อัลทิเมท ไทม์ เดินหน้าทำตลาดนาฬิกาแฟชั่นอย่างหนัก ดึง 3 แบรนด์ดัง แมงโก, ทิมเบอร์แลนด์, เอสปรี นาฬิกา และจิวเวลรี ทำตลาดปี 2550 รวมเป็น 7 แบรนด์ หวังยอดขายปี 50 ทะลุ 100 ล้านบาท หลังปีที่แล้วยอดโตกว่า 100 % มูลค่ากว่า 80 ล้านบาท จับกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม ราคาตั้งแต่ 3,000 บาทขึ้นไป เพิ่มตัวแทนจำหน่ายอีก 10-20% ในต่างจังหวัด พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สาว “ลูกเกด” จิรดา โยฮารา รับหน้าที่เป็น Brand Ambassador ของนาฬิกาบอเมงด้วย
ม.ร. ฟิลลิป แยบ ผู้จัดการฝ่ายบริหารภาคพื้นเอเชีย – แปซิฟิก บริษัท อัลทิเมท ไทม์ จำกัด หนึ่งในผู้นำตลาดนาฬิกาในประเทศไทย และผู้นำเข้านาฬิกาชั้นนำจากต่างประเทศหลากหลายแบรนด์ เช่น นาฬิกา โอดีเอ็ม, ลีวาย, บอเมง และปากกานำเข้าจากประเทศ อีตาลี Omas เปิดเผยว่าจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดนาฬิกาในประเทศไทย ทำให้หลายบริษัทผู้นำเข้านาฬิกาจากต่างประเทศเร่งสร้างกิจกรรมการตลาด เพื่อครอบครองส่วนแบ่งและก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำในตลาดนาฬิกาอย่างแท้จริง บริษัท อัลทิเมท ไทม์ จำกัด จึงได้จัดงานเปิดตัวนาฬิกา แบรนด์ Balmain “บอเมง” จากประเทศสวีสเซอร์แลนด์ พร้อมเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์สาว “ลูกเกด” จิรดา โยฮารา ที่จะรับหน้าที่เป็น “Brand Ambassador” ในการทำตลาดด้วย
แบรนด์ บอเมง จะจับกลุ่มคนที่เริ่มต้นการทำงาน คอลเลคชั่นนาฬิกาส่วนใหญ่ 70% จับกลุ่ม ผู้หญิง และอีก 30% จับกลุ่มผู้ชาย มีราคาจำหน่ายเฉลี่ย 15,000 – 60,000 บาท โดยกลยุทธ์การทำตลาดจะเน้นการใช้กิจกรรมการประชาสัมพันธ์ ผ่านสื่อนิตยสารแฟชั่น การแสดงแฟชั่นโชว์ รวมถึงการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาช่วยสร้างภาพลักษณ์ของนาฬิกาให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งบุคคลที่มีชื่อเสียงจะมีการเปลี่ยนทุกๆ 3 เดือนเพื่อการประชาสัมพันธ์นาฬิกา ส่วนช่องทางการจัดจำหน่ายของ นาฬิกาบอเมงจะเน้นร้านในระดับกลางถึงบน โดยมีเค้าท์เตอร์จำหน่ายประมาณ 20 แห่ง และมีการนำคอลเลคชั่นใหม่ออกทำตลาดภายในปีนี้ประมาณ 10 รุ่น
นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนจำหน่ายนาฬิกาเพิ่มอีก 3 แบรนด์ดัง คือ นาฬิกาManago (MNG), Timberland Watches, Esprit Timewear & Esprit Jewel ทั้งนาฬิกา และเครื่องประดับ แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ซึ่งทั้ง 3 แบรนด์นี้ เป็นแบรนด์ที่จะทำตลาดหลักในปี 2550 นี้ จากเดิมบริษัทได้นำเข้านาฬิกา โอดีเอ็ม, ลีวาย, บอเมง และปากกานำเข้าจากประเทศ อีตาลี Omas ในเครือ LVMH
ทั้งนี้ แบรนด์เอสปรี (Espri) จับกลุ่มเป้าหมายทั้งผู้หญิง 80% และผู้ชาย 20% ในระดับ Mass Product ราคาตั้งแต่ 3,000 -6,000 บาท นอกจากจะจำหน่ายนาฬิกาเอสปรีแล้ว บริษัทฯ ยังจะนำเข้ากลุ่มสินค้าจิวเวลรี ได้แก่ แหวน, กำไล, สร้อยคอ เข้ามาจำหน่ายด้วยทั้งกลุ่มผู้หญิง และกลุ่มผู้ชาย ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของบริษัทที่มีกลุ่มสินค้าประเภทนี้
ส่วนแบรนด์แมงโก (MNG) ซึ่งเป็นแบรนด์เดียวกับเสื้อผ้าเอ็มเอ็นจีนั้น จะจับกลุ่มเป้าหมายผู้หญิงเป็นหลัก โดยวางจำหน่ายในราคา 4,000-8,000 บาท และแบรนด์ทิมเบอร์แลนด์ (Timberland) จะจับกลุ่มเป้าหมายผู้ชาย วางจำหน่ายในราคา 4,000-9,000 บาท
สำหรับปีนี้บริษัทจะใช้งบประมาณการทำตลาดประมาณ 10% ของยอดจำหน่าย ในด้านการจัดกิจกรรมทางการตลาดต่าง ๆ ที่สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายของนาฬิกาแต่ละแบรนด์ ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายกว่า 80 ล้านบาท คาดว่าในปีนี้ผลประกอบการคงจะเติบโตมากขึ้นอีกคาดว่าจะทะลุ 100 ล้านบาท เพราะเนื่องจากบริษัทมีแบรนด์เพิ่มขึ้นอีก 3 แบรนด์ และในปีนี้บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มตัวแทนจำหน่ายขึ้นอีก 10-20 % ในต่างจังหวัด จากปัจจุบันมีตัวแทนอยู่ 100 ราย
ม.ร. ฟิลลิป กล่าวถึงสถานการณ์การแข่งขันในธุรกิจรนาฬิกาแฟชั่นว่า ในปีนี้ยังถือว่ามีความรุนแรง เนื่องจากแต่ละบริษัทนั้นมีการนำเข้าสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมถึงมีการทำกิจกรรมทางการตลาดอยู่ตลอดเวลาในรูปบบใกล้เคียงกัน ทั้งในรูปแบบการจัดโปรโมชั่นร่วมกับห้างสรรพสินค้า การร่วมกับธนาคารหรือบัตรเครดิต การแถมสินค้าพรีเมียม เป็นต้น