โรงพยาบาลสัตว์ เอ็น. พี. เผยในโอกาสก่อตั้งโรงพยาบาลสัตว์มาครบ 15 ปี ว่า ตลาดดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงในปี 50 จะซบเซา ประชาชนมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น โรงพยาบาล คลีนิก กิจการขนาดเล็ก ต้องปรับตัว รองรับการแข่งขัน
โรงพยาบาลสัตว์ เอ็น.พี. โรงพยาบาลสัตว์รุ่นแรกๆ ที่เปิดให้บริการมายาวนานต่อเนื่องถึง 15 ปี เปิดเผยว่า ตลาดดูแลสุขภาพสัตว์เลี้ยงปี 50 มีแนวโน้มซบเซามากกว่าปีที่ผ่านๆ มา เนื่องจากปัจจัยภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้มีเป็นจำนวนมาก เช่น ปัญหาบ้านเมือง ปัญหาด้านเศรษฐกิจ ปัญหาด้านจิตใจ ตลอดจนปัจจุบันมีผู้ประกอบการเป็นจำนวนมากกว่าในอดีตมาก แต่จำนวนประชากรสัตว์เลี้ยงไม่ได้เติบโตตามในอัตราส่วนที่เหมาะสมกัน เพราะการดูแลเอาใจใส่สุขภาพของสัตว์เลี้ยงในเมืองไทย ยังอยู่ในอัตราที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับต่างประเทศ และเมื่อสภาพเศรษฐกิจไม่มีความแน่นอน คนผสมพันธุ์สุนัข แมว ขายสัตว์เลี้ยงไม่ค่อยได้ การผ่าตัด ทำคลอด ในปีที่ผ่านมา ก็มีอัตราน้อยลง ส่งผลให้ ตลาดในปีนี้ไม่คึกคักอย่างแน่นอน
ในช่วง 3-4 ปี ที่ผ่านมา มีสัตวแพทย์ที่จบการศึกษาเพิ่มขึ้นประมาณปีละ 500 – 600 คนต่อปี ซึ่งในอดีตมีเพียงประมาณ 100 กว่าคนเท่านั้น การประกอบอาชีพของสัตวแพทย์ที่จบใหม่มีอยู่ 3 แนวทางหลักๆ คือ การรับราชการในภาครัฐ การทำงานในสถานประกอบการของเอกชน ซึ่งมีอัตราการขยายตัวอาจไม่สามารถรองรับกับจำนวนนักศึกษาสัตวแพทย์ที่จบใหม่ ได้ทั้งหมด สัตวแพทย์ส่วนใหญ่จึงหันมาเปิดกิจการเอง เมื่อมีสถานประกอบการเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก การแข่งขันทางการตลาดก็สูงตามไปด้วย การลงทุนเทคโนโลยีใหม่ๆ และเครื่องมือทางการแพทย์ ในการรักษาจำเป็นต้องให้มีความทันสมัยอยู่เสมอ เพื่อให้ได้รับการยอมรับและความน่าเชื่อถือจากลูกค้า จึงจะสามารถแข่งขันกับโรงพยาบาลสัตว์ขนาดใหญ่ที่มีเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าได้ ซึ่งในส่วนนี้มีค่าใช้จ่ายสูง บวกกับปัจจัยลบในด้านอื่นๆ ที่เข้ามากระทบ ตลอดเวลา สถานประกอบการขนาดเล็ก จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในการปรับตัวเพื่อรองรับการแข่งขันขนานใหญ่ ในปีนี้