กลุ่มอลิอันซ์ปลื้ม รายได้ไตรมาสแรกพุ่งกว่า 1.51 แสนล้านบาท

กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต (เอเอซีพี) ประกาศผลประกอบการไตรมาสแรกประจำปี 2550 มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 มาอยู่ที่ 2.9 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.36 แสนล้านบาท) รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 82.1 คิดเป็นมูลค่ากว่า 3.2 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.51 แสนล้านบาท) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนธนาคารเดรสด์เนอร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และทุกหน่วยธุรกิจมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น

ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ากลุ่มอลิอันซ์ยังมีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยมีรายได้รวม 2.93 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.38 ล้านล้านบาท) มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.2 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 2.7 พันล้านยูโร (1.27 แสนล้านบาท) มาอยู่ที่ 2.9 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.36 แสนล้านบาท) รายได้สุทธิมีมูลค่ามากกว่า 3.2 พันล้าน ยูโร (ประมาณ 1.51 แสนล้านบาท) ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นนี้ ส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากการลงทุน ซึ่งคิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2 พันล้านยูโร (ประมาณ 9.4 หมื่นล้านบาท) สำหรับมูลค่าหุ้นของกลุ่มอลิอันซ์ มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.6 เป็น 5.23 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.46 ล้านล้านบาท) จากยอดรวม 5.05 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.37 ล้านล้านบาท) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549

ในส่วนของธุรกิจประกันวินาศภัย (Property and Casualty) สามารถแสดงตัวเลขอัตราส่วนความเสียหายที่เกิดขึ้นและค่าใช้จ่ายต่อรายรับจากเบี้ยประกันที่ยอดเยี่ยมได้อีกครั้ง โดยมีอัตราส่วนเท่ากับร้อยละ 96.8 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนเพียง 2.1 จุด ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเหตุภัยพิบัติจากพายุไคริล ส่งผลให้กลุ่มฯ จ่ายค่าสินไหมมูลค่ารวม 340 ล้านยูโร (ประมาณ 1.59 หมื่นล้านบาท) ผลกำไรจากธุรกิจประกันวินาศภัยจึงลดลง 119 ล้านยูโร (ประมาณ 5.6 พันล้านบาท) อย่างไรก็ตาม กำไรจากธุรกิจด้านอื่นๆ ยังคงเพิ่มขึ้น

ในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ (Life and Health Business) มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.7 จาก 723 ล้านยูโร (ประมาณ 3.4 หมื่นล้านบาท) เป็น 750 ล้านยูโร (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) ขณะเดียวกันรายได้รวมจากเบี้ยประกันลดลงร้อยละ 3.9 มาอยู่ที่ 1.23 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 5.78 แสนล้านบาท) ทั้งนี้ นอกจากการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในประเทศอิตาลีแล้ว ภาพรวมตลาดในสหรัฐอเมริกาก็เริ่มมีแนวโน้มที่ดีขึ้นเช่นกัน

“จากการเร่งพัฒนาในหลายๆ ด้าน พบว่าแนวโน้มของยอดขายและเบี้ยประกันรับที่ตกลงอย่างต่อเนื่องของอลิอันซ์ไลฟ์ในอเมริกาเริ่มจะคลี่คลายแล้ว ภายใต้ระบบการบริหารใหม่ รูปแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ และเครือข่ายช่องทางการจัดจำหน่ายที่แข็งแกร่ง จะทำให้เราเติบโตขึ้นได้ในอนาคต” มร. เฮลมุท เพอร์เลท ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงินของกลุ่มอลิอันซ์ กล่าว

