วันวาเลนไทน์ในปี 2550 นี้จะเป็นปีที่วัดฝีมือบรรดานักการตลาดทั้งหลายที่มีธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ ดังนั้นจึงเห็นว่าบรรดาธุรกิจต่างๆเริ่มมีการโหมโรงกระตุ้นผู้บริโภคให้มีการจับจ่ายใช้สอยตั้งแต่ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยโยงทั้งเทศกาลวาเลนไทน์และตรุษจีนมาร่วมเป็นกิจกรรมทางการตลาดต่อเนื่องกัน เนื่องจากในปี 2550 นี้วันตรุษจีนนั้นตรงกับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ซึ่งอยู่ใกล้กับวันวาเลนไทน์ บรรดาผู้ประกอบการต่างหวังเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์และตรุษจีนนี้มาช่วยให้กิจการกระเตื้องขึ้น หลังจากที่ยอดจำหน่ายหลากหลายกิจการไม่เป็นไปตามเป้าหมายในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา รวมทั้งการคาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจที่จะมีแนวโน้มซบเซา ทำให้ผู้บริโภคเน้นประหยัดไม่จับจ่ายใช้สอยฟุ่มเฟือยเหมือนในช่วงที่เศรษฐกิจดี ทำให้บรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อหวังเม็ดเงินมาประคองธุรกิจให้ฝ่าฟันกับหลากปัจจัยลบในปีนี้
วาเลนไทน์ปีกุน : เม็ดเงินสะพัด 1,000 ล้านบาท
เทศกาลวาเลนไทน์คือ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นวันแห่งความรัก นับเป็นโอกาสของการจับจ่ายซื้อของขวัญที่สำคัญอีกช่วงหนึ่งในระยะต้นปี บรรดาผู้ประกอบการในธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่างหันมากระตุ้นกำลังซื้อของผู้บริโภคตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ ดังนั้นบรรยากาศการจับจ่ายซื้อของขวัญเพื่อมอบให้กับคนรักในวันวาเลนไทน์จะคึกคักตั้งแต่วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์ไปจนถึงในช่วงวันอังคารที่ 13 กุมภาพันธ์ ทั้งนี้เพื่อให้กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของวันวาเลนไทน์คือกลุ่มเยาวชนและกลุ่มที่เพิ่งเริ่มจะเข้าทำงานมีเวลาจับจ่ายเลือกซื้อสินค้าได้มากกว่าวันทำงาน/เรียนหนังสือ อย่างไรก็ตาม สำหรับธุรกิจร้านดอกไม้และธุรกิจจำหน่ายดอกไม้สด ซึ่งเป็นของขวัญยอดฮิตในช่วงวันวาเลนไทน์มาโดยตลอดนั้น ยอดการสั่งจองก็จะเริ่มตั้งแต่วันเสาร์ที่ 10 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป แต่สำหรับบรรดาลูกค้าที่ต้องการความสดใหม่ของดอกไม้ก็จะไปหาซื้อดอกไม้ที่แหล่งค้าส่ง โดยในกรุงเทพฯคือ ปากคลองตลาด โดยบรรยากาศการซื้อขายจะคึกคักตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 13 กุมภาพันธ์ไปจนถึงตลอดทั้งวันของวันที่ 14 กุมภาพันธ์
บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจ “พฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปี 2550” ในระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2550 โดยในการสำรวจครั้งนี้เป็นการสำรวจแบบเจาะเฉพาะกลุ่ม โดยเน้นเฉพาะกลุ่มเยาวชน กลุ่มนิสิตนักศึกษา และกลุ่มผู้ที่เพิ่งจะเริ่มเข้าทำงาน ซึ่งจะมีอายุอยู่ระหว่าง 13-25 ปี เนื่องจากผลการสำรวจในช่วงหลายปีที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มเหล่านี้เป็นเป้าหมายหลักของเทศกาลนี้ และเป็นกลุ่มกำลังซื้อหลักของเทศกาลนี้ด้วย ส่วนกลุ่มอายุอื่นๆนั้นค่าใช้จ่ายในช่วงเทศกาลนี้ไม่แตกต่างกันมากนักในแต่ละปี คาดว่าในปี 2550 นี้จะมีเม็ดเงินสะพัดทั่วกรุงเทพฯในช่วงวันวาเลนไทน์ประมาณ 1,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมาแล้วเม็ดเงินสะพัดในกรุงเทพฯ 960 ล้านบาทแล้วเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4.2 นับว่าเม็ดเงินที่สะพัดในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ในปีนี้มีอัตราการขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับในปี 2549 ที่มีอัตราการขยายตัวของเม็ดเงินสะพัดถึงร้อยละ 20.0 ทั้งนี้เนื่องจากวันวาเลนไทน์ในปีนี้ตรงกับวันพุธ ซึ่งยังคงเป็นวันทำงาน ทำให้เป็นข้อจำกัดของหลากกิจกรรม เช่น การรับประทานอาหาร การชมภาพยนตร์ เป็นต้น แตกต่างจากในปี 2549 ซึ่งการจับจ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ได้ปัจจัยหนุนจากการที่วันวาเลนไทน์นับเป็นวันแรกของการมาทำงานหลังจากที่ได้หยุดติดต่อกัน 3 วัน ซึ่งทำให้บรรดาธุรกิจต่างๆมีโอกาสในการกอบโกยยอดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้น อันเป็นผลมาจากบรรดากลุ่มเป้าหมายมีกิจกรรมเพิ่มเติม โดยเฉพาะการรับประทานอาหารนอกบ้าน ชมภาพยนตร์ ช็อปปิ้ง และเดินทางท่องเที่ยว รวมทั้งในปี 2549 นั้นกลุ่มลูกค้าเป้าหมายยังมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้นจากอั่งเปาในช่วงตรุษจีน ซึ่งในปี 2549 วันตรุษจีนนั้นอยู่ในช่วงปลายเดือนมกราคม
เงินสะพัดวันวาเลนไทน์…หลากธุรกิจรับทรัพย์
แม้ว่าในปี 2550 นี้จะมีปัจจัยลบหลากหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา และความไม่มั่นใจในความปลอดภัยจากเหตุระเบิดในช่วงปลายปี แต่บรรดาผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวันวาเลนไทน์ต่างก็เร่งปรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อหาทางกระตุ้นอารมณ์การจับจ่ายใช้สอย เนื่องจากเทศกาลวาเลนไทน์นี้เป็นวันที่ผู้จับจ่ายใช้สอยมักจะใช้อารมณ์ตัดสินใจในการบริโภคมากกว่าเหตุผล หรือที่เรียกกันว่าอารมณ์พาไป โดยยอมจ่ายแม้จะรู้ว่าแพงก็ตามถ้าพึงพอใจในตัวสินค้าและบริการนั้น ดังนั้นถ้าผู้ประกอบการสามารถจับอารมณ์กลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างถูกต้องก็ยังคงสามารถโกยเงินได้เป็นกอบเป็นกำจากเทศกาลวาเลนไทน์ จากหลากหลายกิจกรรมในวันวาเลนไทน์ทำให้เกิดเงินสะพัดในธุรกิจต่างๆ ดังนี้
-ร้านจัดดอกไม้และร้านขายดอกไม้ กุหลาบแดงเป็นสัญญลักษณ์ของวันวาเลนไทน์ ทำให้ในช่วงวาเลนไทน์ของทุกปีราคาดอกกุหลาบสีแดงจึงพุ่งขึ้นอย่างน่าตกใจ ส่วนร้านจัดดอกไม้มีดอกกุหลาบให้บริการแก่ลูกค้าทั้งดอกกุหลาบในประเทศและดอกกุหลาบต่างประเทศ ซึ่งดอกกุหลาบในประเทศนั้นแต่ละร้านที่มีร้านเจ้าประจำที่ตลาดปากคลองตลาด และมีแหล่งซื้อสำรอง คือ ตลาดมีนบุรี และตลาดสี่มุมเมือง เนื่องจากในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ความต้องการดอกกุหลาบมีมาก จนบางครั้งทำให้ดอกกุหลาบขาดตลาด โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดง
