ไซแมนเทคช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแอพพลิเคชันสำคัญของเอไอเอส กว่า 30%

ไซแมนเทค คอร์ปอเรชัน (NASDAQ: SYMC) เปิดเผยว่า บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ “เอไอเอส” ผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือชั้นนำในประเทศไทย ได้เลือกใช้โซลูชันจากไซแมนเทค ทั้ง เน็ตแบ็กอัพ เอ็นเตอร์ไพร์ซ เซิร์ฟเวอร์ (NetBackup Enterprise Server) เวอริทัส สตอเรจ ฟาวเดชัน (Veritas Storage Foundation) และ เวอริทัส คลัสเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ (Veritas Cluster Server) เพื่อกระชับกระบวนการปกป้องข้อมูล เสริมสมรรถภาพของระบบ และเพิ่มความพร้อมให้แก่แอพพลิเคชันสำคัญ โดยซอฟต์แวร์ของไซแมนเทคนั้นได้เข้ามามีบทบาทในการช่วยเหลือเอไอเอสทั้งในด้านระบบบิลลิ่ง ระบบจัดการด้านลูกค้าสัมพันธ์ (CRM – Customer Relationship Management) และระบบผสานรวมแอพพลิเคชันระดับองค์กร (EAI – Enterprise Application Integration) เพื่อให้สามารถรองรับการทำงานได้อย่างต่อเนื่องตลอดเวลา ช่วยให้บริษัทอยู่ในสถานะที่ได้เปรียบคู่แข่ง และช่วยลดต้นทุนรวมในการครอบครอง (Total cost of ownership) โครงสร้างพื้นฐานด้านไอที

“เวอริทัส สตอเรจ ฟาวเดชัน ช่วยเพิ่มสมรรถภาพในระบบซอฟต์แวร์หลักของเอไอเอสได้มากกว่า 30 เปอร์เซ็นต์” นายสุพจน์ ปุณณชัยยะ ผู้ช่วยรองประธานบริษัท ฝ่ายบริการด้านระบบเทคโนโลยี เอไอเอส กล่าว “เราถึงจุดคุ้มทุนและได้รับประโยชน์กลับคืนมาทั้งหมดในช่วงเวลาเพียง 2 ปีแรกเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะซอฟต์แวร์ของไซแมนเทคสามารถรองรับการทำงานได้หลายแพลตฟอร์ม ทำให้ประหยัดต้นทุนได้สูง และไม่จำเป็นต้องติดตั้งระบบย่อยหรือจัดหาบุคลากรเพิ่มเติม โดยเราได้ใช้ เวอริทัส สตอเรจ ฟาวเดชัน บนเซิร์ฟเวอร์ทุกเครื่องที่รองรับการทำงานแอพพลิเคชันหลักสามระบบดังกล่าว”

จำนวนผู้ใช้บริการของเอไอเอสมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดเรื่อยมา จากเพียงไม่กี่แสนคนในปี 2541 มาเป็นมากกว่า 17 ล้านคนในปัจจุบัน และครองส่วนแบ่งทางการตลาดในประเทศไทยสูงถึง 55 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ด้วยอัตราการเติบโตที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและการแข่งขันอันรุนแรงในตลาด ทำให้มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแลแอพพลิเคชันหลักต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าในแต่ละวันให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และให้บริการลูกค้าได้อย่างมีคุณภาพ เพราะหากระบบใดระบบหนึ่งในสามระบบดังกล่าวเกิดความผิดพลาด ไม่สามารถให้บริการได้ ก็อาจส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติงาน ชื่อเสียง และผลกำไรของบริษัท

“เรารักษาความเป็นผู้นำในตลาดด้วยการเตรียมความพร้อมและความน่าเชื่อถือให้แก่ระบบบริการของเรา” นาย สุพจน์ ปุณณชัยยะ ผู้ช่วยรองประธานบริษัท ฝ่ายบริการด้านระบบเทคโนโลยี เอไอเอส กล่าว “เราคาดหวังและตั้งระดับมาตรฐานเอาไว้ค่อนข้างสูง และซอฟต์แวร์ของไซแมนเทคก็สามารถตอบโจทย์เหล่านั้นได้อย่างดี โดยช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการบริการลูกค้าได้อย่างที่เราต้องการ”

เวอริทัส สตอเรจ ฟาวเดชัน ช่วยให้เอไอเอสสามารถจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาลในแอพพลิเคชันสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บข้อมูลและการจัดการกับโครงสร้างพื้นฐานระบบไอที โดยสตอเรจ ฟาวเดชัน ถือเป็นโซลูชันหนึ่งเดียวที่ให้ความคุ้มค่า ที่ช่วยดูแลข้อมูลของเอไอเอสที่อยู่บนหลายแพลตฟอร์มได้อย่างไม่มีปัญหา และสามารถรวมระบบจัดเก็บข้อมูลของบริษัทให้เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างรวดเร็ว

