ไก่และผลิตภัณฑ์ในตลาดอียูปี 2550 : โควตานำเข้า…อุปสรรคส่งออกไก่ไทย

ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2549 สหภาพยุโรปประกาศปรับระบบการนำเข้าสินค้าไก่หมักเกลือ เนื้อไก่งวง และไก่แปรรูป โดยกำหนดโควตานำเข้า หลังจากนั้นสหภาพยุโรปก็เจรจาทั้งกับบราซิลและไทย ซึ่งเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่และเป็นผู้ที่จะได้รับชดเชยโควตาตามคำตัดสินขององค์การการค้าโลกจากการที่สหภาพยุโรปเก็บภาษีไก่หมักเกลือที่ส่งออกจากไทยและบราซิลผิดพิกัดภาษี ซึ่งทำให้บราซิลและไทยเสียภาษีนำเข้าสูงกว่าที่ควรจะเป็น อย่างไรก็ตามสหภาพยุโรปและบราซิลสามารถบรรลุข้อตกลงในการชดเชยโควตาไก่หมักเกลือ เนื้อไก่งวงและไก่แปรรูปแล้วในช่วงเดือนตุลาคม 2549 ส่วนไทยนั้นยังรอการเจรจาขั้นสุดท้ายในวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2549 ว่าไทยจะได้รับโควตาเท่าใด ซึ่งปริมาณโควตาที่ไทยจะได้รับนี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตการส่งออกไก่แปรรูปของไทย รวมทั้งยังจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของอุตสาหกรรมไก่เนื้อของไทยด้วย

ตลาดสหภาพยุโรป เป็นตลาดที่มีความสำคัญเป็นอันดับหนึ่งในการส่งออกไก่แปรรูป อย่างไรก็ตามมูลค่าการส่งออกไก่แปรรูปไปยังสหภาพยุโรปในปี 2548 มีมูลค่าการส่งออกต่ำกว่าการส่งออกไปยังตลาดญี่ปุ่น แต่ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2549 มูลค่าการส่งออกไปยังสหภาพยุโรปก็พลิกกลับขึ้นไปเป็นแหล่งส่งออกอันดับหนึ่งของไทยอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเท่ากับว่าการส่งออกไก่แปรรูปไปยังตลาดสหภาพยุโรปมีความสำคัญอย่างมาก

อย่างไรก็ตามในปี 2549 การส่งออกไปยังสหภาพยุโรปเริ่มประสบปัญหา ดังนี้

-ปัญหาพิกัดศุลกากรของไก่หมักเกลือ สหภาพยุโรปเก็บภาษีนำเข้าไก่หมักเกลือร้อยละ 15 ไก่แช่แข็งไม่หมักเกลือเสียภาษีร้อยละ 53.0 และไก่ปรุงสุกเสียภาษีร้อยละ10.9 แต่เมื่อไทยและบราซิลส่งไก่ที่มีเกลืออยู่เพียงร้อยละ 1.2-3.0 ทางสหภาพยุโรปกลับคิดอัตราภาษีเป็นไก่แช่แข็ง ทำให้ทั้งไทยและบราซิลยื่นเรื่องอุธรณ์ต่อองค์การการค้าโลก หลังจากนั้นคณะกรรมการไต่สวนข้อพิพาทและคณะกรรมการอุทธรณ์ขององค์การการค้าโลกลงมติเห็นด้วยกับบราซิลและไทยว่าสินค้าเนื้อไก่ตัดแต่งไม่มีกระดูกแช่แข็งที่มีการปนเปื้อนของเกลือในอัตราร้อยละ1.2-3.0 ให้จัดอยู่ในสินค้าประเภทไก่หมักเกลือภายใต้พิกัด 0210 ตลอดจนตัดสินว่าการกระทำของสหภาพยุโรปที่ผ่านมาขัดต่อหลักการตามข้อตกลงขององค์การการค้าโลก อันส่งผลเสียหายต่อประเทศคู่ค้า โดยคณะกรรมการเสนอให้ Dispute Settlement Body :DSB ได้สั่งการสหภาพยุโรปปรับเปลี่ยนกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องให้ถูกต้องตามข้อกำหนดขององค์การการค้าโลก ซึ่งเมื่อวันที่ 27 มิถุนายนที่ผ่านมาสหภาพยุโรปได้ดำเนินการตามมติดังกล่าว โดยออกระเบียบที่ 2687/87 แก้ไขคำจำกัดความของสินค้าเนื้อสัตว์หมักเกลือภายใต้พิกัด 0210 11 ถึง 0210 93 และ 0210 99 ว่าสินค้าเนื้อสัตว์และเครื่องในของเนื้อสัตว์เพื่อการบริโภคหมักเกลือหรือในน้ำเกลือ หมายความถึง สินค้าเนื้อสัตว์และเครื่องในของเนื้อสัตว์ที่มีการผสมเกลืออย่างเป็นเนื้อเดียวกันในทุกส่วน และมีอัตราส่วนของเกลือต่อน้ำหนักในปริมาณร้อยละ 1.2 หรือมากกว่า โดยมีความหมายว่าการหมักเกลือเป็นการถนอมสินค้าไว้ในระยะเวลานานขึ้น อย่างไรก็ตามผู้ส่งออกไก่และผลิตภัณฑ์ของไทยจะได้ประโยชน์จากการชดเชยการส่งออกสินค้าไก่หมักเกลือก็ต่อเมื่อสหภาพยุโรปยกเลิกมาตรการห้ามนำเข้าสินค้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทย ในขณะที่บราซิลจะได้ประโยชน์จากการชดเชยสินค้าไก่หมักเกลือทันที

