เออีเอส คอร์ปอเรชั่น ขยายธุรกิจ CCTD ในเอเชีย

สิงคโปร์–(บิสิเนส ไวร์)

เออีเอส คอร์ปอเรชั่น (AES Corporation) ประกาศขยายธุรกิจการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศและการพัฒนาเทคโนโลยี (Climate Change & Technology Development: CCTD) ในเอเชีย ผ่านทางการซื้อทีมงานด้านการซื้อขายคาร์บอนเครดิตและท่อก๊าซเพื่อการพัฒนาโครงการที่เกี่ยวข้องของบริษัท Byun & Co. ของสิงคโปร์ รวมถึงการว่าจ้างนาย Ishani Chattopadhyay อดีตผู้บริหารของ EcoSecurities

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของของความพยายามอย่างต่อเนื่องของเออีเอสในการขยายการพัฒนาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของการจัดตั้งกลุ่มบริษัทพลังงานทางเลือกของเออีเอสที่เพิ่งประกาศให้ทราบไปเมื่อเร็วๆนี้ โดยเมื่อช่วงต้นปีนี้ เออีเอสได้ประกาศเกี่ยวกับแผนการลงทุนในภาคพลังงานเป็นมูลค่าราว 1 พันล้านดอลลาร์ ในอีก 3 ปีข้างหน้า

นาย William Luraschi รองประธานบริหาร ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ กล่าวว่า “พลังงานทางเลือกเป็นสาขาเพื่อการเติบโตที่สำคัญสำหรับเออีเอส เอเชียเป็นตลาดสำคัญสำหรับเออีเอส ไม่เพียงแต่ภาคพลังงานไฟฟ้าเท่านั้น แต่ยังรวมถึงตลาดพลังงานทางเลือกส่วนใหญ่ด้วย การขยายบริษัทนี้จะให้ทรัพยากรเพิ่มเติมแก่เราเพื่อให้ได้มาซึ่งโอกาสต่างๆ ในด้านพลังงานทางเลือก”

นาย William Byun จะดูแลสำนักงานเออีเอสในสิงคโปร์ และจะเป็นผู้นำความพยายามด้าน CCTD ของเออีเอสในเอเชียและตะวันออกกลางเพื่อนำโครงการและเทคโนโลยีใหม่ๆ ออกสู่ตลาด ได้แก่โครงการและเทคโนโลยีที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงหรือสร้างสิ่งชดเชยการปล่อยก๊าซภายใต้กลไกการพัฒนาที่สะอาด (Clean Development Mechanism; CDM) ของพิธีสารเกียวโต การที่เออีเอสมีโครงการภายใต้การพัฒนาในอินโดนีเซีย จีน เกาหลี และประเทศอื่นๆ ในเอเชีย ทำให้เออีเอสมีทีมงาน CDM ระดับแนวหน้าทีมหนึ่งของเอเชียที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับภูมิภาคนี้โดยเฉพาะ

นางสาว Ishani Chattopadhyay จะเป็นผู้นำกิจกรรม CCTD ของเออีเอสในอินเดีย ในฐานะเป็นอดีตประธาน EcoSecurities ในมุมไบ Chattopadhyay ได้นำการปฏิบัติการตั้งแต่บริษัทเริ่มดำเนินการ และประสบความสำเร็จในการเจาะตลาด CDM ของอินเดียผ่านบริการพัฒนาและการให้คำปรึกษา

Haresh Jaisinghani รองประธานบริหารและประธานธุรกิจเออีเอสในเอเชียและตะวันออกกลาง กล่าวว่า “เรายินดีมากที่ได้ผู้ที่มีความสามารถสูงเช่นนี้มาร่วมงานกับเออีเอสในเอเชีย การมีบุคคลเหล่านี้มาร่วมทีมของเรา ทำให้เออีเอสอยู่ในตำแหน่งที่สามารถยกระดับการดำเนินงานในเอเชียของเราที่แข็งแกร่งอยู่แล้วเพื่อพัฒนาโครงการใช้สิ่งชดเชยที่มีการวางแผนโครงการอย่างดีเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในทุกที่ที่เราปฏิบัติการ”

