กระแสจตุคาม-รามเทพ : ปลุกธุรกิจวงการพระเครื่อง…เม็ดเงินสะพัด 40,000 ล้านบาท

กระแสความเลื่อมใสศรัทธาและความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพในปัจจุบันยังคงแรงอย่างต่อเนื่องจากในช่วงปลายปี 2549 โดยปัจจุบันยังคงมีการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพรุ่นใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง และแต่ละรุ่นยังคงมีแรงศรัทธาในการจับจองเช่าบูชา นับว่าปรากฏการณ์ขององค์จตุคาม-รามเทพนี้นอกจากเข้ามาสร้างผลกระทบทำให้เม็ดเงินในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคลเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์ และยังสร้างเม็ดเงินกระจายในธุรกิจพระเครื่องวัตถุมงคลและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ตั้งแต่ธุรกิจการจัดสร้างไปจนถึงธุรกิจให้เช่าพระเครื่อง ซึ่งเท่ากับเป็นการสร้างรายได้อัดฉีดให้หลากหลายธุรกิจท่ามกลางกระแสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา และกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง

ปี’50 เม็ดเงินสะพัด 40,000 ล้านบาท…เงินสะพัดมากเป็นประวัติการณ์
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ทาง บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เคยคาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในวงการพระเครื่องและธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพียง 22,000 ล้านบาท แต่จากกระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพมีมากเกินความคาดหมาย ทำให้คาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดในวงการพระเครื่องและธุรกิจที่เกี่ยวข้องนั้นเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 40,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์เดิมร้อยละ 81.8 อันเป็นผลมาจากปัจจัยต่างๆ ดังนี้

1.จำนวนผู้สร้างมากขึ้น ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์นั้นมีผู้สร้างองค์จตุคาม-รามเทพเพียง 50 รุ่น แต่ปัจจุบันมีผู้สร้างองค์จตุคาม-รามเทพแล้ว 300 รุ่น และคาดว่าตลอดปี 2550 จะมีการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพรวมทั้งสิ้นประมาณ 650 รุ่น โดยมีผู้สนใจหลากหลายวงการเข้ามาเป็นนายทุนจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเป็นจำนวนมาก

2.จำนวนผู้ต้องการเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น ราคาเช่าองค์จตุคาม-รามเทพทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการปั่นราคาเพื่อสร้างกำไร โดยการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพบางรุ่นนั้นมีการปั่นราคากันตั้งแต่ใบจอง ทำให้การจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพสามารถสร้างรายได้มหาศาล นับเป็นแรงจูงใจที่สำคัญให้มีการจัดสร้างเพิ่มขึ้นอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์ บรรดาผู้ที่เช่าองค์จตุคาม-รามเทพโดยการสั่งจองจากผู้สร้างหรือวัดมาแล้วให้เช่าต่อกันเป็นทอดๆก็ก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคลเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์เช่นกัน โดยกระแสองค์จตุคาม-รามเทพทำให้เกิดนักเล่นวัตถุมงคลหน้าใหม่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก เนื่องจากราคาเช่าองค์จตุคาม-รามเทพนั้นยังไม่แพงนักเมื่อเทียบกับพระเครื่องและวัตถุมงคลรุ่นเก่าๆ ทำให้ไม่ต้องใช้ทุนทรัพย์มากนักในการเข้ามาลงทุน และยังมีแผงพระเครื่องรายย่อยที่ให้เช่าองค์จตุคาม-รามเทพเกิดขึ้นมากมาย เนื่องจากเล็งเห็นโอกาสในการสร้างรายได้จากการให้เช่าองค์จตุคาม-รามเทพ รวมทั้งยังมีเม็ดเงินสะพัดในหลากธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์ เช่น ธุรกิจตลับสเตนเลส ธุรกิจเลี่ยมพระ ธุรกิจผลิตสร้อย/ลูกปัด เป็นต้น

3.ต้นทุนในการจัดสร้างมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการสร้าง ที่บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด สำรวจค่าใช้จ่ายในช่วงต้นปี 2550 และกลางปี 2550 ค่าใช้จ่ายมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก นับว่าความต้องการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพที่เพิ่มขึ้นและความต้องการที่จะสร้างให้ทันกับความต้องการของบรรดาผู้ที่ต้องการเช่าองค์จตุคาม-รามเทพ รวมทั้งราคาวัสดุมวลสารที่นำมาใช้ในการสร้างองค์จตุคามโดยเฉพาะราคาโลหะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันให้ต้นทุนการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเพิ่มสูงขึ้น และก็ทำให้เม็ดเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเพิ่มมากขึ้นด้วย

ทั้งนี้การสร้างองค์จตุคาม-รามเทพที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และความต้องการองค์จตุคาม-รามเทพที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์ว่าเม็ดเงินสะพัดในวงการพระเครื่องและธุรกิจที่เกี่ยวข้องของปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 40,000 ล้านบาท

