนของผู้ให้ที่สุขใจเมื่อได้ให้ และในส่วนของผู้รับที่มีความสุขจากการได้รับของดีมีคุณภาพ
โดยทั้งนี้หากพิจารณาแยกรายอายุพบว่าอายุ 15-19 ปีให้ความสำคัญต่อชนิดสินค้าเป็นอันดับหนึ่ง จากนั้นจึงหันมาพิจารณาถึงราคาและความแปลกใหม่ทันสมัยของสินค้า ส่วนอายุ 25-29 ปีให้ความสำคัญต่อชนิดสินค้าและราคาของสินค้าเป็นอันดับหนึ่งและสองเช่นกัน แต่แตกต่างที่ความสำคัญอันดับสามที่เป็นคุณภาพของสินค้า ขณะที่อายุ 20-24 ปี และกลุ่มอายุ 30 ปีขึ้นไปให้ความสำคัญต่อราคาสินค้าควบคู่กับคุณภาพของสินค้า จากนั้นจึงหันมาพิจารณาถึงชนิดของสินค้าที่เหมาะสมกับผู้รับในแต่ละวัย
ซึ่งหากแยกตามวัตถุประสงค์ในการซื้อของขวัญปีใหม่ปี 2549 พบว่าการซื้อของขวัญเพื่อนำไปจับฉลากนั้น กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่คำนึงถึงปัจจัยด้านราคาเป็นอันดับหนึ่ง เพราะการจับฉลากของขวัญแต่ละแห่งมักจะมีการกำหนดระดับราคาต่ำสุดหรือสูงสุดไว้ จากนั้นจึงหันมาพิจารณาถึงชนิดของสินค้า และคุณภาพของสินค้า ขณะที่การซื้อเพื่อมอบให้แก่พ่อแม่พี่น้อง ญาติผู้ใหญ่ สามีภรรยา/แฟน และกลุ่มลูกค้า/หน่วยงานที่ติดต่อ พบว่ากลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญด้านคุณภาพสินค้าเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยราคาสินค้าและชนิดของสินค้า ส่วนการซื้อของขวัญปีใหม่เพื่อมอบให้แก่เพื่อนที่เรียนหรือทำงานด้วยกันนั้น กลุ่มตัวอย่างให้ความสำคัญต่อราคาสินค้าเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนอันดับสองและสามเป็นคุณภาพสินค้าและชนิดของสินค้าตามลำดับ
ขณะที่หากพิจารณาตามอาชีพก็จะพบว่ากลุ่มนักเรียนนักศึกษาส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อราคาสินค้า ชนิดสินค้า และคุณภาพสินค้าตามลำดับ ส่วนกลุ่มข้าราชการ/พนักงานวิสาหกิจ และกลุ่มพนักงานบริษัท มักจะให้ความสำคัญต่อราคาสินค้า คุณภาพสินค้าและชนิดของสินค้าตามลำดับ ขณะที่กลุ่มประกอบกิจการส่วนตัวส่วนใหญ่ให้ความสำคัญต่อคุณภาพสินค้าเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยปัจจัยด้านราคาและชนิดของสินค้า
ห้างสรรพสินค้า : ครองใจคนกรุงเทพฯ
จากการสำรวจของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในครั้งนี้ได้พบด้วยว่า กลุ่มตัวอย่างมักจะเลือกสถานที่สำหรับจับจ่ายสินค้ามากกว่า 1 แห่ง ทั้งนี้เพื่อให้ของขวัญที่เลือกสรรนั้นเป็นที่ถูกใจของผู้รับที่มีมากกว่าหนึ่งคน และหลากหลายวัย หลากหลายอาชีพ โดยทั้งนี้สถานที่ที่กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เลือกไปเพื่อจับจ่ายใช้สอยซื้อของขวัญปีใหม่ในปีนี้ก็คือ ห้างสรรพสินค้า ด้วยเหตุผลสำคัญคือความสะดวกสบายในการเดินทาง โดยเฉพาะยิ่งห้างสรรพสินค้าที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า หรือรถไฟใต้ดินมักจะได้รับความนิยมในลำดับต้นๆจากคนกรุงเทพฯที่ต้องการหลีกเลี่ยงการเผชิญกับปัญหาการจราจรบนท้องถนน ขณะเดียวกันห้างสรรพสินค้ายังเป็นสถานที่ช้อปปิ้งในดวงใจของกรุงเทพฯ เพราะความหลากหลายของสินค้าที่วางจำหน่ายเมื่อเทียบกับแหล่งจำหน่ายอื่นๆด้วย