ด้านธนาคารเดรสเนอร์ ก็ทำรายได้จากการดำเนินงานกว่า 2 พันล้านยูโร (ประมาณ 9.4 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.4 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่นับว่าอยู่ในระดับที่แข็งแกร่งเช่นกัน ธนาคารเดรสเนอร์มีปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญ ได้แก่ รายได้จากดอกเบี้ยรับสุทธิ 900 ล้านยูโร (ประมาณ 4.23 หมื่นล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 55.7 โดยได้รวมรายได้จากการขายบริษัทย่อยแห่งหนึ่งในเครือไว้ด้วย คิดเป็นเงิน 171 ล้านยูโร (ประมาณ 8 พันล้านบาท) นอกจากนี้ กำไรจากการดำเนินงานได้เพิ่มขึ้นจาก 529 ล้านยูโร (ประมาณ 2.49 หมื่นล้านบาท) เป็น 677 ล้านยูโร (ประมาณ 3.18 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นร้อยละ 28 เป็นผลจากการพัฒนาประสิทธิภาพในการทำงานอย่างไม่หยุดยั้ง รวมทั้งโครงสร้างการลงทุนที่มีคุณภาพมากขึ้น อัตราส่วนรายจ่ายต่อรายได้ในช่วงไตรมาสแรกซึ่งมักเป็นช่วงที่มีรายได้สูงนั้น พบว่ามีอัตราส่วนที่ดีขึ้น คือจากร้อยละ 73.7 ลดลงเหลือ 66.9

สำหรับธุรกิจบริหารสินทรัพย์ พบว่าสินทรัพย์บุคคลที่สามที่บริหารอยู่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.3 จาก 7.64 แสนล้านยูโร (ประมาณ 35.9 ล้านล้านบาท) เป็น 7.81 แสนล้านยูโร (ประมาณ 36.7 ล้านล้านบาท) โดยเปรียบเทียบจากข้อมูล ณ สิ้นปี 2549 ส่วนกระแสเงินสดรับสุทธินั้นถือว่าอยู่ในระดับสูงอีกครั้งหนึ่ง โดยมีมูลค่าถึง 1.2 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 5.64 แสนล้านบาท) ในขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.6 เป็น 312 ล้านยูโร (ประมาณ 1.47 หมื่นล้านบาท) สำหรับอัตราส่วนรายจ่ายต่อรายรับซึ่งคิดเป็นร้อยละ 60 นั้น ถือว่าอยู่ในระดับเดียวกันกับปีก่อน

“เราคงไม่สามารถสรุปผลการดำเนินงานของทั้งปีจากการดูผลประกอบการเพียง 3 เดือนแรกได้ เนื่องจากต้องดูปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นที่ดีเยี่ยมเช่นนี้ ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายของปี 2550 ได้ในที่สุด” มร. เฮลมุท เพอร์เลท กล่าว

หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยน เท่ากับ 1 ยูโร = 47.03 บาท

บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต เป็นบริษัทประกันชีวิตชั้นนำของประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นจากการเข้าร่วมเป็นพันธมิตรระหว่าง 3 กลุ่มบริษัทที่มีชื่อเสียงและความมั่นคงอันได้แก่ กลุ่มธนาคารกรุงศรีอยุธยา กลุ่มอลิอันซ์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทฯได้สร้างสรรค์รูปแบบผลิตภัณฑ์ประกันแบบแปลกใหม่และครบถ้วนเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้ารายบุคคลและองค์กร อันได้แก่ แบบประกันภัยคุ้มครองตลอดชีพ แบบประกันภัยเพื่อการสะสมทรัพย์และเพื่อเป็นทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลาน แบบประกันภัยคุ้มครองอุบัติเหตุ แบบประกันภัยคุ้มครองสุขภาพ และแบบประกันภัยเพื่อสวัสดิการพนักงาน

ปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้นำการตลาดบริษัทประกันชีวิตของประเทศ ด้านเบี้ยประกันภัยรับรวม บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากผู้ถือกรมธรรม์ทั่วประเทศกว่า 1,000,000 ราย และดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมานานกว่า 55 ปี บริษัทฯ ได้รับรางวัล Superbrands ประจำปี 2005 และ 2006 ติดต่อกัน 2 ปีซ้อน ประเภทธุรกิจการเงิน ธนาคาร และประกันชีวิตจากการสำรวจผู้บริโภคและการตัดสินของคณะกรรมการ Superbrands ประจำประเทศไทย