-ขยายเวลาห้ามนำเข้าสัตว์ปีก ผู้เชี่ยวชาญด้านปศุสัตว์ของสหภาพยุโรปอนุญาตให้ขยายเวลาการห้ามนำเข้าสัตว์ปีกที่จะหมดอายุลงในสิ้นเดือนนี้ออกไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2549 นี้ ซึ่งมาตรการดังกล่าวทำให้การห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์จากสัตว์ปีกจากจีน มาเลเซีย และไทยยังมีผลต่อไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคมปี 2550 เท่ากับว่าไทยยังคงส่งออกได้เพียงไก่แปรรูป และยังไม่สามารถส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งได้ ซึ่งรวมถึงไทยก็ยังไม่สามารถส่งออกไก่แช่แข็งหมักเกลือไปยังสหภาพยุโรปได้ เท่ากับว่าตั้งแต่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกนั้นไทยเสียตลาดไก่สดแช่เย็นแช่แข็งให้กับบราซิล

คาดการณ์ว่าในปี 2550 ทั้งปริมาณการผลิต และปริมาณการบริโภคเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ในสภาพยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับในปี 2549 อันเป็นผลมาจากการคาดการณ์ว่าปริมาณการบริโภคเนื้อไก่ทั้งในตลาดสหภาพยุโรปและในตลาดโลกมีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น โดยผู้บริโภคเริ่มคลายวิตกเรื่องไข้หวัดนก เนื่องจากไม่มีการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกรอบใหม่ หรืออาจกล่าวได้ว่าประเทศผู้ผลิตสามารถควบคุมโรคไข้หวัดนก หลังจากในช่วงปี 2549 ปริมาณการบริโภคไก่และผลิตภัณฑ์ในสหภาพยุโรปมีแนวโน้มลดลง อันเนื่องจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไข้หวัดนก ซึ่งส่งผลทำให้ราคาและปริมาณการผลิตเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ในสหภาพยุโรปลดลงอย่างมาก กล่าวคือ ปริมาณการผลิตเนื้อไก่ในกรีซและอิตาลีมีแนวโน้มลดลงอันเป็นผลมาจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนกในโรมาเนียและตุรกี รวมทั้งปริมาณการผลิตของฝรั่งเศสและสเปนก็มีแนวโน้มลดลงด้วย จากความวิตกในเรื่องการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ส่วนปริมาณการบริโภคเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ที่ลดลงเนื่องจากการลดการบริโภคเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ในเนเธอร์แลนด์ เยอรมนีและเดนมาร์ก

ปริมาณการผลิต การนำเข้าและส่งออกเนื้อไก่ของสหภาพยุโรป(25 ประเทศ)
: พันตัน
คาดการณ์ว่าการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรปในปี 2550 มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคทั้งในสหภาพยุโรปและในตลาดโลกหันกลับมาบริโภคเนื้อไก่อีกครั้งหนึ่ง โดยคลายความวิตกในเรื่องไข้หวัดนก อย่างไรก็ตามการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรปยังต้องเผชิญการแข่งขันจากไทย บราซิลและสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรปในปี 2549 ที่มีแนวโน้มลดลง อันเป็นผลมาจากการลดลงของปริมาณการบริโภคเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ทั่วโลก จากความวิตกถึงการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก รวมทั้งการเผชิญการแข่งขันการส่งออกจากบราซิลและสหรัฐฯสำหรับเนื้อไก่สดแช่เย็นแช่แข็ง

การนำเข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรปมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2549 โดยเฉพาะการนำเข้าไก่แปรรูปจากไทย แม้ว่าจะมีข่าวการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก และสหภาพยุโรปห้ามนำเข้าไก่สดแช่เย็นแช่แข็งจากไทยก็ตาม คาดการณ์ว่าในปี 2550 การนำเข้าเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรปยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเป็นผลมาจากคำตัดสินขององค์การการค้าโลกที่ให้สหภาพยุโรปลดภาษีนำเข้าสำหรับไก่หมักเกลือให้ไทยและบราซิล และกำลังการผลิตไก่แปรรูปของไทยมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น

