ระเบิดกรุงเทพฯ : คาดกทม.สูญรายได้จากต่างชาติในไตรมาสแรก 8,000 ล้านบาท

บรรยากาศของการเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า 2549 ในกรุงเทพฯ ซึ่งมีการจัดเตรียมงานนับถอยหลังก้าวสู่ปี 2550 อย่างยิ่งใหญ่ในหลายพื้นที่ของกรุงเทพฯ ได้ถูกทำลายลงจากเหตุการณ์ระเบิด 8 จุดในย่านชุมชนของช่วงเย็นและกลางดึกของวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวไทยในช่วงต้นปี 2550 และบั่นทอนตลาดท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวเป้าหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวต่างชาติ

กรุงเทพฯเป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมอันดับหนึ่งของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมายังประเทศไทย จากการสำรวจของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พบว่า ในปี 2548 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯรวมทั้งสิ้น 12.3 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากปี 2547 และสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นร้อยละ 7 โดยมีมูลค่า 165,946 ล้านบาท

ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของกรุงเทพฯมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องมาในปี 2549 ทั้งนี้ด้วยแรงเกื้อหนุนสำคัญจากการจัดงานพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 9-13 มิถุนายน 2549 โดยมีพระราชอาคันตุกะจาก 25 ประเทศ ที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เสด็จพระราชดำเนินมาร่วมงานพระราชพิธี ซึ่งมีการแพร่ภาพงานพระราชพิธีไปทั่วโลก และการจัดกิจกรรมในเทศกาลต่างๆอย่างยิ่งใหญ่ในเมืองท่องเที่ยวสำคัญตลอดทั้งปี 2549

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่า ในปี 2549 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯรวมทั้งสิ้นประมาณ 13.8 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 จากปี 2548 และก่อให้เกิดรายได้เข้าประเทศคิดเป็นมูลค่าประมาณ 200,000 ล้านบาทเพิ่มขึ้นร้อยละ 20

สำหรับในปี 2550 ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของกรุงเทพฯยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ด้วยปัจจัยเกื้อหนุนสำคัญ ดังนี้

– การที่กรุงเทพฯได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าเที่ยวอันดับ 3 ของโลกจาก ทราเวิล แอนด์ เลย์เชอร์ แมกกาซีน ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำด้านการท่องเที่ยวในต่างประเทศ

– รัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2550 เป็นปีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 และจะดำเนินการจัดกิจกรรมเทิดพระเกียรติตลอดทั้งปี 2550

– การเปิดให้บริการของสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เมื่อปลายปี 2549 ช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศ

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด จึงคาดการณ์ว่า ในปี 2550 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯรวมทั้งสิ้นประมาณ 15.0 ล้านคนเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 ก่อให้เกิดรายได้ด้านการท่องเที่ยวสะพัดในกรุงเทพฯเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 โดยมีมูลค่าประมาณ 220,000 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ลอบวางระเบิดหลายจุดในกรุงเทพฯเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 คนและมีผู้บาดเจ็บ 36 คน ในจำนวนนี้มีนักท่องเที่ยวต่างชาติรวมอยู่ด้วย ทำให้รัฐบาลของหลายประเทศ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ อังกฤษ และญี่ปุ่น ได้ประกาศเตือนให้ประชาชนของตนระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินทางมายังกรุงเทพฯหากไม่มีความจำเป็น เมื่อประกอบกับรัฐบาลได้ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดในพื้นที่ต่างๆทั่วกรุงเทพฯ โดยเพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารในการดูแลรักษาความปลอดภัยตามจุดต่างๆ ส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ ทำให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติมีแนวโน้มถดถอยลง

เมื่อพิจารณาจากโครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติของกรุงเทพฯในช่วงไตรมาสแรกของปี 2548 ซึ่งประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่างๆ ดังนี้

กว่าร้อยละ 40 เป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวระยะใกล้ในภูมิภาคเอเชีย โดยมีญี่ปุ่นเป็นตลาดหลักด้วยสัดส่วนประมาณร้อยละ 13 รองลงมา คือ จีน อินเดีย สิงคโปร์ และฮ่องกง ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 20

