ไอบีเอ็มปรับเปลี่ยนแผนบำเหน็จบำนาญสหรัฐ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ของแผนเกษียณอายุทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีผลในปี 2551

อาร์มองค์, นิวยอร์ก—(บิสิเนสไวร์)—5 ม.ค.2549 – บริษัทไอบีเอ็มประกาศในวันนี้ว่า ทางบริษัทได้เปลี่ยนแปลงแผนการบำเหน็จบำนาญที่มีผลประโยชน์จำกัดในสหรัฐ และบริษัทได้วางแผนที่จะปรับแผนการออมทรัพย์ 401(k) ซึ่งจะมีผลในเดือนม.ค.2551

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะยังคงกลยุทธ์ระดับโลกของไอบีเอ็มเกี่ยวกับการเปลี่ยนความสนใจในอนาคตด้านผลประโยชน์วัยเกษียณมาเป็น 401(k) ซึ่งเป็นโครงสร้างค่าใช้จ่ายที่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้น หรือแผนการจัดสรรเงินที่จำกัดขอบเขต และเปลี่ยนจากแผนการบำเหน็จบำนาญที่มีผลประโยชน์แบบมรดกตกทอดและแผนการงบดุลเงินสด โดยแผนการต่าง ๆ ได้รวมถึง:

– ยุติการสะสมผลประโยชน์ในอนาคตในแผนการบำเหน็จบำนาญแบบผลประโยชน์จำกัดของบริษัท และคงผลประโยชน์จากการเกษียณอายุทั้งหมดอย่างเต็มที่ ซึ่งพนักงานจะได้รับ ณ วันที่ 31 ธ.ค.2550

– ปรับเปลี่ยนแผนการออม 401(k) เพื่อทำให้เป็นหนึ่งในแผนที่มีผลตอบแทนสูงสุดในธุรกิจสหรัฐ โดยการให้ผู้เข้าร่วมแผนบำเหน็จบำนาญในปัจจุบันได้รับการจัดสรรเงินรายปีจากบริษัทมากถึง 10% ของค่าจ้างของพวกเขา และเพื่อที่จะจัดสรรผลประโยชน์นี้ผ่านทางแผน 401(k) Plus Plan แบบใหม่นั้น ไอบีเอ็มได้วางแผนที่จะเพิ่มการจัดสรรดอลลาร์ต่อดอลลาร์ในส่วนของบริษัทขึ้นมากถึงระดับ 6% ของเงินเดือนค้างจ่าย และเพื่อที่จะทำให้การจัดสรรแบบอัตโนมัติเพิ่มจาก 1 เป็น 4% ของเงินค่าจ้างของพนักงานไว้ในบัญชี 401(k) ของพวกเขา

– ช่วยผู้เข้าร่วมแผนเงินบำเหน็จบำนาญแบบไม่ได้รับการยกเว้นให้ออมเงินได้มากขึ้น โดยการจัดสรรรางวัลการออมพิเศษที่ 5% ของการค่าจ้างแก่แผนการออม 401(k) ของพวกเขา นอกเหนือจากการจัดสรรเงินของบริษัทที่สูงถึง 10 ของค่าจ้าง

– สร้างความมั่นใจว่าจะมีพนักงาน 100% เข้าร่วมในแผนการออม 401(k) โดยการเปิดบัญชีสำหรับพนักงานที่ไม่ต้องการจ่ายเงินสมบทแผนการดังกล่าว และฝากเงินรายในส่วนของบริษัทแบบอัตโนมัติ 1-4% ของค่าจ้างโดยตรงสู่บัญชีของพนักงานดังกล่าว

การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อพนักงานวัยเกษียณอายุชาวอเมริกันของไอบีเอ็มจำนวน 125,000 คนที่มีผลประโยชน์ตามกฎหมายในปัจจุบัน หรือพนักงานซึ่งเกษียณอายุก่อนวันที่ 1 ม.ค.2551 แต่อย่างใด

นายแรนดี้ แม็คโดนัลด์ รองประธานอาวุโสฝ่ายทรัพยากรบุคคลของไอบีเอ็มกล่าวว่า “ในช่วงหลายปีมานี้ ไอบีเอ็มได้ดำเนินกลยุทธ์ระดับโลกเพื่อที่จะเปลี่ยนไปสู่แผนการเกษียณอายุที่มีการจัดสรรเงินแบบจำกัดขอบเขตสำหรับทั้งพนักงานปัจจุบันและพนักงานใหม่ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวสอดคล้องกับทิศทางนี้ และจะทำให้เรามีค่าใช้จ่ายสำหรับแผนเกษียณอายุที่สามารถคาดการณ์ได้มากขึ้น พร้อมกับผลประโยชน์ที่ยังคงแซงหน้าคู่แข่งของเรา แต่ก็มีความสอดคล้องกันมากขึ้น”

“เรากำลังดำเนินการดังกล่าวนี้เพื่อที่จะควบคุมค่าใช้จ่ายของแผนการเกษียณอายุ คงสถานภาพของบริษัทสำหรับการขยายตัวทางธุรกิจและความแข็งแกร่งในด้านการแข่งขัน และรักษาผลประโยชน์การเกษียณอายุของพนักงานได้ดีขึ้น ขณะที่มีการกำหนดแผนการ 401(k) ที่ทันสมัย ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแผนการที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดในประเทศและมาตรฐานในสหรัฐ นอกจากนี้ เรายังเชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวเป็นก้าวที่สมดุลและชาญฉลาดในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนและทิศทางด้านกฎหมายและการกำกับดูแลที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับแผนการเกษียณอายุที่มีผลประโยชน์แบบจำกัดในสหรัฐ”

