โรงรับจำนำ : ที่พึ่งยามยาก…ธุรกิจคึกคักในต่างจังหวัด

ในปี 2549 ธุรกิจโรงรับจำนำโดยเฉพาะในต่างจังหวัดมีแนวโน้มคึกคักอย่างมาก โดยผู้ประกอบการธุรกิจโรงรับจำนำคาดว่าธุรกิจโรงรับจำนำในปีนี้คึกคักที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหนุนหลากหลายประการ ทำให้บรรดาโรงรับจำนำต่างต้องเตรียมเงินทุนหมุนเวียนให้เพียงพอรองรับกับปริมาณประชาชนที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น อาจกล่าวได้ว่าโรงรับจำนำเป็นที่พึ่งยามยากของคนจน แม้ว่าธุรกิจสินเชื่อเงินผ่อนของเอกชนจะเริ่มรุกมาให้สินเชื่อด้านการศึกษามากขึ้น แต่โรงรับจำนำก็ยังคงเป็นธนาคารคนยาก หรือที่พึ่งพิงของผู้ปกครองบางกลุ่ม กล่าวคือในช่วงที่ผ่านมาบรรดาผู้ปกครองที่มีปัญหาในช่วงเปิดเทอมจะเลือกโรงรับจำนำเป็นแหล่งพึ่งพิง 1 ใน 5 อันดับแรก แม้ว่าในปัจจุบันสถาบันการเงินจะหันมาปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ปกครองในช่วงเปิดเทอมมากยิ่งขึ้น ทั้งการเข้ามารุกตลาดของผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อเงินผ่อนที่ตั้งเคาน์เตอร์ปล่อยสินเชื่อในห้างสรรพสินค้า แต่ผู้ปกครองบางกลุ่มยังคงเลือกที่จะใช้บริการโรงรับจำนำ เนื่องจากการกู้เงินจากสินเชื่อเพื่อการศึกษานั้นยังมีความยุ่งยากในเรื่องเงื่อนไขในการขอกู้ โดยเฉพาะหลักฐานในเรื่องใบรับรองเงินเดือน และอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่า รวมทั้งผู้ปกครองกลุ่มนี้เคยใช้บริการโรงรับจำนำมาก่อน และมีสินทรัพย์ที่โรงรับจำนำยอมรับจำนำ ดังนั้นโรงรับจำนำจึงยังเป็นแหล่งพึ่งพิงสำคัญของผู้ปกครองกลุ่มนี้

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “ค่าใช้จ่ายเปิดเทอมปี 2549” ในช่วงระหว่าง 1-27 เมษายน 2548 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,451 คน จากการสำรวจพบว่าบรรดาผู้ปกครองในกรุงเทพฯที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเตรียมแก้ไขปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมปี 2549 นี้โดยร้อยละ 35.2 จะกู้ยืมเงิน ร้อยละ 20.7 ถอนเงินที่เก็บสะสมมาใช้ ร้อยละ 12.4 เปียร์แชร์ ร้อยละ 9.3 ใช้บริการโรงรับจำนำ และที่เหลืออีกร้อยละ 22.4 หาวิธีการแก้ไขปัญหา เช่น หางานพิเศษทำเพิ่มขึ้น พึ่งแหล่งสินเชื่อเพื่อการศึกษา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม เมื่อนำรายได้ของผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มตัวอย่างเข้ามาพิจารณาด้วยพบว่าผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มตัวอย่างที่มีรายได้น้อยกว่า 15,000 บาทต่อเดือนนั้นเลือกที่จะพึ่งพิงโรงรับจำนำเป็นอันดับหนึ่งในการแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม

สำหรับในต่างจังหวัดในปีนี้ธุรกิจโรงรับจำนำมีแนวโน้มคึกคักขึ้นอย่างมาก จากการสำรวจพบว่าบรรดาผู้ปกครองในต่างจังหวัดเลือกที่จะพึ่งพิงโรงรับจำนำเป็นอันดับหนึ่งในการแก้ไขปัญหาค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม โดยบรรดาผู้ประกอบการโรงรับจำนำในต่างจังหวัดคาดว่าธุรกิจโรงรับจำนำในต่างจังหวัดในปีนี้คึกคักที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา โดยคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25-30 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สินค้ายอดนิยมนำไปจำนำ คือ ทองรูปพรรณ เครื่องใช้ไฟฟ้า และเครื่องจักรกลการเกษตร โรงรับจำนำมีการจัดเตรียมเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการรับจำนำ โดยกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีสถานธนานุบาลในความรับผิดชอบทั้งหมด 194 แห่ง มีเตรียมเงินทุนหมุนเวียนสำหรับการับจำนำกว่า 700 ล้านบาท ทั้งนี้เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่จะมาใช้บริการของสถานธนานุบาลช่วงเปิดเทอม โดยมีการคิดอัตราดอกเบี้ยต่ำดังนี้ เงินต้นไม่เกิน 3,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ0.75 บาทต่อเดือน เงินต้นเกิน 3,000 บาทแต่ไม่เกิน 50,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.00 บาทต่อเดือน และเงินต้นเกินกว่า 50,000 บาทคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.25 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ทางโรงรับจำนำของรัฐบาลบางจังหวัดก็ต้องยืมเงินจากเทศบาลเพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียน ทั้งนี้เพื่อให้มีเงินเพียงพอรองรับการเข้ามาใช้บริการที่เพิ่มขึ้นของประชาชนในช่วงนี้

ปัจจัยหนุนสำคัญที่ทำให้ธุรกิจโรงรับจำนำในต่างจังหวัดคึกคัก มีดังนี้

1.ภาระค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอม จากภาระค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นเมื่อผนวกกับค่าใช้จ่ายในช่วงเปิดเทอมนับว่าเป็นภาระอันหนักของบรรดาผู้ปกครองที่มีรายได้น้อย ทำให้ต้องหันไปพึ่งพาธุรกิจโรงรับจำนำ

2.ภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป เนื่องจากผลกระทบจากราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบต่อภาวะค่าครองชีพแต่ละครัวเรือน ผนวกกับภาระหนี้สินที่มีมากอยู่แล้ว ทั้งหนี้กองทุนหมู่บ้าน หนี้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ฯลฯ ทำให้คนในต่างจังหวัดหันไปพึ่งพาโรงรับจำนำมากขึ้น

3.ภาวะราคาทองคำที่มีแนวโน้มสูงขึ้น โดยปกติคนในต่างจังหวัดจะซื้อทองรูปพรรณเก็บไว้ และนำออกมาขายหรือจำนำเมื่อจำเป็นต้องใช้เงินก้อนใหญ่หรือเมื่อเงินขาดมือ แต่จากภาวะราคาทองคำที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้คนในต่างจังหวัดนิยมนำทองรูปพรรณมาจำนำกับโรงรับจำนำมากกว่าร้านทอง เนื่องจากปัจจุบันราคาจำนำทองคำกับโรงรับจำนำบาทละ 8,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 1.0 ต่อเดือน ซึ่งถูกกว่านำไปจำนำกับร้านทองที่คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2.0 ต่อเดือน เมื่อราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้นก็จะมาไถ่ถอน โดยทองรูปพรรณนี้เป็นสินค้าอันดับหนึ่งของผู้ใช้บริการโรงรับจำนำ

4.ช่วงฤดูแล้ง ในช่วงกลางปีนั้นนับว่าเป็นช่วงฤดูแล้ง เมื่อผนวกกับภาระหนี้สินที่เพิ่มขึ้นตามภาวะค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้เกษตรกรนิยมนำเครื่องจักรกลการเกษตรมาจำนำ โดยเฉพาะรถไถนาเดินตาม และเครื่องสูบน้ำ โดยเป็นการฝากให้โรงรับจำนำดูแล ซึ่งปลอดภัยกว่าเก็บไว้ที่บ้านที่เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม และจะมาไถ่ถอนคืนในช่วงฤดูฝน ในช่วงนี้ก็นำเงินไปหมุนเวียนเป็นค่าใช้จ่ายในครัวเรือนไปก่อน

