ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นปี’50 : มูลค่า 6,000 ล้านบาท…ขยายตัว 10-15%

ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นโดยภาพรวมยังเป็นธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากคนไทยยังคงนิยมบริโภคอาหารญี่ปุ่น โดยยอมรับในแง่ที่เป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ และมีรสชาติถูกปาก ภาวะการแข่งขันในตลาดเป็นไปอย่างเข้มข้น บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ประเมินภาวะตลาดอาหารญี่ปุ่นโดยรวมในปี 2550 คาดว่าจะมีมูลค่าตลาดราว 6,000 ล้านบาท และจะมีอัตราการขยายตัวประมาณร้อยละ 10-15 ในปี 2550 นี้ยังคงมีการแข่งขันกันโดยใช้กลยุทธ์ด้านราคาและการให้บริการลูกค้าเป็นหลัก โดยการแข่งขันธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เนื่องจากมีผู้ประกอบการรายใหม่ 5-6 รายเข้ามาลงทุนในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ประกอบการ แฟรนไชส์จากญี่ปุ่นที่ขยายการลงทุนเข้ามา และค่ายธุรกิจอาหารประเภทอื่นที่อาจหันมาลงทุนทำธุรกิจอาหารญี่ปุ่นด้วย ทำให้ผู้ประกอบการในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นต้องมีการปรับกลยุทธ์ และนำเสนออาหารที่แปลกใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค

ปัจจุบันร้านอาหารญี่ปุ่นที่เปิดให้บริการในประเทศไทยมีอยู่ประมาณ 660 แห่ง โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เชียงใหม่ และชลบุรี ซึ่งจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยนั้นมากเป็นอันดับ 5 ของโลก เป็นรองเพียงสหรัฐฯ จีน เกาหลีใต้และไต้หวันเท่านั้น ร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยนั้นแยกเป็นร้านในห้างสรรพสินค้าร้อยละ 50 ร้านเดี่ยวหรือสแตนด์อโลนร้อยละ 40 และร้านในโรงแรมร้อยละ 10 ส่วนใหญ่บริหารงานโดยคนไทยทั้งหมด

ทั้งนี้ ผู้ประกอบการเล็งเห็นว่าธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นนี้สามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งลูกค้ากลุ่มเป้าหมายคือ กลุ่มลูกค้าคนไทยที่ชื่นชอบรสชาติของอาหารญี่ปุ่น รวมไปถึงชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในประเทศไทยกว่า 60,000 คน นอกจากนี้ โอกาสในการเติบโตของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นยังมีอยู่ทั้งในลักษณะร้านพรี-เมี่ยม ซึ่งจะเน้นอาหารญี่ปุ่นสูตรต้นตำรับ ราคาจะค่อนข้างแพง เนื่องจากวัตถุดิบส่วนใหญ่ต้องนำเข้ามาจากญี่ปุ่น เป้าหมายในการจำหน่ายสินค้าอาหารญี่ปุ่นหลักๆอยู่ในกลุ่มของผู้ที่มีรายได้สูง (ชนชั้นกลาง) เงินเดือนสูงกว่า 15,000 บาท ปัจจัยสำคัญในการขยายตัวของธรุกิจร้านอาหารพรีเมี่ยม คือการเปิดศูนย์การค้าไฮเอน ทำให้มีร้านอาหารญี่ปุ่นพรีเมี่ยมเปิดเพิ่มขึ้นอย่างมาก ส่วนร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีแนวโน้มเติบโตในเกณฑ์สูงคือ ร้านอาหารญี่ปุ่นทั่วๆไปที่ราคาไม่แพงมากนัก โดยเน้นเจาะลูกค้ากลุ่มบีและกลุ่มซี ซึ่งร้านอาหารญี่ปุ่นกลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่ผลักดันการเติบโตของมูลค่าตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย
นอกจากนี้ทางฝ่ายส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่นประจำกรุงเทพฯ(เจโทร)ยังมีแผนงานในการส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในปี 2550 โดยแบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ กระตุ้นผู้ประกอบการและยอดผู้บริโภค โดยเฉพาะส่วนผู้ประกอบการได้จัดทำคู่มือการลงทุนธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยแจกจ่ายให้นักธุรกิจญี่ปุ่น โดยเน้นที่รายละเอียดการดำเนินธุรกิจ และระเบียบต่างๆ ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นการแข่งขันและเป็นการช่วยเพิ่มยอดผู้บริโภคอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยด้วย

แนวรุกของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในปี 2550 ที่น่าสนใจมีดังนี้