ผู้สร้างองค์จตุคาม-รามเทพ…วิธีสร้างแตกต่าง อัตรากำไรแตกต่าง
ในปัจจุบันกระแสนิยมองค์จตุคาม-รามเทพทำให้มีผู้สร้างองค์จตุคาม-รามเทพหลากหลายวงการ โดยแยกเป็นบริษัทเอกชน หน่วยงานราชการ วัด และมูลนิธิต่างๆ ซึ่งวัตถุประสงค์ของการจัดสร้างนั้นก็เพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาและกิจการสาธารณะต่างๆ อย่างไรก็ตามบางครั้งการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพก็มีจุดประสงค์เพื่อแจกจ่ายโดยไม่คิดมูลค่าเพื่อให้บรรดาผู้ที่ศรัทธามีไว้บูชา ซึ่งเท่ากับว่าผู้จัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพบางกลุ่มก็ไม่ได้หวังผลกำไรในการจัดสร้าง

ขั้นตอนการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเริ่มตั้งแต่การออกแบบสร้าง โดยค่าออกแบบขั้นต่ำประมาณ 3,000 บาทต่อครั้ง แต่ถ้าเป็นแบบที่ต้องการความวิจิตรงดงามและอาศัยช่างที่มีฝีมือเฉพาะค่าออกแบบจะสูงกว่านี้มาก หลังจากนั้นจะเป็นขั้นตอนการแกะบล็อค ส่งเข้าโรงปั๊ม/หล่อ ทำพิธีพุทธาภิเษกและพิธีเทวาภิเษกที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แล้วจึงแจกจ่ายไปตามศูนย์พระ/ผู้จอง

ประเด็นสำคัญที่ทำให้ต้นทุนการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพแตกต่างกัน มีดังนี้

1.วัสดุมวลสาร วัสดุมวลสารที่นำมาสร้างองค์จตุคาม-รามเทพจะแตกต่างกันขึ้นกับการจัดหาของผู้สร้างแต่ละราย ทำให้ต้นทุนของวัสดุมวลสารนั้นแตกต่างกัน หลังจากนั้นการสร้างเป็นองค์จตุคาม-รามเทพจะแตกต่างกันในกรณีสร้างเป็นเนื้อผงและเนื้อโลหะ กล่าวคือ ค่าใช้จ่ายในการปั๊มหรือหล่อองค์จตุคาม-รามเทพจะแยกเป็นเนื้อผง และเนื้อโลหะ โดยแยกรายละเอียดของต้นทุนการสร้าง ดังนี้

-การสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเนื้อผง ค่าแกะบล็อคแม่พิมพ์ทั้งด้านหน้าและด้านหลังสำหรับเป็นแบบพิมพ์ กด หรือปั๊มองค์จตุคาม-รามเทพขั้นต่ำ 50,000 บาท ถ้างานเร่งด่วนจะคิดมากกว่า 70,000 บาท อัตรานี้ขึ้นอยู่กับฝีมือของช่างด้วย โดยถ้าเป็นช่างฝีมือดีราคาค่าแกะบล็อคจะสูงขึ้นเป็น 100,000-200,000 บาท ค่าเนื้อ องค์จตุคาม-รามเทพรวมทั้งค่าจ้างแรงงานสำหรับองค์จตุคาม-รามเทพทุกขนาด 9-10 บาทต่อองค์ขึ้นกับขนาดและเนื้อขององค์พระ ซึ่งอัตราต้นทุนที่กล่าวมานี้เป็นเพียงการประมาณการเท่านั้น ถ้าใช้เนื้อวัสดุที่หายากหรือเป็นที่นิยมราคาที่ให้บูชาก็จะสูงขึ้นอีก

-การสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเนื้อโลหะ ต้นทุนค่าบล็อคประมาณ 50,000-75,000 บาททั้งนี้ขึ้นอยู่กับฝีมือการแกะบล็อคของช่างเช่นเดียวกับเนื้อผง ค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆขึ้นอยู่กับเทคนิคการสร้างกล่าวคือ ถ้าเป็นการสร้างแบบปั๊มสำหรับเนื้อทองแดงขนาดใบมะขามต้นทุนประมาณ 7-10 บาทต่อองค์ เนื้อนว(เนื้อทองแดงผสมเงินและทองคำ)ต้นทุนประมาณ 15-25 บาทต่อองค์ เนื้อเงินต้นทุนประมาณ 150 บาทต่อองค์ ส่วนเนื้อทองคำนั้นแล้วแต่น้ำหนักขององค์จตุคาม-รามเทพ โดยเฉลี่ยที่มีการสร้างต้นทุนการสร้างเนื้อทองคำประมาณ 1,500-2,000 บาทต่อองค์(ต้นทุนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปขึ้นอยู่กับราคาทอง) ทั้งนี้ต้นทุนจะเปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนส่วนต่างๆ โดยเฉพาะประเภทของเนื้อโลหะที่ใช้และลักษณะการสร้าง โดยการสร้างแบบเหรียญ ต้นทุนค่าบล็อคจะเท่าๆกับการสร้างแบบเนื้อผง ซึ่งต้นทุนเฉลี่ยต่อเหรียญสำหรับเนื้อทองแดงประมาณ 7-15 บาท การสร้างแบบหล่อ ถ้าใช้เทคนิคการหล่อแบบเก่าหรือที่เรียกกันว่าเทมือ หรือแบบเบ้าทุบนั้นราคาจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับว่าเป็นการหล่อแบบใด องค์จตุคาม-รามเทพองค์เดียวหรือที่เรียกว่าช่อเดี่ยว และการหล่อแบบได้หลายองค์ต่อการเทแบบแต่ละครั้ง ต้นทุนจะตกประมาณ 700-800 บาทต่อองค์ ส่วนถ้ามีการใช้เทคนิคการหล่อแบบสมัยใหม่หรือที่เรียกกันว่าหล่อเหวี่ยงหรือแบบฉีด ต้นทุนตกประมาณ 200 บาทต่อองค์สำหรับเนื้อโลหะทั่วๆไป

