AMD "เอเอ็มดีเผยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 และผลประกอบการรายปี"

เอเอ็มดี (NYSE: AMD) รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 4 ซึ่งสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 ทั้งนี้สืบเนื่องจากการที่เอเอ็มดีเข้าซื้อกิจการของ ATI ทำให้ผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ครอบคลุมการดำเนินงานของ ATI[1] โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2549 และเนื่องจากการเปรียบเทียบผลประกอบการโดยรวมในไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 กับไตรมาสเดียวกันของปี 2548 ไม่สัมพันธ์กันโดยตรง ดังนั้นเอเอ็มดีจึงรายงานตัวเลขด้านการเงินแบบ non-GAAP สำหรับการดำเนินธุรกิจก่อนหน้านี้ของเอเอ็มดี (ก่อนที่จะเข้าซื้อกิจการ) โดยผู้บริหารเชื่อว่าการรายงานตัวเลขแบบ non-GAAP จะช่วยให้นักลงทุนได้รับประโยชน์ เพราะเป็นการนำเสนอผลประกอบการในปัจจุบันและในอดีตในรูปแบบที่เปรียบเทียบได้ง่ายและชัดเจน

เอเอ็มดีรายงานว่ารายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 อยู่ที่ 1,770 ล้านดอลลาร์ โดยมียอดขาดทุนจากการดำเนินงาน 527 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนสุทธิ 574 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 1.08 ดอลลาร์ ผลประกอบการดังกล่าวครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าซื้อกิจการและการผนวกรวมการดำเนินงาน 550 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 1.04 ดอลลาร์ และค่าใช้จ่าย 27 ล้านดอลลาร์ หรือหุ้นละ 0.05 ดอลลาร์ สำหรับการจ่ายค่าตอบแทนให้แก่พนักงานในรูปแบบของหุ้น

“ในช่วงไตรมาสนี้ เราสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดไมโครโพรเซสเซอร์ได้อีกครั้ง เหมือนที่เราเคยทำได้ตลอดช่วงปีที่ผ่านมา โดยเรายังคงสานต่อกลยุทธ์การขยายตลาด รวมทั้งแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เทคโนโลยี และแผนการผลิต” มร. โรเบิร์ต เจ. ไรเว็ต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของเอเอ็มดี

หากไม่นับรวมการดำเนินงานของ ATI, ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าซื้อกิจการและการผนวกรวม และค่าตอบแทนสำหรับพนักงานในรูปแบบของหุ้น เอเอ็มดีก็จะมีรายได้ 1,370 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากการดำเนินงาน 63 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 เปรียบเทียบกับรายได้ 1,350 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากการดำเนินงาน 272 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2548[2] และรายได้ 1,330 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากการดำเนินงาน 142 ล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี รายได้ของเอเอ็มดีเพิ่มขึ้น 33 เปอร์เซ็นต์ เป็น 5,250 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 9 เปอร์เซ็นต์ เป็น 600 ล้านดอลลาร์สำหรับปีที่สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2549 โดยไม่นับรวมการดำเนินงานของ ATI, ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าซื้อกิจการและการผนวกรวมการดำเนินงาน และค่าตอบแทนสำหรับพนักงานในรูปแบบของหุ้น เปรียบเทียบกับรายได้ 3,940 ล้านดอลลาร์ และกำไรจากการดำเนินงาน 548 ล้านดอลลาร์สำหรับปีที่สิ้นสุดวันที่ 25 ธันวาคม 25482

อัตรากำไรขั้นต้นในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2549 อยู่ที่ 40 เปอร์เซ็นต์ โดยไม่นับรวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการเข้าซื้อกิจการและการผนวกรวมการดำเนินงาน และค่าตอบแทนสำหรับพนักงานในรูปแบบของหุ้นสำหรับรอบระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง เปรียบเทียบกับอัตรากำไรขั้นตอน 52 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปี 2549 และ 57 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 25482 การลดลงจากไตรมาสก่อนหน้านี้โดยมากแล้วเป็นผลมาจากการที่ราคาขายโดยเฉลี่ยของเซิร์ฟเวอร์โพรเซสเซอร์ลดลงอย่างมาก และการรวมผลการดำเนินงานของ ATI

ผลิตภัณฑ์ด้านการประมวลผล
ยอดขายไมโครโพรเซสเซอร์ในช่วงไตรมาสที่ 4 เพิ่มขึ้น 26 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 19 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ทั้งนี้เนื่องจากผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยังคงใช้ประโยชน์จากโซลูชั่นของเอเอ็มดีอย่างต่อเนื่องเพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายให้แก่ตลาด