-รุกตลาดราเมนหรือบะหมี่ญี่ปุ่น ปัจจุบันตลาดร้านราเมนยังมีผู้เล่นไม่มากนักประมาณ 10 ราย โดยมีทั้งแบรนด์ไทยและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายใดเป็นผู้นำตลาดอย่างแท้จริง คาดการณ์ว่าในปี 2550 การแข่งขันของธุรกิจร้านราเมนขยายตัวสูงมาก ทั้งในลักษณะธุรกิจรายย่อยหรือในรูปแบบรถเข็น ร้านเล็กๆหรือลักษณะคีออส ไปจนถึงร้านในรูปแบบสาขาในลักษณะที่เป็นการซื้อลิขสิทธิ์แฟรนไชส์และซื้อยี่ห้อมาจากญี่ปุ่นโดยตรง ซึ่งผู้ประกอบการที่ซื้อแฟรนไชส์หรือยี่ห้อแม้ว่าจะต้องลงทุนสูง โดยการเปิดสาขาแต่ละแห่งต้องลงทุนประมาณ 4-5 ล้านบาทสำหรับการเปิดร้านประเภทสาขา และประมาณ 400,000 บาทสำหรับร้านในลักษณะคีออสซึ่งเน้นการซื้อกลับไปรับประทานที่บ้านเป็นหลัก แต่ได้เปรียบในเรื่องที่บริษัทแม่ที่ญี่ปุ่นสนับสนุนในเรื่องสูตรอาหาร และมีกุ๊กมาคอยดูแลให้คำแนะนำในช่วงแรก คาดว่าธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นประเภทราเมนนี้จะยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องไปได้อีกอย่างน้อย 4-5 ปี โดยธุรกิจราเมนมีข้อได้เปรียบธุรกิจอาหารญี่ปุ่นประเภทอื่นๆตรงที่มีรสชาติให้เลือกหลากหลาย และมีราคาให้เลือกหลายระดับตั้งแต่ชามละ 49-149 บาท ซึ่งนับว่าเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และมีเงินทุนเพียงพอที่จะขยายสาขาอย่างรวดเร็วตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างทั่วถึงทั้งในตลาดกรุงเทพฯ และในจังหวัดสำคัญที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและแหล่งท่องเที่ยว รวมทั้งมีแนวโน้มว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางในการขยายธุรกิจนี้ไปยังประเทศเพื่อนบ้านในแถบอินโดจีน เช่น เวียดนาม เป็นต้น

ธุรกิจร้านราเมนนับว่าเป็นธุรกิจที่น่าจับตามอง ในขณะที่ร้านอาหารญี่ปุ่นเริ่มอิ่มตัว ร้านราเมนนับว่าเป็นธุรกิจที่เข้ามาเสริมทัพและเพิ่มสีสันให้กับธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น รวมทั้งยังมีผู้ประกอบการรายใหม่ที่เห็นช่องทางการเติบโตของธุรกิจราเมนทยอยเข้ามาลงทุนด้วย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่จะเห็นร้านราเมนทั้งที่เปิดเป็นร้านหรูในห้างสรรพสินค้าไปจนถึงร้านราเมนริมถนน โดยเฉพาะในริมถนนในย่านธุรกิจ

นอกจากนี้ในปัจจุบันธุรกิจร้านราเมนยังคงมีผู้ทยอยเข้ามาลงทุน โดยเฉพาะการลงทุนของผู้ประกอบการรายใหญ่ที่ร่วมทุนกับบริษัทญี่ปุ่นเปิดร้านราเมนในประเทศ และขยายสาขาในลักษณะแฟรนไชส์กระจายให้ครอบคลุมกรุงเทพฯและจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ รวมทั้งลงทุนสร้างโรงงานผลิตเส้นราเมนสูตรเดียวกับญี่ปุ่น เนื่องจากในปัจจุบันต้นทุนการผลิตเส้นราเมนในญี่ปุ่นค่อนข้างสูง ดังนั้นทางญี่ปุ่นจึงมีความต้องการย้ายฐานการผลิตเส้นราเมนมาตั้งโรงงานในไทยซึ่งมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่า และส่งเส้นราเมนกลับไปป้อนตลาดในญี่ปุ่น นอกจากนี้ยังมีเป้าหมายในอนาคตคือการผลักดันไทยเป็นฐานการผลิตวัตถุดิบเส้นราเมนและเป็นศูนย์กลางในการขยายแฟรนไชส์ร้านราเมนออกไปยังภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะสิงคโปร์ ฮ่องกง และออสเตรเลีย

