กสิกรไทย อนุมัติจัดซื้อและติดตั้งเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะและอาวุธ พร้อมกำหนดระดับการให้บริการตามภาวะ ให้กับพนักงานและลูกค้า 7 สาขา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
นายธงชัย เจริญสิทธิ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า เนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการวางระเบิดในธนาคารหลายแห่งซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในด้านเศรษฐกิจ และการให้บริการแก่ลูกค้า รวมถึงก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินของลูกค้าที่มาใช้บริการ พนักงานและกับธนาคาร
ดังนั้นเพื่อสร้างความมั่นใจแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการที่สาขาของธนาคาร และเพื่อความปลอดภัย ต่อชีวิต ทรัพย์สินของทุกฝ่าย ธนาคารจึงได้จัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุโลหะและอาวุธ ทั้งแบบประตูเดินผ่านและแบบมือถือติดตั้งให้กับสาขาของธนาคารทั้ง 7 สาขา ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สาขาละ 1 ชุด ได้แก่ สาขานราธิวาส รือเสาะ สุไหงโกลก ยะลา เบตง ปัตตานี และปาลัส ซึ่งขณะนี้ได้ติดตั้งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถ ใช้งานได้ทันที
ทั้งนี้ ธนาคารจะมีพนักงานรักษาความปลอดภัย หรือพนักงานแนะนำการให้บริการ (Service Advisor) เป็นผู้ใช้เครื่องมือดังกล่าว สำหรับระดับการให้บริการในภาวะที่มีการก่อความไม่สงบ ธนาคารได้แบ่งลักษณะการให้บริการออกเป็น 2 ระดับ คือ
– การให้บริการในระดับ 1 (ป้องกัน) เป็นพื้นฐานใช้มาตรการนี้ตลอดเวลา โดยให้สาขานำเงินสดออกจากห้องมั่นคงเท่าที่จำเป็นต่อการให้บริการลูกค้า จัดเก็บสิ่งของเครื่องใช้ที่ไม่จำเป็นไว้ในห้องเก็บของ เพื่อให้พนักงานสามารถมองเห็นสิ่งต้องสงสัยอย่างชัดเจน และหลังปิดทำการให้ดำเนินการด้านการเงินให้แล้วเสร็จภายในเวลา 16.00 น.
– การบริการในระดับ 2 (ระมัดระวัง) ใช้เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงของเหตุการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ จะล็อคประตูเข้า-ออกที่ทำการสาขาตลอดเวลา และเปิดให้ลูกค้าเข้ารับบริการต่อครั้งเท่ากับจำนวนเคาน์เตอร์ที่สาขาเปิดให้บริการอยู่ โดยจะไม่ให้ลูกค้ารอรับบริการภายในสาขา
นายธงชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรการดังกล่าวจะสามารถเพิ่มความปลอดภัยและเสริมสร้างความมั่นใจให้กับพนักงานและลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการได้เป็นอย่างดี แต่อาจทำให้ลูกค้าประสบกับความไม่สะดวกบางประการ ซึ่งก็เพื่อความปลอดภัยของลูกค้าทุกคน