สำหรับดอกกุหลาบที่นำเข้าปัจจุบันกุหลาบจีนเข้าแย่งตลาดกุหลาบนำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ แต่ละร้านต้องสั่งล่วงหน้าประมาณ 1-2 เดือน ซึ่งยอดการสั่งดอกกุหลาบในช่วงนี้ประมาณ 5,000-10,000 ดอกต่อร้าน ในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์ร้านจัดดอกไม้ทั้งรายใหญ่รายย่อยถือว่าเป็นเทศกาลรับทรัพย์เทศกาลหนึ่งทีเดียว ในปีที่ผ่านๆ มาว่ากันว่ายอดจำหน่ายของร้านดอกไม้ในช่วงเทศกาลนี้สูงถึงเป็นตัวเลขห้าหลักทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้งของร้าน ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายหลักของเทศกาลวาเลนไทน์อยู่มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ในปีนี้มีทางเลือกใหม่สำหรับผู้ต้องการส่งดอกไม้ให้กับคนรักด้วยการสั่งดอกไม้ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งคาดว่าน่าจะได้รับความนิยมเช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ บรรดาธุรกิจร้านจัดดอกไม้และร้านจำหน่ายดอกไม้ต่างงัดกลยุทธ์การตกแต่งช่อดอกไม้ด้วยอุปกรณ์เสริม เช่น ขวดแก้ว ลูกตะกร้อหวายร้อยเชือกหลากสี ริบบิ้น และผลไม้ เนื่องจากบรรดาลูกค้าต้องการเพิ่มความสะดุดตาให้กับช่อดอกไม้ รวมทั้งต้องการตกแต่งด้วยไม้ใบสวยด้วยๆ
นอกจากนี้ ธุรกิจรับสั่งดอกไม้ออนไลน์ ก็เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ช่วงวันวาเลนไทน์ โดยปัจจุบันเวบไซต์จำหน่ายดอกไม้ของไทยเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น โดยยอดคำสั่งซื้อในวันวาเลนไทน์มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งหากเทียบกับวันธรรมดาแล้วยอดสั่งซื้อในวันวาเลนไทน์เพิ่มขึ้น 30-40 เท่าตัว นับว่าเป็นจุดดึงดูดนักลงทุนให้เข้ามาลงทุนทำเว็บไซต์เพื่อจำหน่ายดอกไม้กันมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีเว็บไซต์จำหน่ายดอกไม้ประมาณ 20 เว็บไซด์ โดยเว็บไซต์ขายดอกไม้ต่างๆ มีจุดเด่นและรูปแบบทางธุรกิจที่หลากหลายและน่าสนใจ เป็นเงื่อนไขหนึ่งที่ทำให้เว็บไซต์ขายสินค้าประเภทนี้มีอนาคตสดใส ขณะเดียวกันก็กำลังพัฒนาให้มีสินค้าที่หลากหลายขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยเฉพาะสินค้าประเภทของขวัญในเทศกาลต่างๆ เช่น ตุ๊กตา เค้ก โดยจะไม่จำกัดคำสั่งซื้ออยู่เฉพาะดอกไม้เพียงอย่างเดียว
จากการสอบถามผู้ประกอบการร้านสั่งดอกไม้ออนไลน์พบว่ายอดคำสั่งซื้อยังไม่มากนักเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แต่ก็เริ่มมีการจัดกิจกรรมทางการตลาดกระตุ้นกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา ทำให้คาดว่ายอดคำสั่งซื้อน่าจะใกล้เคียงกับในปี 2549 เนื่องจากยังเชื่อว่าหัวใจหลักของวันวาเลนไทน์คือการส่งดอกกุหลาบให้กับคนที่เป็นที่รัก รวมทั้งผู้ประกอบการรายใหญ่ยังมีการปรับแผนการตลาดทั้งนี้เพื่อแก้ปัญหาร้านเครือข่ายไม่สามารถรักษาคุณภาพของดอกไม้ได้เท่าเทียมกัน โดยการให้ลูกค้าสั่งซื้อโดยตรงทั้งนี้เพื่อให้ลูกค้าได้ดอกไม้ที่ได้มาตรฐาน ในคุณภาพและราคาเดียวกัน รวมทั้งมีการขยายพื้นที่การจัดเก็บดอกไม้อีกร้อยละ 30 และพัฒนาเทคโนโลยีช่วยลดการสูญเสียดอกไม้ในกรณีที่ใช้งานไม่หมดทั้งนี้เพื่อช่วยรักษาคุณภาพของดอกไม้ไว้รอคำสั่งซื้อจากผู้บริโภค