2.ปริมาณการสร้างในแต่ละครั้ง ปริมาณการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพแต่ละรุ่นนั้นมากน้อยขึ้นอยู่กับการประมาณการของผู้จัดสร้างว่าองค์จตุคาม-รามเทพรุ่นนั้นจะได้รับความนิยมมากน้อยเพียงใด ซึ่งปัจจุบันการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพในแต่ละรุ่นนั้นประมาณกันว่าขั้นต่ำอยู่ที่ 10,000 องค์/รุ่น/เนื้อ แต่ถ้าเป็นรุ่นที่มีแนวโน้มว่าจะเป็นที่นิยมมากจำนวนการสร้างอาจจะสูงถึง 30,000 องค์/รุ่น/เนื้อ หรือมากกว่านั้นตามแรงศรัทธา

3.ค่าใช้จ่ายในการทำพิธีพุทธาภิเษกและพิธีเทวาภิเษก ผู้สร้างองค์จตุคาม-รามเทพต้องมีการประชาสัมพันธ์ผ่านทางรถแห่ประชาสัมพันธ์ในจังหวัดนครศรีธรรมราชในระยะเวลาใกล้เคียงกับที่ผู้สร้างประกาศว่าจะมีการจัดสร้างอย่างเป็นทางการและการทำพิธีบวงสรวงในจังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งค่าใช้จ่ายแยกออกเป็น ค่าเช่ารถประมาณ 2,000 บาท/วัน/คัน ซึ่งต้องจ้างประมาณ 4 คัน/วัน และค่าจ้างคนขับรถอีก 150 บาท/วัน/คัน ซึ่งค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะแตกต่างกันขึ้นกับจำนวนวันที่ทางผู้สร้างต้องการใช้รถแห่ และค่าใช้จ่ายในด้านของไหว้

นอกจากนี้ในการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพแต่ละรุ่นนั้นต้องมีพิธีบวงสรวงทั้งพิธีพุทธาภิเษกและพิธีเทวาภิเษก ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับจัดงานพิธีบวงสรวงนี้นับว่าอยู่ในเกณฑ์สูง กล่าวคือ ผู้สร้างจะบริจาคให้กับวัดพระศรีมหาธาตุฯและศาลหลักเมืองที่จังหวัดนครศรีธรรมราชที่ใช้เป็นสถานที่บวงสรวง สำหรับวัดพระศรีมหาธาตุฯนั้นผู้สร้างจะบริจาคประมาณ 50,000-100,000 บาทต่อครั้ง ส่วนการบริจาคให้กับศาลหลักเมืองนั้นผู้สร้างจะบริจาคประมาณ 30,000 บาทต่อครั้ง นอกจากนี้ผู้สร้างยังมีค่าใช้จ่ายสำหรับพระเกจิอาจารย์ที่ทำพิธีพุทธาภิเษก ซึ่งค่าใช้จ่ายในส่วนนี้จะแตกต่างกันตามจำนวนพระเกจิฯที่เชิญมาทำพิธี รวมทั้งความมีชื่อเสียงของพระเกจิฯแต่ละองค์ด้วย ส่วนค่าใช้จ่ายสำหรับพราหมณ์บวงสรวงประมาณ 5,000 บาท ทั้งนี้จะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับลำดับความสำคัญของพราหมณ์ที่มาทำพิธี ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องมีพราหมณ์ประกอบพิธี 2-3 คน นอกจากนี้ทางผู้สร้างยังมีค่าใช้จ่ายการขนส่งไป/กลับองค์จตุคาม-รามเทพระหว่างโรงงานปั๊ม/หล่อพระกับสถานที่จัดพิธีบวงสรวง โดยค่าใช้จ่ายจะขึ้นอยู่กับระยะทางและปริมาณจตุคาม-รามเทพที่ต้องขนส่ง ซึ่งถ้าเป็นการขนส่งจากกรุงเทพฯไปยังนครศรีธรรมราชจะเสียค่าเช่ารถประมาณ 50,000 บาท/เที่ยว/คันรถบรรทุก

