จีนจะมีสัดส่วนในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของโลกถึง 27% ก่อนปี 2563

ฮ่องกง–(BUSINESS WIRE)

ก่อนปี 2563 จีน อินเดีย และสหรัฐฯ รวมกันจะมีสัดส่วนในเศรษฐกิจโลกสูงถึง 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ตามข้อมูลการศึกษาของ Economist Intelligence Unit ซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยซิสโก้ ซีสเต็มส์ (NASDAQ:CSCO) ในอีก 15 ปีข้างหน้า เราจะเห็นเอเชียก้าวหน้าไปได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน และโดยเฉพาะพลังขับเคลื่อนของจีนและอินเดียเมื่อเทียบกับส่วนอื่นๆ ของโลกในด้านผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ค่าแรงและความต้องการในการบริโภค

การศึกษา Foresight 2020 ยังคาดว่าการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องของจีนจะทำให้จีนกลายเป็น ตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลกเทียบเท่ากับสหรัฐฯ ในแง่ความเท่าเทียมกันในอำนาจการซื้อ (PPP) ก่อนปี 2563 GDP จริงทั่วโลกจะเติบโต 3.5% ต่อปีโดยเฉลี่ย ทำให้เศรษฐกิจโลกในปี 2563 จะมีขนาดใหญ่กว่าในปี 2548 สองในสามเท่า จีนจะมีสัดส่วนในการเจริญเติบโตนี้มากถึง 27%

จีนและอินเดียจะมีแรงงานใหม่ 65 และ 142 ล้านคนในจำนวนแรงงานทั่วโลกตามลำดับภายในปี 2563 อย่างไรก็ตาม แรงงานใหม่ที่เข้าสู่ตลาดแรงงานนี้จะได้ค่าแรงเพิ่มขึ้นมาก โดยคาดว่าในปี 2563 ค่าแรงในจีนจะเพิ่มขึ้น 4.5 เท่าจากปัจจุบัน จีนจะมีอย่างน้อย 80 ล้านครัวเรือนที่มีรายได้ต่อปีเกิน 7500 เหรียญสหรัฐฯ

เมื่อมองไปถึงบริษัทในอนาคต จากการศึกษาพบว่าการให้บริการที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของลูกค้าจะมี บทบาทที่สำคัญในความสำเร็จทางเศรษฐกิจ บริษัทต่างๆ จะสร้างความแตกต่างและความสามารถในการแข่งขัน โดยการให้บริการลูกค้าอย่างมีคุณภาพด้วยผลิตภัณฑ์ที่ปรับเปลี่ยนได้ตามความ ต้องการของลูกค้าและคุณภาพในการบริการ

“การเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วของจีนที่ระบุไว้ในการสำรวจครั้งนี้เริ่มปรากฏ ให้เห็นอย่างชัดเจนจากความต้องการที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงไปของลูกค้าเราใน ประเทศจีน” Owen Chan รองประธานอาวุโสของซิสโก้ ซีสเต็มส์ เอเชียแปซิฟิก กล่าว “เมื่อธุรกรรมและกระบวนการผลิตมีปริมาณมากและเป็นไปโดยอัตโนมัติมากขึ้น คุณค่าแก่ลูกค้าจะอยู่ที่ความสัมพันธ์และการปฏิสัมพันธ์ส่วนตัวที่ยากแก่การ ลอกเลียนแบบ การปฏิสัมพันธ์เหล่านี้จะเพิ่มขึ้นได้โดยความร่วมมือ บริการที่มีคุณค่าสูง และคนงานที่มีความรู้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปได้ด้วยเทคโนโลยี”

“คนงานที่มีความรู้บวกกับ IT สามารถเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ของลูกค้าได้ บริษัทที่สามารถทำงานร่วมกันทั่วโลกเพื่อให้บริการแก่ลูกค้าได้จะเอาชนะการ แข่งขันได้”

EIU ได้ทำการสำรวจผู้บริหาร 1,656 คนจาก 100 ประเทศ และสัมภาษณ์ผู้บริหาร นักวิเคราะห์ และผู้กำหนดนโยบายอย่างลึกซึ้งในช่วงปลายปี 2548

ข้อมูลสำคัญที่พบจากการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่

— การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจได้รับการคาดการณ์ว่าจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นไปตลอด 15 ปีข้างหน้า โดยจีน อินเดีย และสหรัฐฯ มีสัดส่วนมากกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ของการเจริญเติบโตที่เกิดขึ้นใหม่ทั้งหมด โดยรวมแล้ว ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของจีนและอินเดียจะเติบโตที่อัตรา 6.0 เปอร์เซ็นต์ต่อปี

— ก่อนปี 2563 เศรษฐกิจของจีนเมื่อวัดที่อัตราแลกเปลี่ยนของความเท่าเทียมกันในอำนาจการ ซื้อ (PPP) จะอยู่ในระดับเทียบเท่ากับสหรัฐฯ และส่วนแบ่งโดยรวมของเอเชียในเศรษฐกิจโลกจะเพิ่มขึ้นเป็น 43 เปอร์เซ็นต์จาก 35 เปอร์เซ็นต์ในปัจจุบัน