นอกจากนี้เป็นที่น่าสังเกตว่าในการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ปี 2549 ของห้างสรรพสินค้าหลายแห่งยังคงเป็นไปด้วยบรรยากาศที่คึกคักจากทั้งการตกแต่งสถานที่ด้วยโคมไฟรูปแบบต่างๆทั้งภายในและภายนอกอาคาร การเปิดเพลงสร้างบรรยากาศ รวมถึงการจัดมหกรรมลดราคาสินค้าที่กระหน่ำลดไม่ต่ำกว่าร้อยละ 10 จึงทำให้ปัจจัยด้านราคาเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ดึงดูดให้คนกรุงเทพฯเข้าไปจับจ่ายซื้อของขวัญปีใหม่ในห้างสรรพสินค้า
สำหรับแหล่งจับจ่ายที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองลงมาคือตลาดนัดสวนจตุจักร ด้วยปัจจัยสำคัญอันดับหนึ่งคือความหลากหลายทั้งในด้านชนิดของสินค้า และรูปแบบของสินค้าแต่ละชนิด ไม่ว่าจะบัตรอวยพรปีใหม่ สินค้าของใช้และเครื่องประดับตกแต่งบ้าน เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย และเครื่องประดับกาย เป็นต้น ขณะเดียวกันปัจจัยด้านความสะดวกในการเดินทางซึ่งปัจจุบันผู้บริโภคสามารถเดินทางไปตลาดนัดสวนจตุจักรได้ง่ายขึ้นด้วยการโดยสารรถไฟใต้ดินตามมาเป็นอันดับสอง ส่วนปัจจัยด้านราคาที่สามารถต่อรองราคาได้ก็เป็นปัจจัยอันดับสามที่ผู้บริโภคจำนวนไม่น้อยเลือกใช้บริการตลาดสวนจตุจักรเพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าของขวัญปีใหม่ โดยกลุ่มอายุที่นิยมมาเลือกซื้อของขวัญที่ตลาดนัดจตุจักรส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี
งานแสดงสินค้าอย่างงานเทศกาลของขวัญและของชำร่วยปีใหม่ หรืองานแสดงสินค้าในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ นับเป็นสถานที่ที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสาม ซึ่งส่วนใหญ่มักจะมีการจัดงานแสดงในช่วงปลายปีเพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มที่ต้องการจะซื้อของขวัญปีใหม่ในแต่ละปี โดยภายในงานเทศกาลของขวัญและของชำร่วยปีใหม่มักจะเน้นนำเสนอสินค้าดีมีคุณภาพที่หลากหลาย ขณะที่งานแสดงสินค้าในโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ก็จะเน้นวางจำหน่ายสินค้าโอทอปที่มีคุณภาพระดับ 3-5 ดาวของทุกภาคทั่วไทย อันได้แก่ผลิตภัณฑ์ผ้า อาหารและผลิตภัณฑ์ เครื่องดื่มและสมุนไพร รวมถึงสินค้าของที่ระลึก เครื่องใช้และเครื่องประดับตกแต่งบ้าน ซึ่งกลุ่มอายุที่นิยมไปซื้อสินค้าของขวัญปีใหม่ในงานแสดงสินค้าส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุระหว่าง 20-39 ปี
ขณะที่แหล่งจับจ่ายใช้สอยที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสี่คือร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่างทั้งร้านเบเกอรี่ ร้านกิ๊ฟช้อป และร้านดอกไม้ ซึ่งผลิตภัณฑ์เบเกอรี่ยอดนิยมในช่วงเทศกาลปีใหม่ยังคงเป็นเค้ก และคุ้กกี้ ที่มักจะมียอดขายมากกว่ายอดขายในช่วงเวลาปกติเกือบเท่าตัว ขณะที่สินค้าที่ขายดีของกิ๊ฟช้อปก็มักจะเป็นบัตรอวยพรรูปแบบต่างๆ และสินค้ากระจุกกระจิก ส่วนร้านดอกไม้นั้นก็มักจะขายดีในส่วนของช่อดอกไม้ กระเช้าดอกไม้ หรือกระถางดอกไม้ แต่ทั้งนี้ร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่างดังกล่าวข้างต้นต่างต้องเผชิญกับภาวะการแข่งขันที่ค่อนข้างรุนแรงอย่างแน่นอนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทั้งจากคู่แข่งทางตรงอย่างสินค้าประเภทเดียวกันในตลาด และคู่แข่งทางอ้อมจากสินค้าชนิดอื่นๆที่ค่อนข้างหลากหลายในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานแบบไทยๆ สินค้าเพื่อสุขภาพ หรือสินค้าโอทอปอย่างสินค้าของใช้ภายในบ้าน เป็นต้น ดังนั้นผู้ประกอบการร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่างแต่ละรายจึงต้องพยายามนำกลยุทธ์ใหม่ๆมาทำตลาด ไม่ว่าจะเป็นการสร้างจุดเด่นที่แตกต่างจากคู่แข่งด้วยการสร้างเอกลักษณ์ของสินค้าและแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น หรือการเพิ่มช่องทางการจำหน่ายทางอินเทอร์เน็ต เป็นต้น สำหรับเหตุผลที่คนกรุงเทพฯเลือกซื้อสินค้าจากร้านจำหน่ายสินค้าเฉพาะอย่างเพราะความสะดวกในการเลือกซื้อ ความหลากหลายของสินค้าประเภทนั้นๆ และความมั่นใจในคุณภาพสินค้า โดยกลุ่มที่นิยมใช้บริการร้านค้าดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นกลุ่มอายุ 20-34 ปี และกลุ่มอายุ 40-44 ปี และกลุ่มที่มีรายได้ประมาณ 5,000-20,000 บาท
สำหรับแหล่งจำหน่ายที่ได้รับความนิยมในอันดับต่อมาคือดิสเคานท์สโตร์ที่มักจะเน้นจำหน่ายกระเช้าของขวัญเป็นจุดขายหลัก โดยในปีนี้ดิสเคานท์สโตร์หลายแห่งเน้นนำเสนอกระเช้าของขวัญปีใหม่ที่เป็นสินค้าเพื่อสุขภาพอย่างชัดเจนมากขึ้น พร้อมรับประกันคุณภาพ และเพิ่มบริการจัดส่งถึงบ้านเพื่อดึงดูดลูกค้าด้วย นอกจากนี้ผู้ประกอบการดิสเคานท์สโตร์ยังเปิดให้บริการผ่อนชำระด้วยภายใต้เงื่อนไขที่ว่าลูกค้าต้องซื้อกระเช้าของขวัญเป็นมูลค่าถึงเพดานที่กำหนดไว้ สำหรับปัจจัยสำคัญที่คนกรุงเทพฯเลือกซื้อสินค้าจากดิสเคานท์สโตร์ก็คือ ปัจจัยด้านความสะดวกสบายในการเดินทาง อันเนื่องมาจากปัจจุบันสาขาของดิสเคานท์สโตร์แต่ละแห่งต่างกระจายครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯในวงกว้าง นอกจากนี้ดิสเคานท์สโตร์ยังมีความโดดเด่นในด้านความหลากหลายของสินค้า และการจำหน่ายสินค้าราคาถูก
บทสรุป
เป็นที่น่าสังเกตว่าการจัดกิจกรรมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ในเขตกรุงเทพมหานครในปีนี้ของบรรดาห้างร้านต่างๆยังเต็มไปด้วยความคึกคักพอสมควร โดยสังเกตได้จากแสงสีเสียงที่ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าทั่วกรุงเทพฯต่างประดับประดากันอย่างเต็มที่ทั้งภายในอาคารและภายนอกอาคาร อีกทั้งคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 70 ก็ยังคงมีการจับจ่ายเพื่อซื้อของขวัญปีใหม่มอบให้แก่กันและกัน ประกอบกับสัดส่วนของคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่มีการวางแผนซื้อของขวัญปีใหม่ด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นและเท่าเดิมเมื่อเทียบกับปี 2548 คิดเป็นสัดส่วนรวมกันถึงร้อยละ 85.3 จึงน่าจะเป็นการบ่งบอกได้ว่าคนกรุงเทพฯส่วนใหญ่ยังคงให้ความสำคัญกับการมอบของขวัญปีใหม่เพื่อส่งความสุขให้แก่กัน