ซีคอน โฮม สบช่อง เปิดตัว “คอมแพค โฮม” ด้วยจุดขาย “เบาที่ราคา มากที่คุณภาพ”

คอมแพค โฮม บริษัทรับสร้างบ้านน้องใหม่จากค่าย ซีคอน โฮม พี่ใหญ่ใจดี ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการ หลังจากทดลองตลาดตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา พบการตอบรับจากกลุ่มลูกค้าดีเกินคาด ด้วยจุดขาย “เบาที่ราคา มากที่คุณภาพ” รับรองคุณภาพเพราะใช้ทีมงานเดียวกับซีคอน โฮม แต่ตัดสิ่งฟุ่มเฟือย และมีการออกแบบที่คิดค้นเพื่อการก่อสร้างที่รวดเร็ว ประเดิมด้วย 12 แบบบ้านกะทัดรัดทันสมัย พร้อมเปิด 4 สาขารวดตีโอบชานเมืองเพิ่มความสะดวกด้านบริการ หวังดึงส่วนแบ่งจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย

นายกอบชัย ซอโสตถิกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท คอมแพค โฮม จำกัด บริษัทรับสร้างบ้านน้องใหม่จากค่ายซีคอน โฮม เปิดเผยว่า ปัจจุบันบริษัทรับสร้างบ้านส่วนใหญ่มักจะเน้นทำตลาดในระดับราคาประมาณ 2-5 ล้านบาท ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ในขณะที่ระดับราคา 5 ล้านบาทขึ้นไปมีส่วนแบ่งตลาดมากเป็นอันดับ 2 อยู่ที่ประมาณ 30% และที่น่าสนใจที่สุดคือ ระดับราคาที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท จากการสำรวจ พบว่ามีส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านเพียง 10% เพราะกลุ่มลูกค้าในระดับราคานี้กว่า 90% ยังคงใช้บริการจากผู้รับเหมารายย่อย และส่วนหนึ่งจะพบปัญหาการทิ้งงาน หรือการก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐานจนก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกมากมาย ด้วยเหตุดังกล่าว ซีคอนโฮม จึงมีนโยบายที่จะสร้างบริการที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสร้างบ้านในระดับราคาที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาท แต่ได้บ้านที่มีคุณภาพ ในราคาใกล้เคียงกับผู้รับเหมารายย่อย จึงได้ทำการเปิดตัว “คอมแพค โฮม” บริษัทรับสร้างบ้านน้องใหม่ล่าสุด ภายใต้สโลแกน “เบาที่ราคา มากที่คุณภาพ” ขึ้น ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ด้วยทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท

ด้านนางสาวศุภิชชา ชัยพิพัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท คอมแพค โฮม จำกัด กล่าวเสริมว่า ที่ผ่านมาผู้ประกอบการธุรกิจรับสร้างบ้านยังไม่เน้นทำตลาดระดับราคาต่ำกว่า 2 ล้านบาทมากนัก ส่วนแบ่งตลาดส่วนใหญ่จึงตกเป็นของผู้รับเหมารายย่อย ทั้งที่แนวโน้มของตลาดรับสร้างบ้านระดับนี้ดูจะยิ่งขยายปริมาณมากขึ้นจากเดิมที่มากอยู่แล้ว โดยมีปัจจัยเสริม คือ สภาวะเศรษฐกิจที่ส่งผลให้ผู้บริโภคส่วนหนึ่งหันมาสร้างบ้านหลังขนาดเล็กลง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ทำให้บริษัทรับสร้างบ้านหลายรายขยายบริการมาสู่ตลาดระดับดังกล่าวมากขึ้น โดยส่วนใหญ่ใช้กลยุทธ์เรื่องราคาเป็นหัวหอกสำคัญในการดึงดูดความสนใจลูกค้า “สำหรับ คอมแพค โฮม เรามองเห็นแนวโน้มว่าตลาดรับสร้างบ้านในราคาที่ต่ำกว่า 2 ล้านบาทเป็นตลาดที่มีอนาคตและเราเองก็สามารถมีส่วนช่วยขยายตลาดของบริษัทรับสร้างบ้านในระดับราคาดังกล่าวให้มีสัดส่วนมากกว่า 10% ได้ไม่ยากนัก โดยการดึงส่วนแบ่งตลาดมาจากกลุ่มผู้รับเหมารายย่อย เพราะ คอมแพค โฮม สามารถสร้างบ้านได้ในราคาที่สมเหตุสมผล แต่สามารถรับประกันคุณภาพและ แน่นอนมีความน่าเชื่อถือของซีคอนเป็นสิ่งสนับสนุนหลัก”