ความต้องการในช่วงไตรมาสที่ 4 สำหรับโมบายล์โพรเซสเซอร์ของเอเอ็มดีอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งอย่างมาก โดยส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายและรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ยอดขายและรายได้สำหรับโมบายล์โพรเซสเซอร์เพิ่มขึ้น 41 เปอร์เซ็นต์เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 3 แต่หากเปรียบเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปี 2548 ยอดขายโมบายล์โพรเซสเซอร์เพิ่มขึ้น 76 เปอร์เซ็นต์ และรายได้เพิ่มขึ้น 85 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้รายได้จากเดสก์ทอปโพรเซสเซอร์อยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน โดยเป็นผลมาจากความต้องการสำหรับดูอัลคอร์โพรเซสเซอร์ AMD Athlon™ 64 X2 ส่วนยอดขายของเซิร์ฟเวอร์โพรเซสเซอร์โดยรวมอยู่ในระดับคงที่ เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 และราคาขายโดยเฉลี่ยลดลงอย่างมาก

เอเอ็มดีเริ่มส่งมอบโพรเซสเซอร์ขนาด 65 นาโนเมตรในเดือนธันวาคมตามที่แผนการที่วางไว้

ธุรกิจการ์ดแสดงผลและชิปเซ็ต และคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์

รายได้จากธุรกิจการ์ดแสดงผลและชิปเซ็ต และคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ สำหรับรอบระยะเวลาที่เริ่มต้นในวันที่ 25 ตุลาคม 2549 อยู่ที่ 398 ล้านดอลลาร์ ความต้องการที่ต่อเนื่องสำหรับชิปเซ็ตส่งผลให้รายได้จากธุรกิจการ์ดแสดงผลและชิปเซ็ตอยู่ที่ 278 ล้านดอลลาร์ ส่วนรายได้ 120 ล้านดอลลาร์สำหรับธุรกิจคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ เป็นผลมาจากความต้องการในอุปกรณ์พกพาและค่าลิขสิทธิ์เกมคอนโซล

เหตุการณ์สำคัญเพิ่มเติม

• เอเอ็มดีเข้าซื้อกิจการของ ATI เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2549 โดยผนวกรวมกิจการของสองบริษัทชั้นนำทางด้านเทคโนโลยีเพื่อสร้างขุมพลังสำหรับการประมวลผล

• เอเอ็มดีสาธิตประสิทธิภาพของโพรเซสเซอร์รุ่นอนาคต ภายใต้โค้ดเนม “Barcelona” โดยนับเป็นเซิร์ฟเวอร์โพรเซสเซอร์ x86 สี่คอร์แบบเนทีฟ (native quad-core x86 server processor) รุ่นแรกของโลก โดยระบบที่ใช้ในการสาธิตเป็นระบบ 4 ซ็อกเก็ต และรันระบบปฏิบัติการ Windows® Server 2003 รุ่น 64 บิต โพรเซสเซอร์ “Barcelona” มีการปรับปรุงทั้งในส่วนของสถาปัตยกรรมและประสิทธิภาพต่อวัตต์ โดยยังคงใช้ระบบระบายความร้อนที่เป็นมาตรฐาน

• ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยังคงขยายจำนวนโซลูชั่นที่ใช้เทคโนโลยีของเอเอ็มดีอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มเป้าหมายหลักคือองค์กรธุรกิจ:

– เดลล์เปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ใหม่ 2 รุ่นที่ขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ AMD Opteron พร้อมด้วยคอมพิวเตอร์เดสก์ทอปและโน้ตบุ๊กรุ่นแรกของเดลล์ที่ใช้เทคโนโลยีของเอเอ็มดี

– ซันเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ Sun Fire X4000 จำนวน 3 รุ่น

– ไอบีเอ็มแนะนำ IBM System x3105 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ 1P แบบทาวเวอร์รุ่นแรกที่ใช้โพรเซสเซอร์เอเอ็มดี

– เอชพีขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์และเบลดที่ใช้โพรเซสเซอร์เอเอ็มดี สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ โดยได้เพิ่มเติม HP ProLiant DL365 ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์ 1U แบบ 2 ซ็อกเก็ต และ ProLiant BL685c ซึ่งเป็นเซิร์ฟเวอร์เบลดแบบ 2 ซ็อกเก็ต นอกจากนี้ เอชพียังได้เปิดตัวเดสก์ทอปสำหรับองค์กรธุรกิจ รุ่น HP dx2255 และ dx2250 อีกด้วย

