วาเลนไทน์ ปี 50 : มือถือ-เน็ต ยังครองความนิยม

ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์หรือเทศกาลแห่งความรัก ตลาดให้บริการทางด้านสื่อสารนั้นคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โทรศัพท์เคลื่อนที่และอินเทอร์เน็ต ได้กลายเป็นช่องทางการสื่อหรือแสดงความรัก นอกเหนือจากการพูดคุย การส่งข้อความต่างๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วแล้ว ยังมีการให้บริการส่งเพลง สั่งซื้อของ สั่งดอกไม้ ส่งคลิปวิดีโอ และบริการต่อเนื่องอีกหลายประเภท ปัจจัยที่สนับสนุนให้บริการด้านการสื่อสารสมัยใหม่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น มาจากการเข้าถึงบริการที่สามารถทำได้ง่าย รวดเร็ว มีต้นทุนการใช้บริการไม่สูงมากนัก และมีความหลากหลายในบริการ และสามารถใช้ทดแทนสื่ออื่นๆ มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในปีนี้สภาพความผันผวนทางด้านเศรษฐกิจและความไม่สงบในหลายพื้นที่ ทำให้ผู้บริโภคระมัดระวังการใช้จ่ายและการใช้ชีวิตนอกบ้านกันมากขึ้น บริการอื่นที่ทดแทนจึงกลายเป็นตัวเลือกให้กับผู้บริกโภคได้ ในขณะเดียวกันผู้ให้บริการต่างก็ต้องอาศัยจังหวะนี้ในการทำตลาดและกระตุ้นยอดการใช้บริการอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

โทรศัพท์เคลื่อนที่ : ปริมาณการใช้เพิ่ม…เอสเอ็มเอสยังครองความนิยม
การจัดกิจการส่งเสริมการขายของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปี 2550 นี้ค่อนข้างมีสีสันมาก จำนวนผู้ใช้บริการที่มีจำนวนมากถึง 38 ล้านเลขหมายหรือประมาณร้อยละ 58.5 ของจำนวนประชากรทั้งประเทศนั้น ทำให้โอกาสทางการตลาดขยายตัวเพิ่มขึ้น และคุณภาพของโครงข่ายให้บริการที่มีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับการพัฒนาคอนเทนท์ที่ให้บริการใหม่ๆ นั้นทำให้ผู้ใช้บริการมีทางเลือกมากยิ่งขึ้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มการใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ปี 2550 ไว้ดังนี้

บริการทางเสียง (voice service) หรือบริการโทร.ออก-รับสาย ซึ่งเป็นบริการขั้นพื้นฐานจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย สำรวจ “พฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปี 2550” ในระหว่างวันที่ 1-5 กุมภาพันธ์ 2550 โดยในการสำรวจครั้งนี้เป็นการสำรวจแบบเจาะเฉพาะกลุ่ม โดยเน้นเฉพาะกลุ่มเยาวชน กลุ่มนิสิตนักศึกษา และกลุ่มผู้ที่เพิ่งจะเริ่มเข้าทำงาน ซึ่งจะมีอายุอยู่ระหว่าง 13-25 ปี การสำรวจพบว่า ร้อยละ 25 ของกลุ่มตัวอย่างจะใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มมากขึ้นเป็นกรณีพิเศษเพื่อพูดคุยกับคนรักหรือเพื่อน การคุยโทรศัพท์มากเป็นกรณีพิเศษนั้นเป็นกิจกรรมที่กลุ่มตัวอย่างจะทำในช่วงวาเลนไทน์มากที่สุด รองลงมาเป็นการไปชมภาพยนตร์ ไปรับประทานอาหารนอกบ้าน และ การออกไปช็อปปิ้ง การส่งข้อความสั้นทางโทรศัพท์เคลื่อนที่ ตามลำดับ

บริการส่งข้อความ (message service) จากการสำรวจพบว่า กิจกรรมในช่วงวาเลนไทน์นั้น กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 15 จะใช้บริการส่งข้อความต่างๆ ไปให้กับคนรัก เพื่อนและญาติพี่น้อง ซึ่งการส่งข้อความนั้น สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ

1) บริการส่งข้อความสั้น (Short Message Service : SMS) ซึ่งสามารถส่งได้จากเครื่องโทรศัพท์เกือบทุกรุ่น ผู้ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 82.9 ของกลุ่มตัวอย่างที่สำรวจเคยใช้บริการรับหรือส่งข้อความสั้นมาแล้ว โดยปกติปริมาณการใช้บริการส่งข้อความสั้นนั้นจะอยู่ที่ประมาณ 10 ล้านข้อความต่อวัน สำหรับในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นั้นปริมาณการส่งเอสเอ็มเอสอาจไม่สูงเท่ากับในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณว่า ปริมาณการส่งเอสเอ็มเอสในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปี 2550 นี้จะมีจำนวนประมาณ 50 ล้านข้อความ

