เมืองไทยประกันชีวิตบริษัทของคนหัวคิดทันสมัยบุกตลาดใหม่ ประกาศผนึกความเข้มแข็งจาก 3 บริษัทที่มั่นคง จับมือพันธมิตรกสิกรไทยบุกประกัน “รวงข้าว UL1” ผ่าน Bancassurance เป็นแห่งแรก พร้อมดึงพันธมิตรใหม่ DTAC ร่วมสนับสนุน Edge technology เพิ่มความสะดวกและ ทันสมัย หวังกวาดเบี้ยประกัน 300 ล้านบาท
นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ด้านการประกันชีวิตและการลงทุนใหม่ขึ้น รูปแบบยูนิเวอร์แซลไลฟ์ (Universal Life Insurance) โดยขายผ่านธนาคารกสิกรไทยเท่านั้น ภายใต้ชื่อ รวงข้าว UL 1 ซึ่งเป็นแผนการประกันชีวิตรูปแบบใหม่ที่ให้โอกาสผู้เอาประกันมีส่วนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนที่เกิดขึ้นจากการลงทุนหลากรูปแบบที่สามารถเลือกได้ด้วยตนเอง และมีการรับรองผลตอบแทนขั้นต่ำ พร้อมทั้งให้ความคุ้มครองชีวิตในวงเงินสูงถึง 130% ของเบี้ยประกันหรือมูลค่าลงทุนอย่างใดอย่างหนึ่งที่สูงกว่า สร้างความสะดวกสบายด้วยการชำระเบี้ยประกันเพียงครั้งเดียว แต่ให้ความคุ้มครองถึง 10 ปี และดูแลการลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ทั้งนี้มีรูปแบบการ ลงทุนให้เลือกถึง 3 รูปแบบ คือ
สินยั่งยืน ที่เมื่อครบสัญญารับรองผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 20% ของเบี้ยประกันหรือผลตอบแทนที่ คาดหวังประมาณ 50% ของเบี้ยประกัน หรือตามผลประกอบการของกองทุน สินเพิ่มทรัพย์ ที่เมื่อครบสัญญารับรองผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 15 % ของเบี้ยประกันหรือผลตอบแทนที่คาดหวังประมาณ 55% ของเบี้ยประกันหรือตามผลประกอบการของกองทุน และ สินทวีคูณ ที่เมื่อครบสัญญาให้การรับรองผลตอบแทนขั้นต่ำที่ 5 % ของเบี้ยประกันหรือผลตอบแทนที่คาดหวังประมาณ 6 0% ของเบี้ยประกันหรือตามผลประกอบการของกองทุน
สำหรับในด้านการขายผลิตภัณฑ์รวงข้าว UL1 นั้น นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ในปี 2549 ธนาคารกสิกรไทย จะให้ความสำคัญกับบริการ K-Bancassurance เนื่องจากเห็นว่าธุรกิจการขายประกันผ่านธนาคาร จะเป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้จากค่าธรรมเนียมให้ธนาคาร โดยมีเมืองไทยประกันชีวิต เป็นผู้รับประกันชีวิตหลัก ซึ่งกรมธรรม์รวงข้าว UL 1 เป็นกรมธรรม์แบบแรกของปีนี้ที่ธนาคารกสิกรไทยและเมืองไทยประกันชีวิตนำออกให้บริการ นับเป็นนวัตกรรมใหม่ของกรมธรรม์ประกันชีวิตที่รวมการประกันชีวิต การออมและการลงทุนไว้ในกรมธรรม์เดียวกัน จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่วางแผนการการเก็บออมและการลงทุนในระยะยาว 10 ปี ที่จะได้รับรองผลตอบแทนขั้นต่ำที่แน่นอน
นอกจากนั้นธนาคารเชื่อว่า กรมธรรม์ดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากลูกค้าของธนาคารและประชาชน เพราะสามารถเลือกรูปแบบสัดส่วนการลงทุนของกรมธรรม์ที่เน้นการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล ตราสารหนี้ที่มีการจัดอันดับเครดิตที่ดี และการลงทุนในหุ้น ให้สอดคล้องกับการรับความเสี่ยงและผลตอบแทนตามความต้องการของตนเองได้ถึง 3 รูปแบบ รวมทั้งมีความโปร่งใสในการบริหารจัดการ เนื่องจากผู้ทำประกันสามารถตรวจสอบมูลค่าผลตอบแทนที่เกิดจากการบริหารกรมธรรม์ได้
ส่วนการขายกรมธรรม์รวงข้าว UL 1 นั้น ธนาคารกสิกรไทยจะเป็นธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทยที่ขายกรมธรรม์ดังกล่าวผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคาร ซึ่งขณะนี้มีพนักงานของธนาคารถึง 208 คน ที่ได้รับใบอนุญาตให้เป็นผู้ทำหน้าที่ขายกรมธรรม์ยูนิเวอร์แซลไลฟ์ในนามธนาคารกสิกรไทยได้ ทั้งนี้ลูกค้า 30 คนแรกที่ทำประกันรวงข้าว UL 1 ในวงเงินทุนประกันตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปภายใน 31 มีนาคมนี้ จะได้รับโทรศัพท์มือถือโนเกีย 6111 จำนว น 1 เครื่อง โดยธนาคารตั้งเป้าว่าเบี้ยประกันกรมธรรม์รวงข้าว UL 1 ในปีแรกไว้ที่ 300 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินธุรกิจการขายประกันผ่านธนาคารของธนาคารกสิกรไทยในปี 2548 มีเบี้ยประกันรับปีแรกรวม 640 ล้านบาท สำหรับปี 2549 ธนาคารได้ตั้งเป้าเบี้ยประกันรับปีแรก 2,500 ล้านบาท เพิ่มขึ้นประมาณ 390%
นอกจากนี้เมืองไทยประกันชีวิต ได้ร่วมกับพันธมิตรใหม่ คือ ดีแทค ที่นำเสนอเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด ทันสมัยและสามารถตอบสนองต่อการปฏิบัติงานในครั้งนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ทั้งเจ้าหน้าที่ธนาคารกสิกรไทยและผู้เอาประกัน ซึ่งเป็นบริษัทแรกที่ใช้ Edge technology สามารถเชื่อมโยงกับ server ได้โดยตรงและยังเป็น real time ซึ่งเป็นระบบที่ทันสมัยที่สุด มีความแม่นยำและสามารถสนับสนุนการจำหน่ายกรมธรรม์รวงข้าวยูแอล 1 ได้เป็นอย่างดี โดยคุณสันติ เมธาวิกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของบมจ.โทเทิ่ล แอ็สเซ็ส คอมมูนิเคชั่น กล่าวถึงรายละเอียดว่า “ดีแทครู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งที่ระบบ Turbo Aircard และ SIM card จากดีแทคได้มีส่วนร่วมในนวัตกรรมใหม่ของแบบประกัน รวงข้าว UL 1 เนื่องจากแบบประกันนี้มีความซับซ้อนมาก ต้องให้บริการที่สาขาของธนาคารกสิกรไทย ซึ่งต้องใช้ระบบเทคโนโลยีที่ทันสมัยและคล่องตัวเข้ามารองรับในการให้บริการแก่ผู้เอาประกัน ทำให้สามารถรับทราบข้อมูลได้แบบ real time เพราะเครือข่ายของดีแทคครอบคลุมทั่วประเทศ”