คิวบิอี อินชัวรันซ์ ปลื้มผลประกอบการปี 2549 แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ซิดนีย์–23 ก.พ.–มิเดียเน็ท อินเตอร์เนชั่นแนล-เอเชียเน็ท/อินโฟเควสท์

บริษัท คิวบีอี อินชัวรันซ์ กรุ๊ป ประกาศในวันนี้ว่า ตัวเลขกำไรหลังหักภาษีของบริษัทในรอบปีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธ.ค.2549 อยู่ที่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,483 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 36% จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้านี้

รายได้ต่อหุ้นที่ผ่านการลดสัดส่วนการถือหุ้น เพิ่มขึ้น 32% สู่ระดับ 173 เซนต์ และรายได้จากหุ้นอยู่ที่ระดับ 26.1% เมื่อเทียบกับปี 2548 ที่ระดับ 23.9% เบี้ยประกันรวมหลังจากหักค่าเสื่อมราคาหรือหักส่วนลด เพิ่มขึ้น 10% แตะระดับ 1.04 หมื่นล้านดอลลาร์ และเบี้ยประกันที่เป็นรายได้สุทธิ เพิ่มขึ้น 10% แตะระดับ 8.2 พันล้านดอลลาร์ อัตราส่วนการเรียกร้องขอสิทธิ์ในการประกัน ค่าคอมมิชชั่น และค่าใช้จ่ายที่นำไปคำนวณเบี้ยประกันที่เป็นรายได้สุทธิ (อัตราส่วนการดำเนินงานโดยรวม) อยู่ที่ 85.3% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับ 89.1% ตัวเลขกำไรจากการประกันก่อนหักภาษีที่นำไปคำนวณเบี้ยประกันที่เกิดจากรายได้สุทธิอยู่ในระดับสูงเกินคาดที่ 21.9% เมื่อเทียบกับระดับ 17.4% แผนกประกันหลักๆทั้งหมดมีอัตราส่วนการดำเนินงานรวมและตัวเลขกำไรจากการประกันที่ดีเยี่ยม

เมื่อพิจารณาเกี่ยวกับตัวเลขกำไรจากการดำเนินงานที่อยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และแนวโน้มธุรกิจในด้านบวกของคิวบีอีนั้น คณะผู้บริหารได้ประกาศการจ่ายเงินปันผลระยะสุดท้ายที่ 55 เซนต์ต่อหุ้น สู่ระดับ 60% ตัวเลขดังกล่าวเปรียบเทียบกับการจ่ายเงินปันผลระยะสุดท้ายที่ระดับ 38 เซนต์ ในปี 2548 การจ่ายเงินปันผลโดยรวมในปี 2549 อยู่ที่ 95 เซนต์ต่อหุ้น เมื่อเทียบกับระดับ 71 เซนต์ โดยที่ผ่านมานั้น การจ่ายเงินปันผลเพิ่มขึ้น 39% แตะระดับ 774 ล้านดอลลาร์ แผนการลงทุนใหม่ที่ผ่านการลดสัดส่วนการถือหุ้นแล้ว ได้ถูกนำมาใช้ในระดับส่วนลดเท่ากับศูนย์ งบบัญชีการปันผลของเราจะปิดในวันที่ 14 มี.ค.2550

นายแฟรงค์ โอฮาลโลราน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคิวบีอี กรุ๊ป กล่าวว่า “ปีที่แล้วเป็นปีที่ดีเยี่ยม ด้วยความสามารถในการทำกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืน ซึ่งได้รับปัจจัยบวกจากอัตราเบี้ยประกันโดยเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 6% รวมทั้งตัวเลขการเรียกร้องสิทธิ์จากภัยพิบัติที่ลดลง และเงินสดหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น”

นายโอฮาลโลรานกล่าวด้วยว่า “การเข้าซื้อบริษัทเพรโตเรียน ไฟแนนเชียล กรุ๊ป บริษัทวินเทอร์เธอร์ ยูเอส และบริษัทเซกูรัส คัมเบร์เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมานี้ ทันทีที่การทำข้อตกลงแล้วเสร็จ จะทำให้เรามั่นใจว่า เรามีอัตราการเติบโตที่มีนัยสำคัญในปี 2550 และ 2551 การเข้าซื้อบริษัทเหล่านี้ ประกอบกับธุรกิจคุณภาพสูงหลายด้าน และทีมงานที่เรามีอยู่ทั่วโลก ทำให้เรามั่นใจว่า เราสามารถเพิ่มตัวเลขกำไรหลังหักภาษีได้ประมาณ 20% ในปี 2550 สิ่งที่เราคาดการณ์มุ่งเน้นในเรื่องการยอมความตามปกติ อาทิ การเรียกร้องสิทธิประกันจำนวนมาก ที่เกินขอบข่ายการอนุญาตอย่างมีนัยสำคัญในแผนธุรกิจ อัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และตลาดการลงทุนที่มีเสถียรภาพของเรา”

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาอ้างอิงรายงานประจำปี 2549 ของเรา ซึ่งสามารถค้นหาได้ที่เว็บไซต์ของเราที่
www.qbe.com

สื่อมวลชนติดต่อ : ลิน ชุง
โทร +61 2 9375 4226
email : [email protected]
เว็บไซต์ : www.qbe.com