เมื่อภาษาอังกฤษกลายมาเป็นภาษาแห่งโอกาสสำหรับทุกคน ทักษะในการใช้ภาษาอังกฤษนั้นจึงเป็นเสมือนประตูสู่อนาคตอันสดใส และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ความต้องการในการเข้ารับการทดสอบภาษาจึงเพิ่มสูงขึ้น ผู้คนจำนวนไม่น้อยต่างต้องการใช้ทักษะภาษาอังกฤษของตนเป็นใบเบิกทางสู่การศึกษาต่อหรือทำงานในสถานศึกษาและบริษัทที่ดีที่สุด ซึ่งหมายความว่ามหาวิทยาลัย ผู้ว่าจ้างงาน และหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองต่างต้องการระบบการสอบที่ให้ผลที่เชื่อถือได้ ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมาจากประเทศใด หรือมีจุดมุ่งหมายไปยังประเทศใด
ปัจจัยสำคัญที่บ่งชี้ถึงเทรนด์ดังกล่าวคือการเติบโตของ IELTS (International English Language Testing System) ซึ่งดำเนินงานบริหารร่วมกันระหว่างองค์กรนานาชาติ ดังนี้ British Council, IDP: IELTS Australia และ University of Cambridge ESOL Examinations โดยตั้งแต่เปิดให้บริการในปี พ.ศ. 2532 เป็นต้นมานั้น IELTS เติบโตอย่างรวดเร็ว เมื่อปีที่ผ่านมา มีการเปิดสอบมากถึง 700,000 ครั้งใน 120 ประเทศ แต่ก้าวสำคัญที่สุด คือการที่ IELTS กลายมาเป็นที่ยอมรับในสหรัฐอเมริกา ซึ่งตอกย้ำให้เห็นว่า นี่คือระบบการทดสอบภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างชาติที่ดีที่สุดในโลก
แบริลล์ อี. เมย์รอน จาก IELTS International ซึ่งบริหารการสอบ IELTS ในสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า “แนวคิดเดิมที่ว่า TOEFL คือการสอบของสหรัฐอเมริกา และ IELTS คือการสอบของสหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ใช้ไม่ได้อีกต่อไป”
“เราผ่านจุดแห่งความไม่แน่นอนมาแล้ว เนื่องจากมีมหาวิทยาลัยชั้นนำมากมายที่ใช้ระบบการสอบ IELTS คนอื่นๆจึงต้องทำตาม จนถึงตอนนี้ ทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา จากชายฝั่งตะวันออกจรดตะวันตก สถาบันต่างๆเริ่มให้การยอมรับผล IELTS ในฐานะหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษของผู้สมัครต่างชาติ ในเว็บไซต์ IELTS มีรายชื่อของสถาบันการศึกษาในสหรัฐอเมริกาที่ให้การยอมรับผล IELTS ซึ่งรวมถึงการศึกษาหลักสูตร 4 ปีสำหรับระดับปริญญาตรี ระดับปริญญาโทและเอกในมหาวิทยาลัยหรือหรือสถาบันด้านวิชาชีพชั้นสูง หลักสูตร 2 ปีในวิทยาลัย รวมไปถึงหลักสูตรประกาศนียบัตร อนุปริญญา และหลักสูตรเฉพาะทางอื่นๆ ภายในปีนี้ปีเดียว มีสถาบันการศึกษาในสหรัฐอเมริกาที่ให้รับการยอมรับ IELTS เพิ่มขึ้นถึง 122 แห่ง นอกจากนี้ สถาบันระดับแนวหน้า อาทิ Duke University Graduate School ยอมรับว่า IELTS คือการทดสอบภาษาอังกฤษที่พวกเขาเลือก”
“ในสหรัฐอเมริกา การยอมรับผล IELTS เติบโตมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันการศึกษาสามรูปแบบ ได้แก่มหาวิทยาลัย Ivy League และโรงเรียนที่ได้รับการจัดอันดับ ‘Top Schools’ จาก US News and World Reports, America’s Best Colleges 2007 อาทิ Columbia University และ Texas A&M University สถาบันการศึกษาด้านวิชาชีพชั้นสูง อาทิ มหาวิทยาลัยที่มีหลักสูตรปริญญาโทสาขาบริการธุรกิจ สาขาบริหารจัดการ สาขาวิชาธุรกิจ สาขาแพทยศาสตร์ และสาขาชีวเวชศาสตร์ และมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ของรัฐและเอกชน”
สถาบันการศึกษาหลายแห่ง อาทิ Brown University ตัดสินใจยอมรับพิจารณาผลคะแนน IELTS เช่นเดียวกับที่พิจารณาผล TOEFL เป็นครั้งแรก โดยผู้อำนวยการฝ่ายการรับสมัครนักศึกษาใหม่ (Director of Admissions) กล่าวว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความสะดวกแก่นักเรียนต่างชาติที่สมัครเข้าศึกษาต่อทั้งที่บราวน์และมหาวิทยาลัยอื่นๆในออสเตรเลีย ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกเขาสามารถเข้ารับการทดสอบด้านภาษาเพียงที่เดียวเท่านั้น