-อาหารญี่ปุ่นสำเร็จรูปแช่เย็นแช่แข็ง ปัจจุบันผู้ประกอบการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลแช่แข็งหันมาสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์โดยการผลิตอาหารทะเลสำเร็จรูปแช่แข็ง ซึ่งอาหารญี่ปุ่นสำเร็จรูปแช่แข็งนับเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มสดใสทั้งตลาดส่งออกและการรุกขยายตลาดในประเทศ เนื่องจากแนวโน้มของการบริโภคอาหารญี่ปุ่นนั้นมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก เนื่องจากเป็นอาหารสุขภาพ การจัดจำหน่ายอาหารญี่ปุ่นสำเร็จรูปแช่แข็งนั้นส่วนใหญ่จะอยู่ในลักษณะคีออสในโมร์นเทรด คาดว่าจะยังคงมีนักลงทุนทยอยเข้ามาลงทุนในตลาดนี้ โดยเฉพาะในลักษณะการร่วมทุนกับบริษัทของญี่ปุ่น และบริษัทที่จัดจำหน่ายสินค้าอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งของไทย ทั้งนี้เนื่องจากมีการเสริมจุดแข็งของกันและกัน กล่าวคือ ผู้ประกอบการส่งออกผลิตภัณฑ์อาหารทะเลจะมีจุดแข็งในด้านวัตถุดิบ บริษัทของญี่ปุ่นจะมีจุดแข็งในด้านเทคโนโลยีในการผลิต และการกระจายความหลากหลายของสินค้าให้ตรงตามรสนิยมของผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนบริษัทที่จัดจำหน่ายสินค้าอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งของไทยจะมีจุดแข็งในด้านช่องทางการจัดจำหน่ายและตรายี่ห้อเป็นที่รู้จักและยอมรับของผู้บริโภค

การขยายตัวของตลาดอาหารญี่ปุ่นสำเร็จรูปแช่แข็งในประเทศนั้นนับเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้อาหารญี่ปุ่นเป็นที่รู้จักและยอมรับในวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ผู้ประกอบการในกลุ่มนี้บางรายยังเตรียมแผนที่จะลงทุนเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นในไทยอีกด้วย

-ผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารเปิดร้านอาหารญี่ปุ่นเพื่อต่อยอดธุรกิจ เนื่องจากความนิยมในการบริโภคอาหารญี่ปุ่นของคนไทย ทำให้บรรดาธุรกิจร้านอาหารหลายแห่งเพิ่มเมนูอาหารญี่ปุ่นด้วย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันผู้ประกอบการธุรกิจร้านอาหารบางรายหันมาขยายธุรกิจอาหารญี่ปุ่นอย่างจริงจัง โดยการสร้างแบรนด์ร้านอาหารญี่ปุ่นขึ้นมาใหม่แยกออกจากธุรกิจร้านอาหารเดิม เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสทางการตลาดของร้านอาหารญี่ปุ่นที่จะเข้ามาต่อยอดความแข็งแกร่งของธุรกิจ

ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นยังคงอยู่ในความนิยมของผู้บริโภคคนไทยทำให้ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการแข่งขันอย่างเข้มข้น ทั้งผู้ประกอบการรายเดิมและผู้ที่เข้ามาลงทุนใหม่ ต้องปรับการจัดการบริหารให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดต้นทุนให้ต่ำที่สุดประคองตัวให้อยู่รอด และการขยายสาขาเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางธุรกิจและการท่องเที่ยว ทั้งนี้ เพื่อเพิ่มยอดขายและรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ในเวลาเดียวกัน ปัจจัยสำคัญในการประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นคือ การปรับรสชาติอาหารให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้ากลุ่มเป้าหมาย การเลือกทำเลให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย การประชาสัมพันธ์ให้ลูกค้ากลุ่มเป้าหมายรับรู้ข้อมูลและข่าวสารที่ถูกต้อง และการมีบุคลากรระดับบริหารที่มีความรู้ความเข้าใจ นอกจากนี้ ผู้ประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่นที่ประสบความสำเร็จต้องมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพของอาหาร โดยเฉพาะความสดใหม่ของอาหาร เนื่องจากเป็นหัวใจสำคัญของอาหารญี่ปุ่น รวมทั้งเน้นบริการที่ดีเยี่ยมเป็นที่ประทับใจของลูกค้า ซึ่งเป็นมนต์เสน่ห์ที่มีอยู่ในร้านอาหารญี่ปุ่นที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นอย่างมาก