-ธุรกิจบัตรอวยพร ปัจจุบันตลาดบัตรอวยพรในประเทศมีมูลค่าสูงถึง 1,000 ล้านบาท ซึ่งถ้าแยกยอดจำหน่ายตามประเภทของบัตรอวยพรจะพบว่า บัตรอวยพรในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่มียอดจำหน่ายร้อยละ 40 ของยอดจำหน่ายบัตรอวยพรทั้งหมด บัตรอวยพรช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มียอดจำหน่ายร้อยละ 20-30 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 30-40 เป็นยอดจำหน่ายของบัตรอวยพรในโอกาสต่างๆ ที่ในวงการค้าเรียกกันว่าการ์ดกลางปี เช่น บัตรอวยพรวันเกิด แสดงความยินดีในโอกาสต่างๆ เป็นต้น จะเห็นได้ว่าในช่วงวันวาเลนไทน์นับว่าเป็นเทศกาลหนึ่งที่บัตรอวยพรนั้นขายดิบขายดี แม้ว่าตลาดบัตรอวยพรจะถูกบัตรอวยพรทางอิเล็กทรอนิกส์แย่งตลาดไปบางส่วน แต่ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นั้นนิยมให้บัตรอวยพรควบคู่ไปกับดอกกุหลาบสีแดง บัตรอวยพรในช่วงวาเลนไทน์ที่ขายดีจะเป็นบัตรอวยพรในระดับราคาตั้งแต่ 8-28 บาท ซึ่งมีลูกค้ากลุ่มเป้าหมายเป็นวัยรุ่น
ตลาดบัตรอวยพรในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นี้แบ่งตลาดออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ ตลาดระดับบนราคาตั้งแต่ 30 บาทขึ้นไป ซึ่งปัจจุบันมีการนำเทคนิคที่ทันสมัยมาจูงใจผู้บริโภคมากขึ้น เช่นมีเสียงเพลง หรือเป็นการ์ดที่พับหลายตอน ส่วนตลาดอีกกลุ่มซึ่งเป็นตลาดกลุ่มที่ใหญ่มากของตลาดบัตรอวยพรในเทศกาลวันวาเลนไทน์ คือบัตรอวยพรราคาตั้งแต่ 30 บาทลงมา โดยที่ลูกค้าเป้าหมายของตลาดนี้เป็นวัยรุ่น ดังนั้นประเภทการ์ดที่ขายดิบขายดี คือ การ์ดที่เน้นมิตรภาพใสๆ หรือมีคำเก๋ หรือคำกวนที่เป็นที่นิยมของวัยรุ่นในขณะนั้น ซึ่งในเรื่องการเจาะตลาดนั้นเป็นเรื่องที่ผู้ผลิตบัตรอวยพรต้องให้ความสนใจติดตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง
จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการบัตรอวยพรรายใหญ่ๆ ในประเทศไทย ต่างลงความเห็นว่ายอดจำหน่ายบัตรอวยพรสำหรับเทศกาลวันวาเลนไทน์ในปีนี้น่าจะทรงตัวพอๆ กับปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากคนไทยหันไปนิยมการส่งอี-การ์ดหรือการส่งข้อความผ่านทางอี-เมล์แทน อย่างไรก็ตามบัตรอวยพรในเทศกาลวันวาเลนไทน์นั้นยังมียอดจำหน่ายที่น่าพอใจ โดยกลุ่มเป้าหมายที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวันวาเลนไทน์ยังนิยมซื้อบัตรอวยพรส่งไปพร้อมกับดอกไม้หรือของขวัญ
-ร้านกิ๊ฟท์ช็อป ในปีนี้ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์มีแนวโน้มว่ากิจการของร้านกิ๊ฟท์ช็อปจะดีกว่าในช่วงปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะร้านกิ๊ฟท์ช็อปที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า และย่านการค้าที่บรรดาวัยรุ่นนิยมไปจับจ่ายซื้อของ เช่น ตลาดจตุจักร เป็นต้น ผู้ประกอบการต่างหวังว่ายอดจำหน่ายจะกระเตื้องขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์เมื่อเทียบกับในปีที่ผ่านมา ทำให้ผู้ประกอบการต้องพลิกแพลงกลยุทธ์ทุกรูปแบบขึ้นมาสู้กันเพื่อดันยอดจำหน่ายของร้านให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ เนื่องจากยอดจำหน่ายของร้านกิ๊ฟท์ช็อปร้อยละ 60-70 ของยอดจำหน่ายทั้งหมดขึ้นอยู่กับช่วงเทศกาล