– เกตเวย์กลายเป็นผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ระดับโลกรายล่าสุดที่นำเสนอเซิร์ฟเวอร์ที่ขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ AMD Opteron โดยเริ่มวางจำหน่ายเซิร์ฟเวอร์แบบติดตั้งบนแร็ค 3 รุ่น

– ซัมซุงเปิดตัวเดสก์ทอปสำหรับองค์กรธุรกิจรุ่น DB-V60 ในประเทศเกาหลี
• เอเอ็มดียังคงเป็นคู่ค้าทางด้านเทคโนโลยีรายสำคัญสำหรับองค์กรต่างๆ อย่างกว้างขวาง เช่น M&T Bank, ServiceMaster, Sutter Health, Wyeth Pharmaceuticals และบริษัทอื่นๆ อีกมากมายที่เริ่มปรับใช้เทคโนโลยี AMD64

• ระบบที่ขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ AMD Opteron ยังคงเป็นแพลตฟอร์มที่เติบโตเร็วที่สุดในรายชื่อระบบซูเปอร์คอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุด 500 อันดับ (TOP500 Supercomputing) โดยมีระบบที่ขับเคลื่อนด้วยโพรเซสเซอร์ AMD Opteron ทั้งหมด 113 เครื่องที่ติดอันดับอยู่ในรายชื่อดังกล่าว โดย 3 เครื่องติดอยู่ใน 10 อันดับแรก จากการรายงานของ TOP500 Organization

• นินเทนโดเปิดตัว Wii ซึ่งใช้กราฟิกโพรเซสเซอร์ของ ATI ภายใต้โค้ดเนม “Hollywood” ซึ่งช่วยสรรค์สร้างประสบการณ์ที่แปลกใหม่สำหรับเกมคอนโซลรุ่นอนาคต

• กลุ่มผลิตภัณฑ์มีเดียโพรเซสเซอร์ Imageon™ จาก ATI สำหรับโทรศัพท์มือถือ ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องในช่วงไตรมาสนี้ ด้วยการเปิดตัวโทรศัพท์รุ่นใหม่กว่า 10 รุ่นจาก Motorola, Panasonic Mobile Communications, HTC, O2, Vodaphone, Cingular, Softbank, DoComo และ Chungwa Telecom โดยอุปกรณ์รุ่นใหม่ได้แก่ RIZR Z3, SLVR L7e, Palm Treo 750v, และอุปกรณ์หลายรุ่นที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows Mobile 5.0 ซึ่งได้รับการเปิดตัวโดยบริษัทโทรคมนาคมชั้นนำทั่วโลก

• เอเอ็มดีนำเสนอเทคโนโลยี multi-GPU สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ด้วยการเปิดตัวการ์ดแสดงผล ATI Radeon™ X1650 XT ซึ่งประกอบด้วยเทคโนโลยี CrossFire™ การ์ดแสดงผลรุ่นใหม่นี้ให้ประสิทธิภาพและคุณภาพการแสดงผลที่เหนือกว่า โดยนำเสนอฟีเจอร์ขั้นสูงในระดับราคาทั่วไป

การคาดการณ์ตามสภาวะปัจจุบัน
ข้อมูลการคาดการณ์ของเอเอ็มดีเป็นการพิจารณาจากสภาวะแวดล้อมในปัจจุบัน ข้อมูลต่อไปนี้เป็นการคาดการณ์ล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นจริงอาจคลาดเคลื่อนไปจากที่คาดการณ์ไว้อย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและปัจจัยที่ระบุไว้ในหัวข้อ “คำแถลงเกี่ยวกับคำเตือน”

ในช่วงไตรมาสแรกซึ่งยอดขายมักจะลดลงตามฤดูกาล เอเอ็มดีคาดว่ารายได้จะอยู่ในช่วง 1,600 ถึง 1,700 ล้านดอลลาร์

การประชุมทางไกลของเอเอ็มดี
เอเอ็มดีจะจัดการประชุมทางไกลเกี่ยวกับประเด็นทางด้านการเงินในวันที่ 23 มกราคม เวลา 14:00 น. ตามเวลาทางฝั่งแปซิฟิกของสหรัฐอเมริกา (17:00 น. ตามเวลาทางฝั่งตะวันออก) โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 เอเอ็มดีจะถ่ายทอดสดการประชุมดังกล่าวในแบบเรียลไทม์บนเว็บเพจ Investor Relations บนเว็บไซต์ของเอเอ็มดีที่ www.amd.com ผู้สนใจสามารถรับชมการถ่ายทอดการประชุมผ่านเว็บในครั้งนี้ภายในช่วง 10 วัน หลังจากเสร็จสิ้นการประชุม