2) บริการส่งข้อความมัลติมีเดีย (Multimedia Message Service : MMS) สามารถส่งได้จากเครื่องโทรศัพท์ที่มีฟังก์ชั่นรองรับเท่านั้น โดยปัจจุบันคาดว่า เครื่องโทรศัพท์ที่สามารถส่งข้อความเอ็มเอ็มเอสได้จะมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 30 ของจำนวนเครื่องที่ใช้บริการทั้งหมด นอกจากนี้ การสำรวจพฤติกรรมการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ ในปี 2549 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังพบว่าจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ร้อยละ 21.2 เคยใช้บริการรับหรือส่งเอ็มเอ็มเอส ซึ่งเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 15 จากช่วงปี 2548 ที่ผ่านมา สำหรับปริมาณการใช้บริการเอ็มเอ็มเอสนั้นมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงมากถึงร้อยละ 40 ต่อ สำหรับในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ในปี 2550 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประมาณว่า จะมีปริมาณการส่งข้อความเอ็มเอ็มเอสประมาณ 1 ล้านข้อความ

บริการอินเทอร์เน็ต : MSN มาแรงครองใจวัยรุ่น
จำนวนผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในประเทศที่เพิ่มขึ้นเป็น 8.4 ล้านรายหรือประมาณร้อยละ 13 ของจำนวนประชากรของประเทศ ส่งผลให้ปริมาณการใช้อินเทอร์เน็ตในช่วงวาเลนไทน์มากยิ่งขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ประกอบกับความพร้อมทางด้านเครือข่ายที่เพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ อัตราค่าบริการอินเทอร์เน็ตที่ลดต่ำลงและการขยายตัวของการใช้บริการอินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้บริการสื่อสารทางอินเทอร์เน็ตเพิ่มขึ้นตามไปด้วย สำหรับในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ปี 2550 นี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มการใช้บริการอินเทอร์เน็ตไว้ดังนี้
การส่งอี-การ์ด จากการสำรวจพฤติกรรมของกลุ่มเยาวชนในช่วงวาเลนไทน์ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า ร้อยละ 15 ของกลุ่มตัวอย่างจะมีกิจกรรมส่งอี-การ์ด ร่วมกับการทำกิจกรรมอื่นๆ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 11 ในปี 2549

การคุยผ่านเน็ต ผ่านโปรแกรม Instant Message โดยเฉพาะโปรแกรม MSN นั้น จะได้รับความนิยมสูง จากการสำรวจพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต ของ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ในช่วงเดือนธันวาคม 2549 จากกลุ่มตัวอย่าง 1,000 คน พบว่า ร้อยละ 48 ของกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี มีอัตราการใช้บริการผ่านโปรแกรมส่งข้อความสูงถึงร้อยละ 45 และคาดว่าจะเป็นบริการที่ได้รับความนิยมในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ด้วยเช่นกัน

การซื้อสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต สินค้าหรือบริการที่ได้รับความนิยมในการสั่งซื้อผ่านทางอินเทอร์เน็ตในช่วงเทศกาลวาเลนไทน์ ได้แก่ เว็บไซต์สั่งดอกไม้ออนไลน์ สั่งซื้อหนังสือ ซื้อของขวัญ หรือใช้เว็บไซต์เป็นช่องทางในการหาข้อมูลเพิ่มเติม เช่น โปรแกรมภาพยนตร์ ของขวัญ หรือ สถานที่สำหรับท่องเที่ยว เป็นต้น

การเพิ่มขึ้นของปริมาณการสื่อสารในช่วงเทศกาลต่างๆ นั้น ได้ส่งผลดีต่อทั้งผู้ให้บริการเครือข่ายที่จะมีรายได้เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผู้ให้บริการคอนเทนท์อีกหลายรายได้รับประโยชน์ต่อเนื่องไปด้วย โดยเฉพาะคอนเทนท์ที่เกี่ยวข้องกับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เช่น บริการข้อความรูปภาพ ข้อความสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่มักจะเกิดขึ้นจากการกระตุ้นการใช้บริการในช่วงเทศกาล คือ ความแออัดของเครือข่ายเมื่อมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก ทั้งในแง่การใช้บริการทางด้านการโทร. ออก-รับสาย ซึ่งปัญหาที่พบจะเพิ่มมากขึ้นเมื่อมีการโทร.ข้ามเครือข่าย หรือแม้แต่การส่งข้อความในลักษณะต่างๆ ก็เช่นกัน ในบางครั้งผู้ส่งอาจต้องรอเวลาสักระยะหนึ่งเพื่อให้ข้อความไปถึงมือผู้รับ ส่วนบริการทางด้านอินเทอร์เน็ตนั้นมีหลายครั้งที่จดหมายอิเล็กทรอนิกส์สูญหาย และการหลุดของสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นต้นทุนที่ผู้ใช้บริการต้องจ่ายและเป็นภาระที่ผู้ใช้บริการต้องเผชิญอยู่เสมอ ดังนั้นความจำเป็นที่ผู้ให้บริการจะต้องพัฒนาเครือข่ายเพื่อให้รองรับการใช้บริการให้เพียงพอกับความต้องการจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้ในส่วนของผู้ใช้บริการเองโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนที่กลายเป็นเป้าหมายหลักที่จะเข้ามาใช้บริการนั้นก็จำเป็นที่จะต้องพิจารณาภาระค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ทั้งในส่วนของการใช้บริการโดยตรงและความไม่พอเพียงของเครือข่าย แต่อัตราค่าบริการนั้นค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรายได้ของกลุ่มเป้าหมาย ทำให้การใช้บริการต้องพิจารณาถึงความจำเป็นและใช้จ่ายจำนวนมากที่จะติดตามมา