แกรนด์เพิร์ล ทุ่ม 25 ล้านบาท เนรมิตรพื้นที่ของศูนย์การค้าริเวอร์ซิตี้ให้เป็นสถานบันเทิงแห่งใหม่ โดยผสมผสานความเป็น Restaurant & Entertainment สไตล์ฝรั่งเศส ชื่อ “ลา กรองด์ แปร์ล” เพื่อให้บริการกับนักท่องเที่ยวแบบครบวงจรหลังจากให้บริการเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาสุดหรู ถึง 3 ลำ มากว่า 15 ปี พร้อมเผยต่างชาติมั่นใจให้ความนิยมกว่า 99% และจะส่งผลให้ธุรกิจมีรายได้เพิ่มจากเดิมอีก 10-20% จากเดิมที่มียอดต่อไปกว่า 100 ล้านบาท ในขณะเดียวกันเตรียมเปิดตัวเรือลำแกรนด์เพิลด์ 3 ลงทุนตกแต่งสไตล์หรูกว่า 75 ล้านบาท อีก 3 เดือนข้างหน้าพบโฉมเรือน้องใหม่เอาใจชาวต่างชาติ
นายพิชิต กุลเกียรติเดช ประธานบริษัท ควีนแมรี่ & แกรนด์เพิร์ล จำกัด ผู้ให้บริการเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยาสุดหรูเปิดเผยว่า ในปัจจุบันบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยาถึง 3 ลำ (Pearl of Siam, Grand Pearl 1 และ Grand Pearl 2) ให้บริการนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ กับบรรยากาศสุดหรูที่เสิร์ฟทั้งอาหารแบบบุฟเฟต์นานาชาติ และสนุกสนานกับดนตรี หลากหลายสไตล์มากว่า 15 ปี
ทั้งนี้ เพื่อเป็นการให้บริการกับนักท่องเที่ยวแบบครบวงจรทางบริษัทฯ จึงได้เนรมิตพื้นที่ริมน้ำของ ริเวอร์ซิตี้ (สี่พระยา) ด้วยทุนกว่า 25 ล้านบาท ให้เป็นสถานบันเทิงแห่งใหม่ ชื่อ “ลา กรองด์ แปร์ล” La Grande Perle (French Restaurant & Entertainment) ร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสสุดหรู พร้อมความบันเทิงหลากหลายรสชาติกับบรรยากาศริมน้ำเจ้าพระยา
การเปิดร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสนี้เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และคนไทยที่นิยมอาหารฝรั่งเศส ซึ่งอาหารที่นำเข้ามาจำหน่ายเป็นอาหารมีชื่อเสียงจากทั่วโลก เน้นความมีคุณภาพ สวยงาม เหมาะสำหรับบุคคลที่ต้องการทานมื้อพิเศษ ในงานเฉลิมฉลอง หรือเลี้ยงในงานสำคัญต่างๆ และจากตัวเลขที่ได้ทำการสำรวจทำให้ทราบว่าธุรกิจเดินเรือและร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยามีอัตราเพิ่มขึ้นทุกปีอย่างต่ำ 2-3%
ดังนั้น การให้บริการเรือแกรนด์เพิร์ล พร้อมกับภัตตาคารที่ควบคู่กัน จะทำให้ชาวต่างชาติหรือคนไทยที่มาใช้บริการได้ครบทุกอย่าง และมีความสะดวกสบายมากกว่าเดิม ซึ่งขณะนี้แกรนด์เพิร์ล มีทั้งหมด 3 ลำ ซึ่งแต่ลำจะเป็นเรือที่หรูหรา เหมือนเรือสำราญ และในขณะเดียวกันก็ใช้รองรับนักท่องเที่ยวเดินทางไปยังอยุธยา และสำหรับกลางคืนเพื่ออยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งปัจจุบันชาวต่างชาติให้ความนิยมมากขึ้น และมีนักท่องเที่ยวประจำอยู่แล้วประมาณ 12,000 คน ในการใช้เรือ
เนื่องจากนักท่องเที่ยวก่อนขึ้นเรือ ในระหว่างนั่งรอ สถานที่ร้านอาหารนี้ใช้เป็นสถานที่รับประทานอาหารได้ และหากล่องเรือเสร็จจาก 2 ชั่วโมง ในช่วงกลางวันสามารถขึ้นจากเรือมารับประทานอาหารต่อได้อีก และหากรับประทานอาหารครบ 1,000 บาท จะได้ตั๋วขึ้นเรือ 1 ใบ และสำหรับนักท่องเที่ยวเรือก็จะได้ส่วนลดอาหารอีก 5% ซึ่งจากจุดนี้จะทำให้นักท่องเที่ยวต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
นายพิชิต กล่าวต่อไปว่า สำหรับเวลาการเดินเรือนั้น จะออกจากกรุงเทพฯ 09.00 น.ถึงอยุธยา มีรถบัสหรูหราให้เพื่อเดินทางท่องเที่ยวอีกต่อหนึ่ง ถึงกรุงเทพฯ 17.00 น. ซึ่งเป็นทัวร์เต็มวัน ซึ่งเมื่อแบ่งสัดส่วนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินั้นมากถึง 99% และคนไทยเพียง 1% เท่านั้น ส่วนโปรแกรมการล่องเรือช่วงเย็นนั้นมีนักท่องเที่ยว 75% และที่เหลือเป็นคนไทย
ส่วนการล่องเรือช่วงเย็นจะมีสไตล์เหมือนกัน ราคาขึ้นอยู่กับอาหารบนเรือ และอาหารจะหลากหลายกันไป เป็นแบบ International ซึ่งจะทำการเปลี่ยนอาหารทุกอาทิตย์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ และที่สำคัญเรือทุกลำจะออกแบบมาให้มีความหรูหราและปลอดภัย สำหรับแกรนด์เพิร์ล รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 250 ที่นั่ง มินิแกรนด์เพิร์ล จะจุคนได้ประมาณ 150 ที่นั่ง และล่าสุดกับแกรนด์เพิร์ล 3 ซึ่งเป็นลำใหม่นี้จะมีสไตล์ที่หรูหรา สามารถรองรับได้ 150 ที่นั่งเช่นกัน ซึ่งจะทำการเปิดตัวอีกประมาณ 3 เดือนต่อจากนี้ โดยลงทุนกว่า 75 ล้านบาท ภาพโดยรวมคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดเพิ่มขึ้น10-20% จากเดิมมียอดรับปีละกว่า 100 ล้านบาท
ในช่วงครึ่งปีหลังมานี้ธุรกิจด้านเรือแถบแม่น้ำเจ้าพระยามีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ฉะนั้นธุรกิจนี้ถือว่าเป็นการแข่งขันกันพอสมควร และจากประสบการณ์เจ้าของธุรกิจทัวร์มากว่า 15 ปีถือว่าเป็นจุดที่ได้เปรียบพอสมควร แต่นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตซึ่งต้องทำสิ่งดีๆที่คิดว่าจะทำประโยชน์ให้กับชาวต่างชาติ ให้เมืองไทยเป็นเมืองน่าท่องเที่ยวต่อไป เพราะในอนาคตธุรกิจแถบแม่น้ำเจ้าพระยาจะมีความคึกคักมากขึ้น และเป็นจุดทำให้เมืองไทยมีชื่อเสียงมากขึ้นอีกทางหนึ่ง นายพิชิต กล่าวปิดท้าย