โดยเฉลี่ยแล้วต้นทุนในการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพที่ไม่รวมค่าใช้จ่ายอื่นๆจะอยู่ที่ประมาณ 10-50 บาทต่อองค์ ทั้งนี้แล้วแต่เนื้อ ปริมาณในการจัดสร้างแต่ละครั้ง และการจัดพิธีพุทธาภิเษกและพิธีเทวาภิเษกยิ่งใหญ่เพียงใด โดยต้นทุนนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายด้านการประชาสัมพันธ์สื่อต่างๆ(เฉลี่ย 300,000-500,000 บาท แต่บางรุ่นอาจจะเกิน 1 ล้านบาท) ค่าใช้จ่ายในการจัดพิมพ์โปสเตอร์/แผ่นพับ(เฉลี่ยขั้นต่ำประมาณ 100,000 บาท/รุ่น) ค่าใช้จ่ายกล่องพลาสติกและกล่องกระดาษสำหรับผู้ที่สั่งจอง(เฉลี่ยประมาณ 3-15 บาท/กล่อง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดกล่อง) และค่าใช้จ่ายของสายเดินของร้อยละ 3 ของยอดจอง(เฉลี่ยขั้นต่ำประมาณ 30,000-50,000 บาท/รุ่น/คน) ซึ่งสายเดินของนี้จะเป็นคนกลางระหว่างผู้สร้างกับศูนย์จองพระ ดังนั้นถ้ารวม ต้นทุนทั้งหมดแล้วผู้สร้างองค์จตุคาม-รามเทพจะมีต้นทุนเฉลี่ย 50-70 บาทต่อองค์ จะสังเกตเห็นได้ว่าต้นทุนในการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพนั้นไม่ได้สูง เมื่อเทียบกับราคาที่บรรดาผู้สร้างตั้งไว้ในการสั่งจองเพื่อเช่าบูชาที่จะอยู่ที่ประมาณ 99-5,999 บาท/องค์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเนื้อขององค์จตุคาม-รามเทพ ดังนั้น อัตราการทำกำไรของการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพแตกต่างกันอย่างมากโดยจะอยู่ที่ประมาณ 50 บาท/องค์ และบางรุ่นอาจจะสูงถึง 1,000 บาท/องค์ ทั้งนี้อัตรากำไรจะแตกต่างกันขึ้นกับเนื้อและปริมาณการสร้างขององค์จตุคาม-รามเทพแต่ละรุ่น โดยองค์จตุคาม-รามเทพที่เป็นเนื้อผงนั้นจะกำไรมากกว่าเนื้อโลหะ นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับว่าผู้สร้างสามารถกระจายองค์จตุคาม-รามเทพได้ทั้งหมดหรือไม่

ประเด็นที่น่าสนใจอีกประเด็นหนึ่งก็คือ อัตรากำไรสำหรับผู้ที่จัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพปลอมหรือที่ไม่ได้ผ่านพิธีที่ถูกต้องนั้นต้นทุนจะต่ำมาก เนื่องจากไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายหลายรายการ โดยเฉพาะค่าพิธีบวงสรวง ค่าโฆษณาประชาสัมพันธ์ ค่าพิมพ์เอกสารต่างๆ และค่าเปอร์เซนต์สำหรับศูนย์รับจองและเด็กเดินของ อย่างไรก็ตาม โดยเฉลี่ยจะมีกำไรถึง 30-100 บาท/องค์ เนื่องจากตั้งราคาเช่าต่ำกว่า ซึ่งกำไรมากหรือน้อยขึ้นกับราคาที่ตั้งเพื่อให้เช่าและปริมาณการจำหน่าย