บริษัทจะมีค่าธรรมเนียมแรกเข้าก่อนหักภาษี (one-time pre-tax charge) ที่เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนแผนบำเหน็จบำนาญเหล่านี้สูงเป็นประวัติการณ์ที่ราว 270 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2548 ซึ่งเป็นผลจากการตัดทอนแผนการผลประโยชน์แบบจำกัดขอบเขต

ไอบีเอ็มคาดว่าการปรับเปลี่ยนแผนการในสหรัฐที่มีการประกาศในวันนี้ ประกอบกับการเปลี่ยนแปลงแผนเกษียณอายุ 2549 ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาในประเทศอื่น ๆ อีกหลายประเทศนั้น การออมการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเกษียณอายุทั่วโลกมีมูลค่า 450-500 ล้านดอลลาร์สำหรับปี 2549 และ 2.5-3 พันล้านดอลลลาร์สำหรับช่วงปี 2549 ถึงปี 2553 เมื่ออิงกับการประเมินเงินบำเหน็จบำนาญช่วงสิ้นปี 2549

แม้ว่ามีการดำเนินการระดับโลกดังกล่าว แต่บริษัทก็ยังคาดว่าค่าใช้จ่ายของแผนการที่เกี่ยวข้องกับการเกษียณอายุปี 2549 ทั่วโลกจะยังคงเพิ่มขึ้น 400-500 ล้านดอลลาร์เทียบกับปี 2548 ซึ่งไม่รวมค่าธรรมเนียมแรกเข้าของปี 2548

แผนการบำเหน็จบำนาญที่มีผลประโยชน์แบบจำกัดในสหรัฐของไอบีเอ็ม จะยุติการสะสมผลประโยชน์ใหม่ตั้งแต่วันที่ 31 ธ.ค.2550 ผลประโยชน์ทั้งหมดจนถึงสิ้นปี 2550 ของผู้ที่เข้าร่วมแผนการบำเหน็จบำนาญและแผนการดุลเงินสดของบริษัทจะยังคงอยู่ ณ วันดังกล่าว ผู้ที่เข้าร่วมแผนการจะได้รับผลประโยชน์เหล่านี้เมื่อออกจากไอบีเอ็มภายใต้ทางเลือกการชำระเงินเช่นเดียวกับในปัจจุบัน

ผลประโยชน์ที่วางแผนไว้ภายใต้แผน 401(k) Plus Plan แบบใหม่ ซึ่งจะเริ่มในเดือนม.ค.2551 มีดังต่อไปนี้ :

– ผู้เข้าร่วมในแผนการบำเหน็จบำนาญจะได้รับการจัดสรรเงินแบบดอลลาร์ต่อดอลลาร์ในส่วนของ 6% แรกของค่าจ้างค้างจ่าย และเงินจัดสรรอัตโนมัติในส่วนของบริษัท 4% โดยจะคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 10% ของค่าจ้าง ขณะที่ผู้เข้าร่วมแผนการบำเหน็จบำนาญแบบไม่มีการยกเว้นจะได้รับเงินออมพิเศษเพิ่มอีก 5% ของค่าจ้าง

– ผู้เข้าร่วมแผนการดุลเงินสดจะได้รับการจัดสรรดอลลาร์ต่อดอลลาร์ในส่วนของ 6% แรกของค่าจ้างค้างจ่าย และเงินจัดสรรอัตโนมัติในส่วนของบริษัท 2% โดยคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 8%

– พนักงานที่ได้รับการจ้างงานหลังวันที่ 31 ธ.ค.2548 จะได้รับเงินดอลลาร์ต่อดอลลาร์ในส่วนของ 5% แรกของค่าจ้างค้างจ่าย และเงินจัดสรรอัตโนมัติในส่วนของบริษัท 1% หลังจากทำงานครบ 1 ปี โดยคิดเป็นจำนวนทั้งสิ้น 6% ของค่าจ้าง

แผนการบำเหน็จบำนาญที่มีผลประโยชน์แบบจำกัดขอบเขตในสหรัฐของไอบีเอ็ม ได้มีการระดมทุนอย่างเต็มที่สูงกว่าข้อกำหนดเกี่ยวกับผลประโยชน์ที่คาดการณ์ไว้ โดยมีทรัพย์สินกว่า 4.8 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นปี 2548 ขณะที่ไม่มีกาารจัดสรรในส่วนของการระดมทุนแก่แผนการของสหรัฐในช่วงไตรมาส 4 ของปี 2548

แผนการ 401(k) ของไอบีเอ็ท ซึ่งมีสินทรัพย์กว่า 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์นั้น นับเป็นแผนการที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ขณะที่กว่า 90% ของพนักงานในสหรัฐของไอบีเอ็มได้เข้าร่วมในแผนดังกล่าว และ 88% ของผู้เข้าร่วมแผนการได้มีการหักค่าจ้างไปแล้วอย่างน้อย 6% นอกจากนี้ แผนการดังกล่าวยังมีค่าธรรมเนียมการจัดการที่ต่ำที่สุดในด้านแผน 401(k), การออมอัตโนมัติ, ลักษณะอารลงทุนที่หลากหลายและการตอบแทนในรูปแบบของการชำระคืนเงินปีและการคุ้มครองภาวะไร้ความสามารถ

ข้อมูลเพิ่มเติมจะดูได้จากเว็บไซท์ของไอบีเอ็มที่ http://www.ibm.com/investor/viewpoint/ircorner/2006/06-01-05-1.phtml.

ติดต่อ: ไอบีเอ็ม
เอ็ดเวิร์ด บาร์บินี, 914-499-6565
barbini@us.ibm.com
หรือ
จอห์น บูโควินสกี้, 914-499-6212
jbuko@us.ibm.com