บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาอันดับหนึ่งของประเทศไทย ประกาศจับมือร่วมทุนกับ บริษัท เรียวบิ-คิโซ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มเรียวบิ-คิโซ ยักษ์ใหญ่ด้านงานฐานรากจากประเทศญี่ปุ่น เปิดบริษัทใหม่ ชื่อบริษัท ซีฟโก้-เรียวบิ จำกัด (SEAFCO-RYOBI) กรุยทางขยายธุรกิจงานกำแพงกันดิน Diaphragm Wall ในสิงคโปร์ เตรียมแผนรับโครงการยักษ์ใหญ่ต่อเนื่องตลอดปี 50
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) หรือ SEAFCO เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ทำการร่วมทุนกับ บริษัท เรียวบิ-คิโซ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม เรียวบิ-คิโซ แห่งประเทศญี่ปุ่น เพื่อจัดตั้ง บริษัท ซีฟโก้-เรียวบิ จำกัด โดยมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 300,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นในสัดส่วน 47.5% และภายหลังจากการลงนามในสัญญาดังกล่าวแล้ว จะดำเนินการจดทะเบียนบริษัทฯ อย่างเป็นทางการ ณ ประเทศสิงคโปร์ ในเดือนมิถุนายน 2550
“การร่วมลงทุนในครั้งนี้ ถือว่าเป็นโอกาสอันดีที่จะได้ร่วมงานกับพันธมิตรที่มีศักยภาพ เช่น เรียวบิ-คิโซ ซึ่งเรียวบิ-คิโซ ถือเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงในงานฐานรากในญี่ปุ่นมายาวนานกว่า 50 ปี และต่อมาได้ขยายธุรกิจมายังประเทศสิงคโปร์ ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการเสริมจุดแข็งให้แก่กันและกัน โดยซีฟโก้ซึ่งถือได้ว่ามีชื่อเสียงในงานกำแพงกันดินมากมาย ก็จะสามารถแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ดังกล่าว และสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าในนานาประเทศได้ในลำดับต่อๆ ไป” นายณรงค์ กล่าว
ทั้งนี้ บริษัท ซีฟโก้-เรียวบิ จำกัด จัดตั้งขึ้นเพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการงานด้านกำแพงกันดินประเภท Diaphragm Wall ในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งงานก่อสร้างประเภทดังกล่าวถือเป็นส่วนสำคัญในการวางรากฐานของการก่อสร้างอาคารใต้ดินลึก ที่กำลังมีทิศทางการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปีนี้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ จะมีอัตราการเติบโตที่สูงขึ้นอีกกว่า 40% โดยเป็นผลมาจากโครงการก่อสร้างอาณาจักรคาสิโน อินทริเกรทเต็ด รีสอร์ต และโครงการอื่นๆ อีกมากมาย
“สิงคโปร์ถือว่าเป็นประเทศที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงมาก และยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอยู่ตลอดเวลา แต่เนื่องจากข้อจำกัดด้านพื้นที่ที่ส่งผลให้การวางแผนก่อสร้างพื้นที่ธุรกิจต่างๆ มีข้อจำกัด ส่งผลให้พื้นที่ทุกตารางเมตรจะต้องใช้ให้ได้ประโยชน์สูงสุด ดังนั้นการออกแบบก่อสร้างอาคารใต้ดิน ห้องใต้ดิน จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นในสิงคโปร์ ประกอบกับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในสิงคโปร์ยังมีอย่างต่อเนื่อง จึงถือได้ว่าสิงคโปร์มีความน่าสนใจที่จะเข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าว” นายณรงค์ กล่าว
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 1 ประจำปี 2550 ซีฟโก้มีรายได้รวมทั้งสิ้น 712.3 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 75.48% จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2549 ด้วยกำไรสุทธิ 60.44 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 90.5% จากปี 2549 เป็นผลมาจากการการได้รับงานเพิ่มมากขึ้น รวมถึงความสามารถในการส่งมอบงานได้ตามกำหนดในช่วงที่ผ่านมา
นอกจากนี้ในปี 2550 ได้ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 15 เปอร์เซ็นต์ โดยจะยังคงเน้นที่ธุรกิจก่อสร้างงานฐานราก และกำแพงกันดิน งานปรับปรุงคุณภาพดิน พร้อมด้วยธุรกิจต่อยอด คืองานโครงสร้างฐานรากโดยเชื่อว่าสัดส่วนรายได้จะมาจากภาคเอกชนร้อยละ 80 และภาครัฐร้อยละ 20
บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) ผู้นำในธุรกิจผู้รับก่อสร้างงานฐานรากและงานโยธาอันดับหนึ่งของประเทศไทย มีส่วนแบ่งการตลาดกว่า 45% ดำเนินธุรกิจให้บริการเสาเข็มเจาะและงานกำแพงกันดินประเภท Diaphragm Wall ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการวางรากฐานสำหรับการก่อสร้างอาคารและโครงสร้างพื้นฐาน ซีฟโก้มีสัดส่วนของการรับงานจากภาคเอกชนมากกว่าร้อยละ 80 เช่นงานฐานรากอาคาร สำนักงาน อาคารชุด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 20 มาจากภาครัฐ เช่น โครงการทางยกระดับอุโมงค์ลอดทางแยก ถนน สะพาน เป็นต้น