ขั้นตอนการจัดจำหน่าย…กำไรอยู่ที่การให้เช่าต่อ
ต้นทุนเริ่มแรกสำหรับผู้ที่อยู่ในขั้นตอนการจัดจำหน่ายที่ต่ำที่สุดคือ ราคาเท่ากับใบจอง ซึ่งถือได้ว่าเป็นต้นทุนขั้นต้น ส่วนต้นทุนที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่จะเป็นการเลี่ยมพลาสติกหรือใส่ตลับสแตนเลส ทั้งนี้เพื่อป้องกันองค์จตุคาม-รามเทพไม่ให้สึกกร่อน โดยให้คงสภาพเดิมไว้ ซึ่งต้นทุนส่วนเพิ่มของผู้ที่อยู่ในขั้นตอนการจัดจำหน่ายนี้ไม่ได้สูงมากขึ้นเท่าใดนัก ค่าใช้จ่ายในการเลี่ยมพลาสติก 100-250 บาท/องค์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดขององค์ ส่วนกรอบสแตนเลสนั้นประมาณ 100-570 บาท/องค์ หลังจากนั้นเมื่อมีการเช่าต่อๆกันไปต้นทุนจะเพิ่มสูงขึ้นเป็นลำดับ อัตรากำไรนั้นขึ้นอยู่กับว่ามีการเช่าต่อๆกันกี่ทอด และความต้องการองค์จตุคาม-รามเทพรุ่นนั้นๆ โดยอัตราการสร้างกำไรในช่วงขั้นตอนการจัดจำหน่ายเฉลี่ยสูงประมาณ 1 เท่าตัวต่อการให้เช่าต่อในแต่ละครั้ง ในบางครั้งราคาองค์จตุคาม-รามเทพอาจจะสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในกรณีที่ผู้เช่าต้องการองค์จตุคาม-รามเทพรุ่นนั้นมากก็จะไม่ค่อยเกี่ยงราคา นอกจากนี้ในขั้นตอนการจัดจำหน่ายนี้ผู้ที่จองพระกับศูนย์พระหรือทางผู้สร้างโดยตรงสามารถขายใบจองได้อีกด้วย ในกรณีที่ความต้องการองค์จตุคาม-รามเทพรุ่นนั้นมีมากกว่าปริมาณที่เปิดให้จอง ประเด็นสำคัญคือ การเช่าองค์จตุคาม-รามเทพนั้นราคาขึ้นอยู่กับความพอใจและการตกลงต่อรองระหว่างเจ้าของและผู้ที่ต้องการเช่า ซึ่งส่งผลทำให้ในบางกรณีอัตราการทำกำไรนั้นสูงจนน่าตกใจทีเดียว

ประเด็นที่น่าสนใจ คือ จากการสำรวจของ บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด พบว่าในช่วงกลางปี 2550 ค่าใช้จ่ายของนักสะสมองค์จตุคาม-รามเทพนั้นแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกรณีของการให้เช่าองค์จตุคาม-รามเทพ ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับการตกลงกันนั้นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในรุ่นที่เป็นที่นิยมและหายาก ส่วนค่าใช้จ่ายในการเลี่ยมพลาสติกและค่าตลับสแตนเลสก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นกัน

จตุคาม-รามเทพ : ศรัทธามาร์เก็ตติ้ง…หลากธุรกิจรับทรัพย์
องค์จตุคาม-รามเทพนับว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่ดีสำหรับความสำเร็จของการใช้กลยุทธ์การตลาดในข่ายศรัทธามาร์เก็ตติ้ง(Faith Marketing) โดยศรัทธามาร์เก็ตติ้ง เป็นกลยุทธ์การสร้างตลาดจากพลังแห่งความเชื่อ-ความศรัทธา หากมีสินค้าหรือบริการใดตอบสนองความต้องการได้ก็จะตัดสินใจซื้อได้ไม่ยาก โดยไม่มีข้อจำกัดด้วยภาวะเศรษฐกิจในช่วงเวลานั้น สินค้าหรือบริการที่อยู่ในข่ายศรัทธามาร์เก็ตติ้งนั้นเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างเม็ดเงินได้เป็นกอบเป็นกำสำหรับผู้ทำธุรกิจต่อเนื่อง แม้ว่าศรัทธามาร์เก็ตติ้งนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่สำหรับประเทศไทย แต่ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมานี้กลยุทธ์ศรัทธามาร์เก็ตติ้งมีกระแสชัดเจนมากขึ้น ทำให้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดที่น่าติดตามอย่างยิ่ง และยังสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับหลากหลายธุรกิจที่เกี่ยวข้อง

เมื่อพิจารณาปัจจัยหลักสำคัญอันจะนำไปสู่ความสำเร็จของสินค้าและบริการที่อยู่ในข่ายศรัทธามาร์เก็ตติ้งแล้ว จตุคาม-รามเทพนั้นมีอยู่อย่างครบถ้วน ดังนี้

1.ตัวสินค้าและบริการโดนใจผู้บริโภค ปัจจุบันผู้บริโภคซื้อสินค้าด้วยอารมณ์ความรู้สึกมากกว่าเหตุผล กอปรกับสภาวะจิตใจที่ต้องการเครื่องยึดเหนี่ยว ซึ่งองค์จตุคาม-รามเทพนั้นมีความโดดเด่นอย่างครบถ้วน กล่าวคือ “พิธีดี ชื่อรุ่นโดนใจ พิมพ์สวย” นอกจากนี้ผู้ที่แขวนองค์จตุคาม-รามเทพนั้นต้องไว้นอกเสื้อ ทำให้เป็นที่สะดุดตาและมีการถามกัน ซึ่งนับว่าเป็นกลยุทธ์ “ปากต่อปาก” ในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้อง นับว่าก่อให้เกิดกระแสความนิยมอย่างต่อเนื่องในวงกว้าง