พฤติกรรมการเลือกซื้อของในร้านกิ๊ฟช็อปในช่วงเทศกาลวันวาเลนไทน์พอจะแบ่งลูกค้าออกเป็น 2 กลุ่มคือ ลูกค้าที่ซื้อให้เพื่อน ลูกค้ากลุ่มนี้จะซื้อของจำนวนมากชิ้นราคาไม่แพงนัก และส่วนใหญ่ซื้อเป็นของกระจุกกระจิก ส่วนลูกค้าอีกกลุ่มหนึ่งซื้อให้คู่รักจะเลือกของที่ดูดี ราคาที่ซื้อต่อชิ้นจะสูงกว่ากลุ่มแรก อย่างไรก็ตามคู่แข่งที่มาแรงสำหรับร้านกิ๊ฟช็อปคือ ของที่ประดิษฐ์เอง ซึ่งกำลังเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุในช่วง 17-29 ปี โดยความนิยมให้ของที่ประดิษฐ์เองนี้ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
-ช็อคโกแล็ตและขนม จากการสำรวจพบว่าช็อคโกแล็ตเป็นขนมหวานยอดนิยมสำหรับในช่วงวันวาเลนไทน์ ซึ่งในต่างประเทศช็อคโกแล็ตเป็นของขวัญที่นิยมให้กันเพื่อแสดงถึงความรัก โดยการให้ช็อคโกแล็ตในวันวาเลนไทน์นั้นถือว่าเป็นการมอบสิ่งที่แทนความรู้สึกที่ดีทั้งหมดของผู้ให้ส่งถึงผู้รับ ซึ่งเป็นการความหมายที่ชัดเจนว่า “รัก” และ “ความปรารถนาที่ดีต่อกัน” โดยเฉพาะญี่ปุ่นถือว่าการให้ช็อคโกแล็ตนั้นเป็นการบอกรักอีกวิธีหนึ่งสำหรับหญิงสาว ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายที่นิยมให้ช็อคโกแล็ตเนื่องในวันวาเลนไทน์คือ กลุ่มเด็กที่อายุต่ำกว่า 13 ปีและกลุ่มวัยรุ่น อย่างไรก็ตามในปีนี้คู่แข่งที่มาแรงของ ช็อคโกแล็ตคือ ขนมไทย เนื่องจากกระแสรณรงค์นิยมไทย ทำให้ขนมไทยเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งที่จะเป็นตัวแทนความรักในช่วงวันวาเลนไทน์
นอกจากนี้บริษัทที่ผลิตเบเกอรี่ก็มีการใช้เทศกาลวาเลนไทน์ในการส่งเสริมการขาย เช่น บริษัทที่ผลิตคุกกี้ และโดนัทเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เป็นรูปหัวใจ หรือรูปแบบของผลิตภัณฑ์เป็นรูปหัวใจ เพื่อมอบเป็นของขวัญให้กันในช่วงเทศกาลนี้ เพิ่มเมนูพิเศษ หรือจัดกิจกรรมให้กับคู่รักที่เข้ามาซื้อสินค้าในวันวาเลนไทน์ เป็นต้น
-ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้า บรรดาร้านอาหารต่างๆ เตรียมตัวรับเทศกาลวันวาเลนไทน์กันอย่างคึกคัก โดยถือว่าเป็นโอกาสโกยกำไรกันอีกช่วงหนึ่ง โดยเฉพาะร้านอาหารที่มีบรรยากาศดีๆ หรือร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้า แม้ว่าวันวาเลนไทน์ปีนี้ตรงกับวันพุธ คาดว่าร้านอาหารบรรยายกาศดีๆที่จะมีการฉลองล่วงหน้าก่อนวันวาเลนไทน์ และร้านอาหารที่อยู่ในห้างสรรพสินค้านั้นจะมีโอกาสดีเป็นพิเศษ เนื่องจากในวันนั้นบรรดาหนุ่มสาว และวัยรุ่นจะมีกิจกรรมอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า โดยเฉพาะการเดินเลือกซื้อของ และดูภาพยนตร์ โดยคาดว่าบรรยกาศจะคึกคักตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์