ปัจจุบันธุรกิจโรงรับจำนำต้องมีการปรับตัวเพื่อรับกับการแข่งขันของการขยายตัวของสินเชื่อเพื่อการศึกษาของภาคเอกชน ทั้งจากสถาบันการเงินและไม่ใช่สถาบันการเงิน โดยมีการแข่งขันทั้งในด้านเงื่อนไขการปล่อยสินเชื่อและอัตราดอกเบี้ย ดังนั้นผู้ประกอบการโรงรับจำนำจำเป็นต้องปรับหลักเกณฑ์ให้มีความคล่องตัวและอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้บริการมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทั้งนี้เพื่อดำรงบทบาทเป็นแหล่งพึ่งพิงของผู้ปกครองที่มีรายได้น้อย โดยกลยุทธ์ที่ผู้ประกอบการโรงรับจำนำของรัฐบาลนำมาใช้ช่วงเปิดเทอมนี้คือ มูลค่าต่ำกว่า 3,000 บาทคิดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 ต่อเดือน และเกินกว่า 3,000 บาทคิดดอกเบี้ยร้อยละ 1 ต่อเดือน ซึ่งนับว่าถูกกว่าโรงรับจำนำเอกชน ส่วนโรงรับจำนำเอกชนแม้ว่าอัตราดอกเบี้ยจะแพงกว่ารัฐบาลเล็กน้อย แต่ก็มีข้อได้เปรียบในเรื่องจำนวนโรงรับจำนำที่มีอยู่มากกว่าและมีการกระจายตัวตามแหล่งชุมชนต่างๆ อีกทั้งมีการใช้กลยุทธ์การเพิ่มวงเงินรับจำนำสูงสุดต่อ 1 ใบรับจำนำ จากเดิมที่กำหนดไว้ไม่เกิน 30,000 บาท โดยโรงรับจำนำบางแห่งอาจจะพิจารณาเพิ่มเป็นไม่เกิน 60,000 บาท การลดอัตราดอกเบี้ยเฉพาะในช่วงเปิดเทอม ทั้งนี้เพื่อจูงใจให้บรรดาผู้ปกครองหันมาใช้บริการโรงรับจำนำเพิ่มมากขึ้น การเพิ่มการตีราคาทองจากเดิมที่เคยให้ราคาประมาณร้อยละ 85 ของราคาซื้อขาย มาเป็นร้อยละ 87.5 ของราคาซื้อขาย เนื่องจากในการสำรวจพบว่าทองรูปพรรณนั้นเป็นทรัพย์สินอันดับหนึ่งที่บรรดาผู้ปกครองนิยมนำไปจำนำ ซึ่งการปรับกลยุทธ์เหล่านี้คาดว่าจะสามารถกระตุ้นให้มีการใช้บริการโรงรับจำนำในช่วงเปิดเทอมได้ โดยกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคือบรรดาผู้ปกครองที่ไม่สามารถพึ่งพิงสินเชื่อเพื่อการศึกษาของภาคเอกชนได้

ธุรกิจโรงรับจำนำในปี 2549 กลับมาคึกคักอีกครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะธุรกิจโรงรับจำนำในต่างจังหวัด ซึ่งผู้ประกอบการคาดว่าธุรกิจโรงรับจำนำคึกคักที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา และจะมีผู้มาใช้บริการเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 25-30 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัจจัยหนุนหลากหลายประการโดยเฉพาะราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจครัวเรือน เมื่อผนวกกับความต้องการใช้เงินในช่วงเปิดเทอม และภาระหนี้สินที่รุมเร้า อันเป็นผลมาจากสภาพเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ความต้องการใช้บริการโรงรับจำนำเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์