2.กระบวนการสื่อสารทางการตลาดที่ชัดเจน ความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพนั้นมีมานานพอสมควรแล้วแต่อยู่ในวงค่อนข้างจำกัด แต่ในช่วงกลางปี 2549 กระแสความนิยมเป็นไปอย่างกว้างขวางมากขึ้น โดยเริ่มต้นจากมีประเด็นจุดพลุคือ เรื่องราวประวัติของท่านขุนพันธรักษ์ราชเดช และประวัติต่างๆที่เกี่ยวข้องกับองค์จตุคาม-รามเทพ ผนวกกับข่าวในสื่อต่างๆที่เกี่ยวกับอิทธิปาฏิหารย์ต่างๆระหว่างการประกอบพิธีบวงสรวง หลังจากนั้นพัฒนากลายเป็นกระแสสังคมที่สร้างความสนใจกับผู้เลื่อมใสศรัทธาในวงกว้างเป็นกระแสต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ปากต่อปาก” นับเป็นประเด็นสำคัญทำให้องค์จตุตาม-รามเทพเป็นที่นิยมอย่างรวดเร็ว โดยการขยายความต่อของคนที่เข้ามาร่วมพิธี ผนวกกับประสบการณ์ความประทับใจและความเชื่อมั่นของแต่ละคนผนวกกับการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อมวลชน มีการอ้างอิงประวัติหรือบุคคลที่อยู่ในความสนใจ รวมทั้งการตั้งกระทู้ในเว็บไซต์เพื่อสร้างให้เกิดพลังแห่งศรัทธา

3.จังหวะเวลาเหมาะสม หลังจากเกิดประเด็นจุดพลุและพัฒนาเป็นกระแสสังคม โดยมีการกระจายข้อมูลและประสบการณ์ จนกระทั่งทำให้องค์จตุคาม-รามเทพนั้นกลายเป็นกระแสฟีเวอร์ ซึ่งเป็นผลผลักดันยอดจำหน่ายสินค้าและบริการให้พุ่งสูงขึ้น

ธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากกระแสศรัทธาองค์จตุคาม-รามเทพมีหลากหลายธุรกิจดังนี้
1.ธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์ แม้ว่ากลยุทธ์ทางการตลาดที่ประสบความสำเร็จอย่างมากขององค์จตุคาม-รามเทพคือ กลยุทธ์ปากต่อปาก แต่การประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆก็เป็นอีกกลยุทธ์ที่สำคัญในการบอกเล่าเรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวข้องกับจตุคาม-รามเทพ คาดการณ์ว่าตลอดปี 2550 จากความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพยังคงคึกคักต่อเนื่องถึงช่วงสิ้นปี ส่งผลให้การโฆษณาผ่านสื่อยังคงคึกคัก โดยเฉพาะสื่อหนังสือพิมพ์หัวสีที่ได้รับอานิสงส์ ทำให้ยอดโฆษณามีอัตราเติบโต ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตครั้งแรกในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา โดยคาดว่าตลอดทั้งปี 2550 เม็ดเงินโฆษณาของวัตถุมงคลจะสูงถึง 500 ล้านบาท

2.ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพิธีบวงสรวง การจัดสร้างพระเครื่องและวัตถุมงคลแต่ละรุ่นนั้นต้องมีพิธีบวงสรวงทั้งพิธีพุทธาภิเษกและพิธีเทวาภิเษก ซึ่งค่าใช้จ่ายสำหรับจัดงานพิธีบวงสรวงนี้นับว่าอยู่ในเกณฑ์สูง การจัดพิธีบวงสรวงทั้งพิธีพุทธาภิเษกและเทวาภิเษกนั้นยังก่อให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจดอกไม้ และธุรกิจจัดเครื่องเซ่น/เครื่องบวงสรวง รวมทั้งยังสร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับธุรกิจจำหน่ายสินค้าและบริการในจังหวัดนครศรีธรรมราช และพระนครศรีอยุธยา จนกระทั่งในปัจจุบันมีการจัดพิธีบวงสรวงในวัดที่อนุมัติให้มีการจัดสร้างองค์จตุคาม/รามเทพ หรือการเช่าสถานที่เพื่อจัดพิธีบวงสรวง นอกจากการที่จะต้องไปจัดพิธีที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ดังนั้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพิธีบวงสรวงจึงได้รับอานิสงส์อย่างมากจากกระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพ

3.ธุรกิจปั๊ม/หล่อพร ก่อนกระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพนั้นธุรกิจปั๊ม/หล่อพระนั้นกิจการไม่คึกคักมากนัก แต่เมื่อมีกระแสนิยมองค์จตุคาม-รามเทพธุรกิจปั๊ม/หล่อพระต้องรับงานเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