“เรารู้สึกภูมิใจอย่างมากเมื่อได้รู้ว่า ไซแมนเทคอยู่เบื้องหลังในการช่วยให้เอไอเอสสามารถให้บริการต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพตามต้องการ” นายวัชรสิทธิ์ สันติสุขนิรันดร์ ผู้จัดการฝ่ายขายประจำประเทศไทย บริษัท ไซแมนเทค คอร์ปอเรชั่นกล่าว กล่าว “ด้วยความสามารถของเวอริทัส สตอเรจ ฟาวเดชัน ช่วยให้เอไอเอสสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างเครื่องที่ต่างระบบปฏิบัติการและต่างระบบสตอเรจ โดยไม่กระทบต่อความเร็วในการทำงานของแอพพลิเคชัน อีกทั้งยังเสริมความพร้อมในการบริการให้เพิ่มขึ้นด้วย”

ปกป้องดาวน์ไทม์ของแอพพลิเคชันและเซิร์ฟเวอร์
ทั้งนี้เพื่อให้แอพพลิเคชันหลักของเอไอเอสมีความพร้อมในการให้บริการตลอดเวลา เวอริทัส คลัสเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ จึงถูกนำมาใช้ควบคู่ไปกับ เวอริทัส สตอเรจ ฟาวเดชัน เพื่อให้แอพพลิเคชันหลักอย่างระบบบิลลิ่งเจนีวา 5.0 ระบบซีอาร์เอ็มจากซีเบล และระบบอีเอไอในองค์กร สามารถทำงานบนคลัสเตอร์ 2-โหนด และจัดการงานต่างๆ แทนกันได้ยามเกิดปัญหา นอกจากนี้ยังช่วยลดอาร์พีโอ (RPO – Recovery Point Objective) ลงจากครึ่งชั่วโมงเหลือเพียง 15 นาที และลดอาร์ทีโอ (RTO – Recovery Time Objective) ลงจาก 4 ชั่วโมง เหลือเพียง 10 นาที เท่านั้น อีกทั้งโซลูชันดังกล่าวยังลดระยะเวลาดาวน์ไทม์ของระบบทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ (planned and unplanned downtime) ช่วยเสริมการรวมระบบเซิร์ฟเวอร์ (Server Consolidation) และทำให้การจัดการกับแอพพลิเคชันที่ทำงานบนสภาพแวดล้อมที่ต่างกันเป็นไปอย่างมีประสิทธิผลที่สุด

“เวอริทัส คลัสเตอร์ เซิร์ฟเวอร์ และสตอเรจ ฟาวเดชัน ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับระบบของเรา ขณะเดียวกันก็ลดระยะเวลาดาวน์ไทม์ที่เกิดจากการบำรุงรักษาลงถึงกว่า 75 เปอร์เซ็นต์” นายสุพจน์กล่าว “กล่าวคือ ลดลงจากเดิมที่ 2 ชั่วโมง เหลือเพียงประมาณ 30 นาทีเท่านั้น และเราได้รับประโยชน์กลับคืนมาจากการลงทุนครั้งนี้ 100 เปอร์เซ็นต์ด้วยเวลาเพียง 3 ปี”

เสริมความพร้อมของข้อมูลและระบบสำรองข้อมูล
เอไอเอสใช้ เน็ตแบ็กอัพ เพื่อปกป้องข้อมูลที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่องของระบบบิลลิ่งอย่างเจนีวา 5.0 โดยไม่จำเป็นต้องใช้พนักงานในส่วนนี้เพิ่มขึ้น ทั้งนี้เพราะ เน็ตแบ็กอัพ สามารถจัดการกับข้อมูลด้านบิลลิ่งที่ระดับ 2 เทราไบต์ ด้วยอัตราการเพิ่มขึ้นของข้อมูลต่อปี 20 เปอร์เซ็นต์ ได้อย่างไม่มีปัญหา โดยดูแลทั้งด้านความปลอดภัยและช่วยลดระยะเวลาในการสำรองข้อมูลลงจากเดิม 16 ชั่วโมง เหลือเพียง 14 ชั่วโมงเท่านั้น

“ไซแมนเทคช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายด้านประสิทธิภาพในการสำรองและกอบกู้ข้อมูล” นายสุพจน์ กล่าว “เน็ตแบ็กอัพ ทำให้กระบวนการสำรองข้อมูลของเราเป็นไปอย่างกระชับ รวมศูนย์ และอัตโนมัติ อีกทั้งยังลดจำนวนพนักงานที่เกี่ยวข้องกับการสำรองข้อมูลลงได้กว่า 30 เปอร์เซ็นต์ และให้ประโยชน์กลับคืนมาอย่างคุ้มค่าด้วยเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น”

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
คุณจารุณี สินชัยโรจน์กุล , คุณวันรพี จรัสวัฒนาวรรณ บริษัท เอพีพีอาร์ มีเดีย จำกัด
โทรศัพท์ : 0-2655-6633, 081-488-8442 , 089-502-6765
โทรสาร: 0-2655-3560 Email: [email protected], [email protected]