ทั้งนี้ คอมแพค โฮม เกิดจากการที่ลูกค้ากลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีความเชื่อมั่นในแบรนด์ซีคอน โฮม แต่ด้วยข้อจำกัดด้านขนาดที่ดินและงบประมาณ ทำให้ซีคอน โฮมไม่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ได้ จึงเป็นต้นกำเนิดของการก่อตั้ง คอมแพค โฮม “เรามีความสามารถในการบริหารให้ คอมแพค โฮม สามารถสร้างบ้านที่มีคุณภาพ ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่า ทำให้สร้างได้ในราคาประหยัด เพราะเราใช้ผู้บริหารและบุคลากรทีมเดียวกันกับ ซีคอน โฮม และที่สำคัญเรามีโรงงานผลิตชิ้นส่วนโครงสร้างสำเร็จรูปของตนเอง ซึ่งปัจจุบันผลิตชิ้นส่วนให้แก่บริษัทรับสร้างบ้านในเครือทุกบริษัท และเราได้ตัดวัสดุบางตัวที่ฟุ่มเฟือยออกไป ให้เหลือแต่วัสดุที่จำเป็น เหมาะกับขนาดบ้านที่เน้นพื้นที่ใช้สอยซึ่งมีขนาดกะทัดรัดจนถึงขนาดปานกลาง ทำให้ต้นทุนของบ้านคอมแพค โฮมถูกลง ราคาบ้านโดยรวมจึงลดลง ในขณะที่เราสามารถสร้างบ้านคอมแพค โฮม ให้มีคุณภาพและมาตรฐานเทียบเท่ากับบ้านซีคอน โฮม พูดได้ว่า คอมแพค โฮมให้สิ่งที่ดีและคุ้มค่าสำหรับลูกค้า โดยเราต้องการให้ผู้ที่อยากจะสร้างบ้าน สามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายๆ เพราะราคาของ คอมแพค โฮม เริ่มต้นเพียงแค่ 7 แสนกว่าบาท ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของ คอมแพค โฮม จะมี 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มแรก ลูกค้าที่ต้องการมีบ้านหลังแรกหรือผู้เริ่มต้นสร้างครอบครัว (First Home) กลุ่มที่ 2 กลุ่มผู้เกษียณอายุ หรือกำลังจะเกษียณอายุ (Retiree) และกลุ่มครอบครัวขนาดเล็กซึ่งต้องการบ้านขนาดกะทัดรัดถึงกลาง ในระดับราคาไม่เกิน 1,800,000 บาท(Affordable ) ส่วนกลุ่มเป้าหมายรองของ คอมแพค โฮม คือ กลุ่มคนที่ชอบความคุ้มค่าคุ้มราคา เพราะบ้านคอมแพคโฮมราคาไม่แพง และคุ้มค่าด้วยพื้นที่ใช้สอยและไม่ใช้วัสดุที่ฟุ่มเฟือย พร้อมการรับประกันโครงสร้างถึง 10 ปี และบริการหลังการขายอีกมากมาย”