— ส่วนแบ่งของจีนในด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าในอีก 15 ปีข้างหน้า เอเชียในภาพรวมจะเป็นภูมิภาคที่มีผู้บริโภคกลุ่มที่ใหญ่ที่สุด ตัวอย่างเช่น ก่อนปี 2563 คาดว่าเอเชียจะมีสัดส่วนของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดถึง 38 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งอยู่ในระดับเกือบสองเท่าของปัจจุบัน

— มีแรงงานใหม่ทั้งหมด 471 ล้านคนที่จะเข้าสู่ระบบแรงงานโลก ซึ่งจะอยู่ในจีนประมาณ 65 ล้านคน โดยอินเดียจะมีจำนวนมากเป็นพิเศษถึง 142 ล้านคน และสหรัฐฯ ซึ่งมีสัดส่วนมากเป็นอันดับสามจะมีแรงงานใหม่ 12.5 ล้านคน สหภาพยุโรป (EU) จะมีแรงงานใหม่เพิ่มขึ้น 8.4 ล้านคน งานส่วนใหญ่ในสหรัฐฯ และยุโรปจะอยู่ในอุตสาหกรรมการบริการ

— เอเชียจะยกระดับจากการเป็นเพียงแค่ศูนย์กลางการผลิตของโลก ประมาณ 66 เปอร์เซ็นต์ของผู้ตอบแบบสำรวจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเชื่อว่า คนงานที่มีความรู้ในบทบาทที่ซับซ้อนซึ่งต้องใช้ทักษะการสื่อสารและการตัดสิน ใจมากจะกลายเป็นลูกจ้างที่มีคุณค่าสูงสุด ในการเตรียมความพร้อมให้แก่พนักงานเพื่อให้บรรลุบทบาทดังกล่าว ผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวว่าน่าจะต้องใช้การฝึกอบรม (38%) และ IT (41%)

— ในขณะที่ราคาและคุณภาพจะยังคงมีความสำคัญ ผู้ตอบแบบสำรวจมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า การให้บริการที่ปรับเปลี่ยนได้จะมีความสำคัญเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากการปฏิสัมพันธ์และการปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้าจะกลาย เป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการให้บริการลูกค้าและพฤติกรรมของคนงาน

— ลักษณะโดยทั่วไปของแรงงานจะเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง 56% ของผู้บริหารในเอเชียแปซิฟิกคาดว่าจะเน้นให้โครงสร้างขององค์กรมี ประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยอำนาจในการตัดสินใจและสภาพแวดล้อมในการร่วมมือจะมีมาตรฐานเดียวกันเพื่อ เพิ่มผลผลิตให้มากขึ้น การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะต้องใช้วิธีการใหม่ในการบริหารองค์กรและมนุษย์ สัมพันธ์ ลูกค้าและซัพพลายเออร์จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากยิ่งขึ้น ทีมงานที่มาจากต่างแผนกและต่างหน้าที่จะทำงานร่วมกันบ่อยขึ้น และความร่วมมือกับองค์กรอื่นๆ จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เกี่ยวกับการสำรวจ
การศึกษา Foresight 2020 จัดทำขึ้นในช่วงปลายปี 2548 เพื่อที่จะทำความเข้าใจถึงแนวโน้มของประชากร เศรษฐกิจ และองค์กรในระยะยาว และเพื่อประเมินการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่น่าจะเกิดขึ้น การศึกษานี้ครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมหลัก 8 อย่าง ได้แก่ ยานยนต์ สินค้าบริโภคและค้าปลีก พลังงาน บริการทางการเงิน สุขภาพและเภสัชกรรม การผลิต หน่วยงานสาธารณะ และโทรคมนาคม

EIU ได้ทำการสำรวจผู้บริหาร 1,656 คนในกว่า 100 ประเทศ ซึ่งเกือบหนึ่งในสามของผู้ตอบแบบสำรวจนั้นเป็นระดับ CEO โดยกระจายแบบสำรวจอย่างยุติธรรมและเท่าเทียมกันไปทั้งเอเชียแปซิฟิก (30 เปอร์เซ็นต์) ยุโรปตะวันตกและตะวันออก (34 เปอร์เซ็นต์) และอเมริกาเหนือ (27 เปอร์เซ็นต์) ข้อมูลของการศึกษานี้สามารถหาอ่านได้จาก www.cisco.com/go/foresight2020

เกี่ยวกับซิสโก้ ซีสเต็มส์
ซิสโก้ ซีสเต็มส์ อิงค์ (NASDAQ:CSCO) เป็นผู้นำระดับโลกทางด้านระบบเครือข่ายสำหรับอินเทอร์เน็ต ข้อมูลเกี่ยวกับซิสโก้ สามารถหาอ่านได้จาก http://www.cisco.com สำหรับข่าวสารความเคลื่อนไหวต่างๆ โปรดเข้าไปดูได้ที่ http://newsroom.cisco.com

(1) วัดที่อำนาจการซื้อ

ติดต่อ: ซิสโก้ ซีสเต็มส์ อิงค์
Terry Alberstein, 61 3 96594263 (สื่อมวลชน)
talberst@cisco.com
Karen Chu, 852 25883292 (สื่อมวลชน)
karenchu@cisco.com
Liz Lemon, 408-527-8452 (นักลงทุนสัมพันธ์)
lemon@cisco.com