นอกจากนี้ องค์การด้านวิชาชีพที่เป็นตัวแทนของผู้ว่าจ้างงานสำคัญในสหรัฐอเมริกาก็เล็งเห็นถึงศักยภาพของ IELTS ในการใช้ประกอบการว่าจ้างแรงงานต่างชาติเช่นกัน องค์การดังกล่าวนั้นรวมถึง US Commission on Graduates of Foreign Nursing Schools (CGFNS); International Commission on Healthcare Professionals (ICHP); American Veterinary Medical Association (AVMA) และคณะกรรมการด้านวิชาการพยาบาลประจำรัฐต่างๆอีกมากมาย ทั้งนี้ จำนวนผู้สมัครสอบที่เพิ่มมากขึ้นทำให้สหรัฐอเมริกาติดหนึ่งในสิบอันดับแรกของตลาด IELTS เป็นครั้งแรก
สาเหตุสำคัญที่ทำให้สถาบันการศึกษาในสหรัฐให้ความไว้วางใจกับระบบการสอบ IELTS นั้นคือ ลักษณะการทดสอบทักษะด้านการพูดแบบตัวต่อตัว (face-to-face Speaking module) และวิธีการประเมินทักษะด้านภาษาที่ครอบคลุมทั้งสี่ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทดสอบทักษะการพูดโดยครูผู้มีประสบการณ์ในการสอนภาษาอังกฤษในฐานะภาษาต่างประเทศ (ESL) ที่ได้รับผ่านการฝึกอบรมและได้รับการรับรอง ทำหน้าที่ผู้ดำเนินการสอบ นอกจากนี้ คณบดีและผู้อำนวยการด้านการรับสมัครนักศึกษาใหม่ในมหาวิทยาลัยต่างๆยังเห็นด้วยกับขั้นตอนการรักษาความปลอดภัยอันเข้มงวด ความน่าเชื่อถือของผลการสอบ และการเปิดกว้างให้กับผู้คนจากทั่วทุกมุมโลก
นอกเหนือจากสหรัฐอเมริกา ยังมีสถาบันการศึกษา องค์การด้านวิชาชีพ และหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองหลายพันแห่งในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก อาทิ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย แคนาดา และนิวซีแลนด์ทีให้การยอมรับ IELTS
ผู้สมัครทั่วไปยังพิจารณาเห็นว่า IELTS ให้มากกว่าทั้งในเรื่องของคุณภาพและการบริการ ในแต่ละปี มีผู้คนกว่า 700,000 คนที่ใช้การสอบเป็นใบเบิกทางสู่อาชีพ การศึกษา และการย้ายถิ่นฐาน ปัจจุบัน IELTS เปิดทดสอบในสถานที่ต่างๆมากกว่า 300 แห่ง ใน 120 ประเทศทั่วโลก โดยเปิดสอบสูงสุดถึง 48 วันในแต่ละปี และผู้สมัครสามารถเข้ารับการทดสอบซ้ำได้ทันทีในครั้งต่อไปที่เปิดสอบ นอกจากนี้ ระบบการทดสอบของ IELTS ยังสอดคล้องกับการประเมินผลด้านภาษาตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ การสอบครอบคลุมทักษะการใช้ภาษาทั้งสี่ด้าน ได้แก่ การฟัง การพูด การอ่าน และการเขียน โดยเฉพาะลักษณะการสอบพูดแบบตัวต่อตัว ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับ IELTS อย่างมากเนื่องจากให้ผลการสอบที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดสำหรับผู้เข้าสมัคร
คุณสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการสอบ IELTS ได้ที่ www.ielts.org
หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ บริติช เคานซิล โทร 0-2652-5480-9 หรือ www.britishcouncil.or.th
เกี่ยวกับ บริติช เคานซิล
• บริติช เคานซิล เป็นองค์กรเพื่อโอกาสทางการศึกษาและความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมจากสหราชอาณาจักร
• เรามีสำนักงาน 220 แห่งอยู่ใน 109 ประเทศทั่วโลก
• ในประเทศไทย เราดำเนินงานมากว่า 60 ปี โดยทำงานร่วมกับหน่วยงานพันธมิตร และหน่วยงานราชการ เพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์ ในทางศิลปะ วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และสนับสนุนการปฏิรูปการศึกษา รวมทั้งโครงการเพื่อพัฒนาสังคม
• บริติช เคานซิล เป็นองค์กรอิสระ ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลอังกฤษ
• ท่านสามารถอ่านข้อมูลเกี่ยวกับงานด้านต่างๆของเราได้ที่ www.britishcouncil.or.th