โดยของขวัญปีใหม่ที่คนกรุงเทพฯนิยมซื้อในช่วงเทศกาลปีใหม่ในปี 2549 มากที่สุดคือ บัตรอวยพรปีใหม่ที่มักจะซื้อควบคู่กับของขวัญปีใหม่ชนิดอื่นๆด้วย ขณะที่อันดับสองเป็นกระเช้าของขวัญปีใหม่สำเร็จรูป และอันดับสามเป็นสินค้าเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายอย่างรองเท้า และกระเป๋าที่นับวันจะได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ โดยทั้งนี้ผู้ที่ตัดสินใจซื้อของขวัญปีใหม่ในปีนี้จำนวนไม่น้อยก็สนใจจะซื้อสินค้าหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์หรือสินค้าโอทอปเป็นของขวัญเพื่อมอบให้แก่กันและกันในเทศกาลปีใหม่ปี 2549 ด้วย โดยมีกลุ่มตัวอย่างสนใจจะซื้อสินค้าโอทอปเป็นของขวัญถึงร้อยละ 63.2 ของกลุ่มที่ซื้อของขวัญเพื่อต้อนรับปี 2549 ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จึงคาดว่าในปีนี้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับของขวัญปีใหม่ไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิต หรือผู้จัดจำหน่ายน่าจะมียอดขายเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดีไม่น้อย โดยคาดว่าเม็ดเงินรวมหมุนเวียนเพื่อซื้อของขวัญต้อนรับปีใหม่ปี 2549 ของคนกรุงเทพฯน่าจะมีมูลค่าใกล้เคียง 4,200 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกันสถานการณ์การแข่งขันก็น่าจะทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งจากคู่แข่งโดยตรงที่ผลิตหรือจำหน่ายสินค้าประเภทเดียวกัน และคู่แข่งโดยอ้อมที่พยายามนำเสนอทางเลือกใหม่ๆให้แก่ผู้บริโภค ซึ่งผู้ประกอบการแต่ละรายต่างต้องเร่งสรรหากลยุทธ์ใหม่ๆมาจูงใจลูกค้าโดยเฉพาะในช่วงฤดูกาลขายอย่างเทศกาลปีใหม่ของทุกปี ทั้งนี้เพื่อรักษาและเพิ่มโอกาสในการช่วงชิงกำลังซื้อของผู้บริโภคให้ได้ นอกจากนี้ผู้ประกอบการควรต้องมีการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ หรือก่อให้เกิดต้นทุนต่อหน่วยต่ำที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อให้ราคาสินค้าไม่สูงจนเกินไป แต่ทั้งนี้ก็ต้องรักษาระดับคุณภาพของสินค้าไม่ให้ต่ำลงด้วย เพราะปัจจัยหลักที่คนกรุงเทพฯใช้ในการตัดสินซื้อของขวัญปีใหม่ปีนี้ก็คือ ราคาและคุณภาพของสินค้า ซึ่งทั้งนี้แม้ว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ของทุกปีจะเป็นช่วงเวลาอันดีที่ผู้คนแต่ละรายจะแสดงความรักความมีน้ำใจต่อกันด้วยการให้ของขวัญเล็กน้อยๆ จนทำให้ตลาดสินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของขวัญต้อนรับเทศกาลปีใหม่จะกลายเป็นเค้กก้อนใหญ่ที่ชวนให้ลิ้มลอง แต่ผู้ที่จะสามารถช่วงชิงส่วนแบ่งได้นั้นก็ต้องมีความสามารถด้วย ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า ความสามารถในการบริหารต้นทุน หรือความสามารถในการขยายช่องทางการจำหน่าย เป็นต้น แต่ทั้งนี้และทั้งนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ก็ขอให้ปีใหม่ปีนี้เป็นช่วงวันเวลาแห่งความสุขที่เป็นความสุขของทั้งผู้ให้และผู้รับอย่างแท้จริงอีกปีหนึ่งของคนกรุงเทพฯ