สายการบินกาตาร์ยืนยันสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส A350 จำนวน 80 ลำ ในงานปารีส แอร์โชว์

จากภาพ :ในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้น ณ งานปารีส แอร์ โชว์ ที่เมือง เลอร์ บูเกร์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 มร.อัคบาร์ อัล เบเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินกาตาร์ได้ประกาศยืนยันใบสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 รวมทั้งสิ้นจำนวน 80 ลำ มูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมี มร.หลุยส์ แกลลัวร์ ประธานแอร์บัสเข้าร่วม

สายการบินกาตาร์ยืนยันใบสั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350 รวมทั้งสิ้นจำนวน 80 ลำ มูลค่า16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งทำให้สายการบินการตาร์เป็นลูกค้ารายใหญ่สุดของเครื่องบินเชิงพาณิชย์รุ่นใหม่ของแอร์บัส ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่สุดของยุโรป นอกจากนี้สายการบินกาตาร์ยังได้เพิ่มยอดสั่งเครื่องบิน แอร์บัสรุ่น A380 จาก 2 ลำ เป็น 5 ลำ

ในงานแถลงข่าวที่จัดขึ้น ณ งานปารีส แอร์ โชว์ ที่เมือง เลอร์ บูเกร์ ประเทศฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2550 มร.อัคบาร์ อัล เบเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินกาตาร์ได้ประกาศยืนยันใบสั่งซื้อเครื่องบินดังกล่าวในงานซึ่งมี มร.หลุยส์ แกลลัวร์ ประธานแอร์บัสเข้าร่วม

สำหรับการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น A350 นั้น เป็นการสั่งซื้อที่แทนแผนเดิมที่สายการบินกาตาร์เคยประกาศไปเมื่อ 2 ปีก่อนว่าจะซื้อแอร์บัส A350 จำนวน 60 ลำ แต่ในขณะนี้สายการบินกาตาร์ได้ตัดสินใจสั่งซื้อเครื่องบินที่ได้รับการออกแบบใหม่ ให้มีขนาดลำใหญ่เป็นพิเศษที่เรียกว่า “Extra Wide Body” ( XWB ) ซึ่งมีทั้งสิ้น 3 แบบ

ข้อตกลงของสายการบินกาตาร์ซึ่งประกาศในวันนี้ ประกอบด้วยการสั่งซื้อเครื่องบินรุ่น A350-800S จำนวน 20 ลำ รุ่น A350-900S จำนวน 40 ลำ และ A350-1000S จำนวน 20 ลำ ซึ่งเครื่องบินรุ่น A350-1000S เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดที่มีตัวเครื่องใหญ่พิเศษ ซึ่งสายการบินกาตาร์เป็นลูกค้ากลุ่มแรกของ A350-1000XWB

เครื่องบินแอร์บัสรุ่น A350-XWB มีจำนวนที่นั่ง 260 – 350 ที่นั่ง แตกต่างกันในแต่ละแบบ โดยจะเป็นเครื่องบินที่นั่ง 2 แบบ (two-class configuration) และจะให้บริการในเส้นทางหลักๆ ครอบคลุม ยุโรป แอฟริกา ตะวันออกไกล และอนุทวีปอินเดีย

กำหนดส่งมอบเครื่องบินในเดือนสิงหาคม ปี 2556 และจะค่อยๆทะยอยนำมาแทนที่เครื่องบินรุ่น A330S ซึ่งใช้เป็นหลักในฝูงบินของสายการบินกาตาร์ในปัจจุบัน

มร. อัคบาร์ อัล เบเกอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบิน กล่าวถึงการเจรจากับแอร์บัสถึงดีไซน์ของ A350-XWB ในงานแถลงข่าวว่า “สัญญาอันยาวนานฉบับนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงจังของสายการบินต่อเครื่องบินรุ่นใหม่นี้”

“ใบสั่งซื้อ A350-XWB นี้ประกอบด้วยเครื่องทั้งหมด 3 แบบ ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นของสายการบินกาตาร์ที่มีให้กับความสามารถในการผลิตของแอร์บัสถึงการผลิตเครื่องบินแบบสองเครื่องยนต์ลำตัวกว้างรุ่นใหม่ ซึ่งมีความโดดเด่นและพร้อมนำมาให้บริการได้ในปี 2556 ทั้งนี้สายการบินกาตาร์มีความสัมพันธ์อันดีและจะยังร่วมงานกับแอร์บัสและโรลซ์รอยซ์ ในการนิยามและวางแผนการผลิตเครื่องบินรุ่นต่างๆ ต่อไป”

สายการบินกาตาร์เป็นสายการบินที่ให้บริการด้วยเครื่องแอร์บัสใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง ปัจจุบันนี้ให้บริการเที่ยวบินด้วยเครื่องบินจากแอร์บัสจำนวนถึง 58 ลำ ได้แก่รุ่น A319S, A320S, A330 Sและ A340S สายการบินกาตาร์ยังเป็นลูกค้ากลุ่มแรกที่สั่งซื้อเครื่องบินสองชั้น แอร์บัส A380 รุ่น “super jumbos” ซึ่งขณะนี้ได้สั่งซื้อเพิ่มขึ้นรวมเป็น 5 ลำแล้ว และจะมีการส่งมอบในต้นปี 2553

สายการบินกาตาร์มีศูนย์การบินที่โดฮา เป็น 1 ในสายการบินที่เติบโตเร็วที่สุดในโลกซึ่งให้บริการเที่ยวบินจากโดฮาสู่เส้นต่างๆกว่า 75 เส้นทาง ครอบคลุมทวีปยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา อนุทวีปอินเดีย และตะวันออกไกล

ตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนเป็นต้นไป สายการบินกาตาร์จะเริ่มให้บริการในทวีปอเมริกาเหนือ โดยมีเที่ยวบินตรงสู่กรุงนิวยอร์กจากโดฮา 4 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ เส้นทางบินใหม่ซึ่งจะให้บริการผ่านกรุงเจนีวานี้จะถึงสนามบินนานาชาติเนวาร์คลิเบอร์ตี้ ซึ่งสายการบินกาตาร์เป็นสายการบินในตะวันออกกลางรายแรกที่ให้บริการเที่ยวบินสู่สนามบินในย่านนิวยอร์ก

และหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ สายการบินกาตาร์จะเริ่มให้บริการเที่ยวบินเชื่อมเมืองหลวงของกาตาร์กับสหรัฐอเมริกา ในเส้นทางบินแบบไม่หยุดพักระหว่างโดฮาสู่วอชิงตันดีซี ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฏาคม 2550 ถึงสนามบินนานาชาติดัลเลสในวอชิงตันดีซี

ข้อมูลของสายการบินกาตาร์
สายการบินกาตาร์ เป็น 1 ใน 4 สายการบินของโลกที่ได้รับรางวัลระดับ 5 ดาวด้านการบริการจากสกายแทร็กซ์ ซึ่งเป็นหน่วยงานตรวจสอบอิสระที่ได้รับการยอมรับของอุตสาหกรรมการบิน นอกจากนี้ ยังได้มอบรางวัลลูกเรือยอดเยี่ยมที่สุดในตะวันออกกลางเป็นเวลา 4 ปีติดต่อกัน และเป็นอันดับ 2 ของโลก จากการสำรวจจากผู้โดยสารกว่า 12 ล้านคนทั่วโลก

สายการบินกาตาร์มีการเติบโตเฉลี่ย 35% ต่อปี โดยให้บริการแก่ผู้โดยสารกว่า 8 ล้านคน ในปีงบประมาณ 2006/2007