ทั้งนี้ จุดขายที่เหนือกว่าของ คอมแพค โฮม ที่เด่นชัดมีทั้งสิ้น 3 ประการ ประกอบด้วย ระบบก่อสร้างซีคอน ซึ่งมีการควบคุมตั้งแต่ชิ้นส่วนเสา คานจากโรงงาน จึงทำให้ก่อสร้างได้รวดเร็วประมาณ 3-4 เดือนแล้วเสร็จ และก่อสร้างได้ทุกฤดูกาล ราคา เมื่อเทียบกับพื้นที่ใช้สอยแล้วคุ้มค่า เพราะเน้นการจัดวางพื้นที่การใช้สอย และตัดสิ่งฟุ่มเฟือยออกไป และ Design โดดเด่นทันสมัยมากกว่าแบบบ้านระดับราคาเท่ากันที่มีในท้องตลาด สมกับสโลแกนที่ว่า เบาที่ราคา…มากที่คุณภาพ ปัจจุบันมีแบบบ้านให้เลือกรวม 12 แบบ ในสไตล์ Modern Oriental เน้นความเรียบง่าย แต่มีดีไซน์ ด้วยพื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 68-187 ตารางเมตร ราคาอยู่ที่ประมาณ 768,000 – 1,680,000 บาท และวางแผนไว้ว่าจะเพิ่มแบบบ้านและพัฒนาให้ตอบสนองกับความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายอยู่เสมอ โดย คอมแพคโฮม มีสำนักงานขายทั้งหมด 4 แห่ง กระจายทั่วกทม. และปริมณฑล เพื่อความสะดวกในการติดต่อของลูกค้า ได้แก่ สำนักงานใหญ่สี่พระยา / สาขาร่มเกล้า / สาขาแจ้งวัฒนะ และสาขาราชพฤกษ์ ซึ่งเปิดดำเนินการแล้วทั้ง 4 แห่ง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าชมแบบบ้าน และสอบถามรายละเอียดได้ที่สำนักงานขายทุกแห่ง ซึ่งในช่วง Presale นี้ ลูกค้าที่ตัดสินใจสร้างบ้านกับ คอมแพค โฮม สามารถพบกับราคาพิเศษสุด พร้อมส่วนลดมูลค่าสูงสุดถึง 80,000 บาท หมดเขต 30 กรกฎาคม ศกนี้เท่านั้น

“เราตั้งเป้าไว้ว่าในปีนี้ คอมแพค โฮม จะสามารถทำยอดขายได้ประมาณ 120 ล้านบาท และได้เริ่มทำการ Soft launch ไปแล้วตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่สิ่งที่เราคาดหวังมากกว่ายอดขาย คือการให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกเป็นมิตรกับแบรนด์ คอมแพค โฮม สำหรับคนที่อยากจะสร้างบ้าน เมื่อถึง คอมแพคโฮม ก็จะนึกถึงการเป็นเจ้าของบ้านได้อย่างง่ายๆ เป็นบ้านที่มีดีไซน์แต่ราคาประหยัด และมีคุณภาพ ผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งโฆษณาทางโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์อย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อสร้างความคุ้นเคยแก่ลูกค้าและให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ คอมแพค โฮม ซึ่งปัจจุบันหลังจากออกโฆษณาผ่านทางหนังสือพิมพ์ไป ก็ได้รับความสนใจจากลูกค้ามากทีเดียว ในปีต่อๆไป เราจะขยายสาขาให้ครอบคลุม ให้ครบ 6 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในกทม.และปริมณฑล พร้อมทั้งพัฒนาแบบบ้านแบบใหม่ๆ ให้หลากหลายออกมาอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และจะพยายามคงระดับราคาไม่ให้สูงกว่า 1.8 ล้านบาท ไปเรื่อยๆเท่าที่จะทำได้ในสภาวะเศรษฐกิจและต้นทุนที่นับวันจะสูงขึ้น โดยยังคงคุณภาพตามมาตรฐานที่ดี ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อให้ตรงกับวัตถุประสงค์หลักในการจัดตั้ง คอมแพค โฮม คือ ให้ลูกค้าสามารถเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายๆ ทั้งประหยัด คุ้มค่า และมีคุณภาพ” นางสาวศุภิชชากล่าวสรุป