ซึ่งจากสถานการณ์ในด้านการผลิตและการตลาดเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของสหภาพยุโรปที่เริ่มฟื้นตัวนั้นนับว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับผู้ส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของไทย แต่ปัญหาใหญ่ในการส่งออกไก่และผลิตภัณฑ์ไปยังตลาดสหภาพยุโรปในปี 2550 คือกรณีที่ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน 2549 สหภาพยุโรปประกาศจะปรับระบบการนำเข้าสินค้าไก่แปรรูป ไก่หมักเกลือและไก่งวงที่นำเข้าจากทั่วโลกเพื่อคุ้มครองผู้ผลิตในประเทศ โดยมีการกำหนดโควตาการนำเข้า ส่วนอัตราภาษีในโควตายังคงเท่ากับก่อนที่จะมีการกำหนดโควตา ส่วนภาษีนอกโควตานั้นอยู่ในระดับที่สูงมาก โดยสหภาพยุโรปจะมีการเจรจากำหนดโควตากับผู้ส่งออกรายใหญ่ 2 ประเทศคือ บราซิลและไทย ซึ่งทั้งสองประเทศเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก การเจรจากับบราซิลมีสินค้าเนื้อไก่หมักเกลือ เนื้อไก่งวง และเนื้อไก่แปรรูป โดยการเจรจานั้นดำเนินการเรียบร้อยแล้ว เนื่องจากในปัจจุบันบราซิลเป็นประเทศผู้ส่งออกไก่หมักเกลือไปยังสหภาพยุโรปมากเป็นอันดับหนึ่ง ส่วนการเจรจากับไทยมีเพียงสินค้าไก่หมักเกลือ และเนื้อไก่แปรรูป โดยการเจรจายังไม่เรียบร้อย คาดว่าทางสหภาพยุโรปจะประกาศมาตรการจำกัดโควตานำเข้าพร้อมการปรับขึ้นภาษีในอัตราใหม่ภายในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2550 ล่าช้ากว่าเดิมที่กำหนดไว้ 1 มกราคม 2550