4.ธุรกิจแผง/ศูนย์พระเครื่องและเครื่องรางของขลัง กระแสความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพสร้างเม็ดเงินสะพัดให้กับธุรกิจแผงหรือศูนย์พระ กล่าวคือ ตั้งแต่กลางปี 2549ต่อเนื่องถึงปี 2550 กระแสจตุคาม-รามเทพเป็นที่นิยมอย่างมาก ทำให้ธุรกิจแผง/ศูนย์พระต่างปรับตัวนำองค์จตุคาม-รามเทพมาวางโชว์แทนพระเครื่องและวัตถุมงคลประเภทอื่นๆ รวมทั้งมีการเพิ่มธุรกรรมของบรรดาแผง/ศูนย์พระเครื่องโดยการทำหน้าที่เป็นตัวแทนเปิดรับจององค์จตุคาม-รามเทพรุ่นต่างๆ โดยปัจจุบันมีผู้สร้างองค์จตุคาม-รามเทพมากมายหลายรุ่น จนกระทั่งบรรดาแผง/ศูนย์พระต้องคัดเลือกว่าจะเป็นตัวแทนรับจองให้กับรายใดที่แน่ใจว่าเมื่อสั่งจองแล้วจะได้องค์จตุคาม-รามเทพครบถ้วนและเป็นของแท้ที่ผ่านพิธีกรรมตามที่ระบุไว้ ทางผู้สร้างจะมีการจ่ายเปอร์เซ็นต์ให้กับแผง/ศูนย์พระ กล่าวคือ แผง/ศูนย์พระจะได้เปอร์เซ็นต์ร้อยละ 5-15 ของยอดจอง ทั้งนี้แล้วแต่รุ่นและข้อตกลงกับผู้สร้าง โดยมีการจ่ายผ่านสายเดินของของผู้สร้าง ซึ่งจะเป็นคนกลางในการส่งใบจอง และรับใบจองพร้อมทั้งเงินจองไปส่งให้กับผู้สร้าง สำหรับสายเดินของนี้จะมีรายได้ร้อยละ 3 ของยอดจอง

5.ธุรกิจสิ่งพิมพ์ เดิมนั้นธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากธุรกิจพระเครื่องและวัตถุมงคลคือ หนังสือพระซึ่งแยกออกเป็นสองประเภทคือ หนังสือเกี่ยวกับราคาเช่าบูชาวัตถุมงคลโดยจะเป็นราคากลางที่ใช้อ้างอิงหรือหั่งเช้งพระ และหนังสือวิชาการด้านต่างๆเกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคล กระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพทำให้บรรดาหนังสือพระหันมาพิมพ์เรื่องราวเกี่ยวกับองค์จตุคาม-รามเทพเป็นเรื่องเด่นในฉบับ รวมทั้งมีการจัดพิมพ์หนังสือเฉพาะกิจเกี่ยวกับองค์จตุคาม-รามเทพอีกด้วย นอกจากนี้บรรดาโรงพิมพ์ต่างๆยังมีงานพิมพ์เกี่ยวกับโปสเตอร์ แผ่นพับ รวมไปถึงใบจองเพิ่มขึ้นอย่างมากอีกด้วย

6.ธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคล กระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพนั้นปลุกให้ธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การสะสมคึกคักขึ้นอย่างมาก กล่าวคือ ในการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพแต่ละรุ่นต้องมีการสั่งกล่องพลาสติก และกล่องกระดาษเพื่อมาบรรจุองค์จตุคาม-รามเทพให้กับบรรดาผู้สั่งจอง สำหรับผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาและเก็บสะสมองค์จตุคาม-รามเทพนั้นก็ทำให้เกิดเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวกับอุปกรณ์การสะสมพระเครื่องและวัตถุมงคลเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจผลิตตลับพระ ธุรกิจอัดกรอบพระ ธุรกิจจำหน่ายสร้อยลูกปัด/เชือกถัก ซึ่งยอดจำหน่ายสินค้าเหล่านี้เติบโตอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจผลิตตลับพระสเตนเลสนั้นต้องเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากสินค้าไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด โดยต้องกระจายเฉลี่ยสินค้าทำให้ผู้ที่สั่งสินค้าจะได้สินค้าไม่เต็มตามยอดที่สั่งของ รวมทั้งยังทำให้เกิดอาชีพใหม่คือ คนเดินของ ซึ่งเป็นคนกลางระหว่างโรงงานผลิตตลับสเตนเลสและร้านใส่ตลับพระ โดยคนเดินของนี้จะมีรายได้ประมาณร้อยละ 5 ของราคาตลับ สเตนเลส นอกจากนี้กระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพยังทำให้อาชีพเฉพาะทางบางอาชีพมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างเป็นกอบเป็นกำ เช่น อาชีพปัดทอง/เขียนลาย/ลงสีองค์จตุคาม-รามเทพ อาชีพช่างไม้ที่รับทำฐานรองพระบูชา เป็นต้น