เออีเอสในเอเชียและตะวันออกกลาง
เออีเอสดำเนินงานในประเทศจีน อินเดีย โอมาน ปากีสถาน กาตาร์ และศรีลังกา เออีเอสเริ่มเข้าสู่ภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลางตั้งแต่ปี 2537 หลังจากที่บริษัทได้ซื้อโรงไฟฟ้า Cili ในประเทศจีน สินทรัพย์ของเออีเอสในภูมิภาคนี้ประกอบด้วยโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้า 13 แห่ง ซึ่งมีความสามารถผลิตกระแสไฟฟ้า 5,396 เมกกะวัตต์ โดยในประเทศจีนนั้น เออีเอสมีส่วนร่วมในตลาดพลังงานมาเป็นเวลานาน ด้วยกำลังการผลิตรวม 2,842 เมกกะวัตต์

ส่วนในอินเดีย เออีเอสเป็นเจ้าของและปฏิบัติการโรงไฟฟ้าถ่านหิน 420 เมกกะวัตต์ ซึ่งเป็นโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าเอกชนแห่งเดียว โดยเป็นหุ้นส่วนกับรัฐบาลของแคว้นโอริสสา เออีเอสกำลังช่วยเปลี่ยนแปลงตลาดที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วของประเทศผ่านทางการมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการประชุมยูเอส-อินเดีย ซีอีโอ ฟอรั่ม อันประกอบไปด้วยซีอีโอ 10 คนจากบริษัทชั้นนำของอินเดียและซีอีโอ 10 คนจากสหรัฐอเมริกา ซึ่งรวมถึง Paul Hanrahan ซีอีโอของเออีเอส ขณะที่ในปากีสถานนั้น เออีเอสเริ่มต้นการดำเนินงานตั้งแต่ปี 2537 โดยเป็นหนึ่งในผู้ผลิตพลังงานอิสระ (IPP) รายใหญ่ที่สุด และเป็นเจ้าของและดำเนินการโรงไฟฟ้าที่ได้จากการเผาไหม้น้ำมัน 2 แห่ง รวม 727 เมกกะวัตต์

สำนักงานตะวันออกกลางของเออีเอสตั้งอยู่ในประเทศโอมานและกาตาร์ โดยเออีเอสดำเนินงานในโอมานตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2546 หลังซื้อโรงไฟฟ้า Barka ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังก๊าซ ที่มีกำลังการผลิต 456 เมกกะวัตต์ เออีเอสดำเนินงานในกาตาร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2544 เมื่อบริษัทได้รับเลือกให้เป็นเจ้าของและดำเนินการโรงงาน Ras Laffan ซึ่งเป็นแหล่งผลิตไฟฟ้าโดยการนำน้ำมาแยกเอาเกลือออกเป็นแห่งแรกของประเทศ โรงงานแห่งนี้สามารถเปลี่ยนน้ำทะเลสูงสุดถึง 40 ล้านแกลลอนต่อวันให้เป็นน้ำบริสุทธิ์ และผลิตไฟฟ้ามากกว่า 25% ของกำลังการผลิตปัจจุบันของประเทศ

เกี่ยวกับเออีเอส
เออีเอสเป็นบริษัททางด้านพลังงานชั้นนำระดับโลก ด้วยรายได้ 1.1 หมื่นล้านเหรียญในปี 2548 เออีเอสดำเนินงานใน 26 ประเทศ ใน 5 ทวีป โดยโรงงานผลิตและจ่ายกระแสไฟฟ้าของบริษัทสามารถรองรับประชากร 100 ล้านคนทั่วโลก ในปี 2548 โรงงานที่ถูกต้องตามกฎข้อบังคับ 14 แห่งของเราจำหน่ายไฟฟ้าได้มากกว่า 82,000 กิกะวัตต์ และโรงจ่ายกระแสไฟฟ้า 122 แห่ง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าราว 44,000 เมกกะวัตต์ พนักงาน 30,000 คนของเรามุ่งมั่นที่จะปฏิบัติงานให้ดีเยี่ยมและตอบสนองความต้องการด้านพลังงานของโลกที่กำลังขยายตัว

หากต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเออีเอส กรุณาดูที่เว็บไซต์ www.aes.com หรือติดต่อฝ่ายสื่อสัมพันธ์ทางอีเมล์ได้ที่ [email protected]

ติดต่อ: เออีเอส คอร์ปอเรชั่น (สิงคโปร์)
Felix Chan, +65 6339 9408