เกี่ยวกับ AMD
เอเอ็มดี (NYSE: AMD) คือผู้นำนวัตกรรมการประมวลผลในตลาดคอมพิวเตอร์, กราฟฟิก และสินค้าคอนซูเมอร์อิเล็กทรอนิกส์ เอเอ็มดีมุ่งมั่นสร้างสรรค์นวัตกรรม นำเสนอทางเลือก และกระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมด้วยโซลูชั่นที่มุ่งตอบสนองทุกๆความต้องการของผู้ใช้
เทคโนโลยี และช่วยเพิ่มอำนาจให้กับผู้บริโภคทั่วไปไปจนถึงองค์กรธุรกิจทั่วโลก ข้อมูลเพิ่มเติมที่ www.amd.com

คำแถลงเกี่ยวกับคำเตือน
ข่าวประชาสัมพันธ์นี้ประกอบด้วยคำแถลงถึงเหตุการณ์ในอนาคตเกี่ยวกับรายได้สำหรับไตรมาสแรกของปี 2550 รวมถึงฟังก์ชั่นของผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในกฎหมายปฏิรูปการดำเนินคดีเกี่ยวกับหลักทรัพย์ของเอกชน ค.ศ. 1995 ของสหรัฐ (U.S. Private Securities Litigation Reform Act of 1995) นักลงทุนควรระมัดระวังเกี่ยวกับคำแถลงถึงเหตุการณ์ในอนาคตทั้งหมดที่ปรากฏในข่าวประชาสัมพันธ์นี้ ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนที่อาจทำให้ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจริงแตกต่างอย่างมากจากสิ่งที่คาดการณ์ไว้ในปัจจุบัน โดยความเสี่ยงที่ว่านี้อาจได้แก่ ความเป็นไปได้ที่การกำหนดราคา โครงการด้านการตลาด การขายควบ การเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือกิจกรรมอื่นๆ ของอินเทล คอร์ปอเรชั่น อาจส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถสร้างรายได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ในปัจจุบัน รวมถึงความต้องการคอมพิวเตอร์และสินค้าคอนซูเมอร์ อิเล็กทรอนิกส์ และความต้องการสินค้าของบริษัทฯ อาจต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้สภาพธุรกิจและสภาพเศรษฐกิจทั่วโลกอาจซบเซา ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2550 และหลังจากนั้น อยู่ในระดับต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ และบริษัทฯ อาจไม่สามารถเปิดตัวผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีได้ตามตารางเวลาที่กำหนด และบริษัทฯ อาจไม่สามารถระดมเงินทุนที่เพียงพอภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม และบริษัทฯ อาจไม่มีกำลังการผลิตหรือชิ้นส่วนที่เพียงพอสำหรับการรองรับความต้องการของตลาด และผู้จัดหาโซลูชั่นอาจไม่ได้นำเสนอโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับเทคโนโลยี AMD64 ภายในกรอบเวลาที่เหมาะสม นอกจากนั้น คู่แข่ง ลูกค้า และซัพพลายเออร์ของเอเอ็มดีอาจดำเนินการบางอย่างที่ส่งผลกระทบต่อประโยชน์ที่เอเอ็มดีพึงจะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของ ATI และรายได้ การประหยัดค่าใช้จ่าย การขยายธุรกิจ และการผนวกรวมอื่นๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการเข้าซื้อกิจการของ ATI อาจไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือต้องใช้เวลานานขึ้นกว่าที่จะได้รับผลประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้การเข้าซื้อกิจการดังกล่าวอาจไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์เพิ่มพูนตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยอาจมีความล่าช้าซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการของทั้งสองบริษัท และการดำเนินงานของสแปนชั่นอาจมีผลประกอบการที่ไม่น่าพอใจและส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของเอเอ็มดี นักลงทุนควรตรวจสอบรายละเอียดเกี่ยวกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนดังกล่าว โดยดูจากข้อมูลของบริษัทฯ ที่ได้ให้ไว้กับคณะกรรมการกำกับตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ รวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะรายงานประจำปีตามฟอร์ม 10-K สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 25 ธันวาคม 2548 และรายงานประจำไตรมาสตามฟอร์ม