วิธีการคำนวณโควตาสำหรับสินค้าทั้งไก่หมักเกลือ ไก่งวงและไก่แปรรูปของสหภาพยุโรปนั้น เป็นวิธีการคำนวณโควตาภายใต้มาตรา28 ขององค์การการค้าโลกที่กำหนดให้สามารถขึ้นภาษีสินค้าผูกพันได้โดยตกลงกับประเทศคู่ค้า ซึ่งมี 2 วิธีการคำนวณโควตาคือ วิธีที่1 ปริมาณการส่งออกเฉลี่ย 3 ปี(2543-2545) ร้อยละอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 3 ปี วิธีที่2 ปริมาณการส่งออกปีสุดท้าย อัตราการขยายตัว10% (ถ้าไม่ถึงปัดขึ้นเป็น10% ได้) ซึ่งหลังจากที่สหภาพยุโรปเจรจากับบราซิลเรียบร้อยแล้ว โดยในการเจรจาระหว่างสหภาพยุโรปและบราซิลสำหรับไก่หมักเกลือและไก่งวงนั้นใช้วิธีคำนวณวิธีแรก ส่วนไก่แปรรูปนั้นใช้วิธีคำนวณโควตาวิธีที่สอง ซึ่งเมื่อสหภาพยุโรปจะเจรจากับไทยนั้นก็อยู่ที่ว่าไทยจะยอมรับโควตานำเข้าที่เหลือนี้หรือไม่ โดยการเจรจาคาดว่าจะมีขึ้นในวันที่ 21-22 พฤศจิกายน 2549 ประเด็นที่น่าสนใจคือ โควตาในส่วนของไทยไม่จำเป็นต้องใช้หลักการเหมือนกับที่สหภาพยุโรปเจรจากับบราซิล ถึงแม้ว่าสหภาพยุโรปจะตกลงกับบราซิลเรียบร้อยแล้วก็ตาม เนื่องจากข้อสรุปของการได้โควตาเท่าใดขึ้นอยู่กับการเจรจาต่อรองเป็นหลัก โดยมีเป้าหมายให้ทางสหภาพยุโรปเพิ่มปริมาณโควตารวมและเพิ่มโควตารายประเทศ จากการคาดการณ์ว่าในปี 2549 นี้ไทยจะส่งออกไก่แปรรูปได้เพียง 110,000 ตัน ซึ่งถ้าคำนวณโควตาวิธีเดียวกันกับบราซิลแล้วไทยน่าจะได้โควตาประมาณ 140,000-150,000 ตัน ซึ่งจะส่งผลกระทบกับการขยายตัวของอุตสาหกรรมผลิตไก่แปรรูปเพื่อส่งออก รวมทั้งจะกระทบเกษตรกรผู้เลี้ยงที่กู้เงินมาดำเนินการและผู้ประกอบการที่ลงทุนด้านเครื่องจักรสำหรับผลิตไก่แปรรูปไปแล้ว ปัจจุบันไทยมีกำลังการผลิตไก่แปรรูปรวม 5 แสนตันต่อปี อย่างไรก็ตาม ภาคเอกชนไทยเสนอขอโควตาไก่แปรรูปไปยังตลาดสหภาพยุโรปในปี 2550 ถึง 200,000 ตัน เนื่องจากคาดว่าถ้าไทยได้รับโควตาการส่งออกไก่แปรรูปไปสหภาพยุโรปเพียง 140,000-150,000 ตัน ภายในระยะเวลา 1-2 ปีต่อไปปริมาณการส่งออกไก่แปรรูปไปสหภาพยุโรปก็จะเต็มตามโควตาแล้ว ในขณะที่ถ้าไทยได้โควตา 200,000 ตันไทยจะมีเวลาปรับตัวประมาณ 3-4 ปี โดยในระหว่างนี้ไทยสามารถหาตลาดมาทดแทนการส่งออกไปสหภาพยุโรป และมีความหวังว่าไทยจะสามารถกลับมาส่งออกไก่สดแช่เย็นและแช่แข็ง ซึ่งรวมทั้งไก่หมักเกลือแช่แข็งได้อีกครั้งหนึ่ง ทำให้อุตสาหกรรมไก่และผลิตภัณฑ์โดยรวมไม่ได้รับผลกระทบมากเท่ากับการมีเวลาปรับตัวเพียง 1-2 ปีเท่านั้น ส่วนไก่หมักเกลือนั้นแม้ไทยยังไม่สามารถส่งออกได้เนื่องจากยังคงมีข่าวการแพร่ระบาดของไข้หวัดนกในภูมิภาค แต่ไทยก็สามารถเก็บโควตาส่งออกไก่หมักเกลือไว้จนกว่าองค์การโรคระบาดระหว่างประเทศจะประกาศว่าไทยเป็นเขตปลอดโรคไข้หวัดนก ซึ่งหลังจากนั้นไทยก็จะสามารถใช้โควตาส่งออกไก่หมักเกลือไปยังสหภาพยุโรปได้

ปัจจุบันการส่งออกเนื้อไก่และผลิตภัณฑ์ของไทยเกือบทั้งหมดเป็นการส่งออกไก่แปรรูป เนื่องจากไทยยังไม่ได้รับการรับรองจากองค์การโรคระบาดระหว่างประเทศว่าเป็นเขตปลอดโรคไข้หวัดนก ทำให้ไทยยังไม่สามารถส่งออกเนื้อไก่แช่เย็นแช่แข็งได้ สหภาพยุโรปเป็นตลาดหลักในการส่งออกไก่แปรรูปส่วนชิ้นเนื้ออก และญี่ปุ่นเป็นตลาดหลักรองรับเนื้อไก่ถอดกระดูกส่วนเนื้อน่อง สะโพกและขา ดังนั้นการเจรจาในเรื่องโควตานำเข้าไก่แปรรูปของสหภาพยุโรปของประเทศไทยนั้นเท่ากับว่าเป็นตัวกำหนดอนาคตของการส่งออกไก่แปรรูป โดยถ้าไทยได้โควตาเพียง 140,000-150,000 ตัน ผู้ส่งออกและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงไก่เนื้อของไทยจะมีเวลาในการปรับตัวเพียง 1-2 ปี ซึ่งจะสามารถส่งออกได้เต็มตามโควตาที่ได้รับ รวมทั้งในการเร่งหาตลาดใหม่ทดแทนและการปรับปริมาณการเลี้ยงรวมทั้งการแปรรูปให้สอดคล้องกับปริมาณการส่งออก แต่ถ้าไทยสามารถเจรจาให้ได้โควตาเพิ่มเป็น 200,000 ตัน ผู้ส่งออกและอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเลี้ยงไก่ของไทยจะมีเวลาปรับตัวนานขึ้นเป็น 3-4 ปี และด้วยความหวังว่าเมื่อถึงเวลานั้นนอกจากการปรับตัวแล้วจะมีตัวช่วยคือ ไทยอาจจะได้รับการประกาศเป็นเขตปลอดการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดนก ทำให้ไทยสามารถส่งออกไก่สดแช่เย็นแช่แข็งอีกครั้งหนึ่งด้วย