เกือบร้อยละ 30 เป็นนักท่องเที่ยวจากตลาดท่องเที่ยวระยะไกลในภูมิภาคยุโรป โดยมีอังกฤษ ประเทศในกลุ่มสแกนดิเนเวีย และเยอรมนี เป็นตลาดหลัก ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 20

ร้อยละ 10 เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคอเมริกา โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดหลักด้วยสัดส่วนร้อยละ 8

ร้อยละ 5 เป็นนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคโอเชียเนีย โดยมีออสเตรเลียเป็นตลาดหลักด้วยสัดส่วนร้อยละ 4

จากโครงสร้างตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงไตรมาสแรกปี 2548 ดังกล่าว บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่า หากรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์ให้คลี่คลายลงสู่ภาวะปกติได้โดยเร็วแล้ว การท่องเที่ยวไทยมีแนวโน้มได้รับผลกระทบระยะสั้นในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 จากการถดถอยของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับการท่องเที่ยวกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถจำแนกตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบออกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้

ตลาดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก (นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าลดลงเฉลี่ยร้อยละ 30) คือ ตลาดท่องเที่ยวที่มีความอ่อนไหวต่อปัจจัยที่มากระทบค่อนข้างสูง ได้แก่ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 25 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 หรือมีจำนวนประมาณกว่า 8 แสนคน

ตลาดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบปานกลาง (นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาลดลงเฉลี่ยร้อยละ 20 ) คือ นักท่องเที่ยวจากประเทศที่ทางการประกาศเตือน ได้แก่ สหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และอังกฤษ ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 20 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 หรือมีจำนวนประมาณเกือบ 7 แสนคน

ตลาดที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย (มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาลดลงเฉลี่ยร้อยละ 10) คือ นักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ซึ่งมีสัดส่วนรวมกันประมาณร้อยละ 55 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามายังกรุงเทพฯในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 หรือมีจำนวนประมาณเกือบ 2 ล้านคน

จากผลกระทบของเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเทพฯต่อตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มต่างๆในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 ทำให้คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาลดลงจากที่ประมาณการไว้ก่อนหน้าเกิดเหตุระเบิดประมาณร้อยละ 17 หรือลดลงประมาณเกือบ 6 แสนคน ส่งผลให้กรุงเทพฯสูญเสียรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติคิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 8,000 ล้านบาทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องด้านการท่องเที่ยวทั้งของภาครัฐและภาคเอกชนควรเร่งสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องในสถานการณ์ที่เป็นจริงแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งเป็นตลาดท่องเที่ยวหลักของกรุงเทพฯ เพื่อเรียกความมั่นใจด้านความปลอดภัยในการเดินทางมายังประเทศไทยให้กลับมาโดยเร็ว ควบคู่กับการใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สอดคล้องในตลาดเหล่านี้ เพื่อกระตุ้นการขยายตัวของตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วง 3 ไตรมาสที่เหลือของปี 2550 ทำให้สามารถชดเชยนักท่องเที่ยวที่ลดลงในช่วงไตรมาสแรกได้ ส่งผลให้ตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมาย และสร้างรายได้ด้านการท่องเที่ยวให้กรุงเทพฯได้ 220,000 ล้านบาทตามที่ประมาณการไว้ก่อนเกิดเหตุระเบิด

นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ภาครัฐควรใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอย่างต่อเนื่องในทั่วทุกชุมชนไม่เฉพาะในช่วงเทศกาล ขณะที่ผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างประสานความร่วมมือกับทางการ โดยมีประชาชนทั่วไปช่วยกันสอดส่องดูแล และรายงานเจ้าหน้าที่หากเกิดสิ่งปกติ ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยในการท่องเที่ยวประเทศไทยแก่นักท่องเที่ยวต่างชาติ และเพื่อความสงบสุขและความปลอดภัยอย่างยั่งยืนของประชาชนคนไทยเอง