อนาคตองค์จตุคาม-รามเทพ…กระแสยังไม่จาง แต่เริ่มชะลอตัว
ประเด็นที่เริ่มมีการกล่าวถึงกันในปัจจุบันคือ กระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพนั้นจะลดลงหรือจางหายไปเมื่อใด และในอนาคตจะมีปัญหาองค์จตุคาม-รามเทพล้นตลาดหรือไม่ เนื่องจากปัจจุบันมีการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเป็นจำนวนมาก คาดว่ามีองค์จตุคาม-รามเทพที่จัดสร้างแล้วกว่า 30 ล้านองค์ กระแสความนิยมองค์จตุคาม-รามเทพยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่จะไม่คึกคักเท่ากับในปี 2550 นี้ ผู้ที่สร้างองค์จตุคาม-รามเทพรุ่นหลังๆจึงต้องใช้ความระมัดระวังมากยิ่งขึ้น โดยต้องประกาศประชาสัมพันธ์การจัดสร้างอย่างถูกต้องตามแบบดั้งเดิม และพยายามสร้างความแตกต่างขององค์จตุคาม เช่น การฝังตระกรุด การสร้างแบบจตุคาม-รามเทพอิงกับพระเกจิชื่อดัง หรือบุคคลสำคัญ เป็นต้น

นอกจากนี้ประเด็นของการที่กรมสรรพกรกำลังพิจารณารายละเอียดเพื่อที่จะเข้ามาจัดเก็บภาษีกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์จตุคาม-รามเทพนั้นจะส่งผลกระทบมากน้อยเพียงใดต่อผู้ที่เกี่ยวข้องกับองค์จตุคาม-รามเทพ และจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบทำให้การจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพน้อยลงหรือไม่ กล่าวคือ ในปัจจุบันทางกรมสรรพกรมีแนวคิดในการจัดเก็บภาษีผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการจตุคาม-รามเทพ ซึ่งคาดว่าถ้ามีการจัดเก็บจริงคงจะกระทบกับการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพไม่มากนัก ตราบเท่าที่ประชาชนยังคงมีศรัทธาอยู่ แต่อย่างไรก็ตามคาดว่าการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพในปี 2551 คงจะไม่มากเท่ากับจากปี 2550 ตามกระแสความนิยมที่อาจจะชะลอความร้อนแรงลง

บทสรุป
กระแสความนิยมในองค์จตุคาม-รามเทพที่เพิ่มขึ้นอย่างมากและต่อเนื่องมาโดยตลอดในช่วงที่ผ่านมา 5 เดือนของปี 2550 มีการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพแล้วประมาณ 300 รุ่นและคาดว่าตลอดทั้งปี 2550 จะมีการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพประมาณ 650 รุ่น บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่าตลอดปี 2550 มีเม็ดเงินสะพัดประมาณ 40,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากที่เคยประมาณการเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2550 ประมาณร้อยละ 81 (เดิมประมาณการไว้ที่ 22,000 ล้านบาท) เนื่องจากผู้สร้างจากหลากหลายวงการธุรกิจต่างหันมาสร้างองค์จตุคาม-รามเทพ จนทำให้ปริมาณการสร้างองค์จตุคาม-รามเทพเพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในวงการพระเครื่องและวัตถุมงคล ส่งผลต่อเม็ดเงินสะพัดในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจัดสร้าง และค่าใช้จ่ายในการจัดสร้างองค์จตุคามเมื่อเทียบระหว่างช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 2550 และเดือนมิถุนายน 2550 นั้นแตกต่างกันอย่างชัดเจน

กระแสความเลื่อมใสศรัทธาในองค์จตุคาม-รามเทพที่ขยายวงออกไปอย่างกว้างขวางในปัจจุบันนับว่าเป็นกรณีตัวอย่างที่น่าศึกษาอย่างยิ่งของการใช้กลยุทธ์ศรัทธามาร์เก็ตติ้งจนประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากจะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนให้กับผู้สร้างแล้วยังทำให้หลากหลายธุรกิจได้รับอานิสงส์ โดยเฉพาะธุรกิจโฆษณาประชาสัมพันธ์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพิธีบวงสรวง แผง/ศูนย์พระเครื่องและวัตถุมงคล โรงงานปั๊ม/หล่อพระ ธุรกิจโรงพิมพ์ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ โรงงานผลิตกล่องพลาสติกและกล่องกระดาษ และธุรกิจรับใส่ตลับพระ/เลี่ยมพระ รวมทั้งยังเพิ่มเม็ดเงินหมุนเวียนในธุรกิจเฉพาะอย่าง เช่น ธุรกิจรับออกแบบวัตถุมงคล ธุรกิจปัดทอง/เขียนลาย/ลงสี เป็นต้น

สำหรับแนวโน้มองค์จตุคาม-รามเทพนั้นคาดว่ากระแสความนิยมยังคงมีต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่แรงเท่ากับในปี 2550 โดยคาดว่าปริมาณการจัดสร้างองค์จตุคาม-รามเทพน่าจะลดลง และผู้สร้างจะเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น รวมทั้งการปั่นราคาองค์จตุคามจะกระทำได้ยากขึ้น เนื่องจากผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น และส่วนใหญ่จะมีองค์จตุคาม-รามเทพอยู่ในครอบครองบ้างแล้ว