-โทรศัพท์มือถือ คาดว่าเทศกาลวันวาเลนไทน์ปี 2550 นี้จะมีผู้ใช้บริการส่งเอสเอ็มเอสและเอ็มเอ็มเอสเพิ่มขึ้น โดยจากสถิติของผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ระบุว่าในช่วงวันวาเลนไทน์ของทุกปีการส่งเอสเอ็มเอสเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 15 และการส่งเอ็มเอ็มเอสเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่าตัวของช่วงปกติ ซึ่งทางบริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือได้เตรียมความสามารถในการรองรับการใช้บริการ และเริ่มมีการจัดโปรโมชั่นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ด้วย เช่นบริการดาว์นโหลดข้อความและภาพฟรี เป็นต้น รวมทั้งมีการดึงเอาเทศกาลวาเลนไทน์มาจัดกิจกรรมทางการตลาดเพื่อดึงให้ผู้ใช้บริการเข้ามาใช้บริการมากขึ้นด้วย
-อินเทอร์เน็ต ในช่วงวาเลนไทน์จะส่งข้อความผ่านอี-เมล์หรืออี-การ์ดให้กับคนพิเศษ โดยลักษณะการใช้บริการผ่านอินเทอร์เน็ตในช่วงวันวาเลนไทน์มี 2 ประเภท คือการใช้บริการฝากข้อความผ่านอินเตอร์เนตของโทรศัพท์มือถือ และการส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์(E-card) การส่งบัตรอวยพรอิเล็กทรอนิกส์นับว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการแสดงความรักที่มีผู้นิยมใช้กันมาก ทั้งนี้การส่งบัตรอวยพรแบบนี้มีความสะดวก รวดเร็ว และมีราคาถูก ทำให้ได้รับความนิยมมากกว่าการส่งบัตรอวยพร
บทสรุป
วันวาเลนไทน์เป็นอีกวันหนึ่งที่บรรดาธุรกิจต่างรอคอยด้วยความหวังว่าเทศกาลนี้จะมาช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายสินค้าและบริการ หลังจากยอดจำหน่ายในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ไม่เป็นไปตามความคาดหมาย เนื่องจากเหตุระเบิด ซึ่งทำให้ผู้บริโภคลดการจับจ่ายใช้สอยลง ในปี 2550 นี้วันวาเลนไทน์ตรงกับวันพุธ ทำให้คาดหมายว่ากิจกรรมต่างๆในวันวาเลนไทน์ปีนี้จะคึกคักตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ไปจนถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ โดยบรรดาผู้ที่ให้ความสำคัญกับเทศกาลวาเลนไทน์ต่างนัดหมายกันไปจับจ่ายซื้อของกันล่วงหน้า สินค้ายอดฮิตที่จะมีการมอบให้กันในวันวาเลนไทน์นั้นยังคงเป็นดอกกุหลาบ โดยเฉพาะดอกกุหลาบสีแดงและสีขาว คาดหมายว่าราคาดอกกุหลาบในปีนี้จะใกล้เคียงกับในปีที่ผ่านมา ซึ่งนับว่าราคาไม่แพงมากนัก เนื่องจากปริมาณกุหลาบในประเทศมีปริมาณมากเพียงพอกับความต้องการ และกุหลาบนำเข้าก็มีกุหลาบจากจีนมาทดแทนกุหลาบจากฮอลแลนด์ ซึ่งคาดว่าจะส่งผลให้ยอดจำหน่ายดอกกุหลาบในปีนี้เพิ่มขึ้น ดังนั้นในช่วงวันวาเลนไทน์กิจการร้านจัดดอกไม้ เกษตรกรและผู้ค้าดอกไม้ต่างได้รับประโยชน์จากเงินสะพัดกันถ้วนหน้า
กิจกรรมยอดฮิตในช่วงวันวาเลนไทน์คือ การบอกรักผ่านกามเทพไฮเทคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์มือถือ อินเทอร์เน็ตโดยการฝากข้อความ/รูปภาพ การส่งการ์ดออนไลน์ และการสั่งดอกไม้ออนไลน์ ซึ่งได้รับความนิยมมากขึ้นตามลำดับ คาดว่าในช่วงวันวาเลนไทน์มีเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจเหล่านี้ไม่น้อยทีเดียว นอกจากนี้กิจกรรม 5 อันดับแรกที่นิยมทำในวันวาเลนไทน์คือ โทรศัพท์คุยกันเป็นกรณีพิเศษ ดูภาพยนตร์ ส่งข้อความ/รูปภาพผ่านโทรศัพท์มือถือ รับประทานอาหารนอกบ้าน และช็อปปิ้ง ซึ่งหลากหลายกิจกรรมเหล่านี้ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในหลากหลายธุรกิจเช่นกัน