กลุ่มบริษัทแสนสิริ แย้มแผนชิงตำแหน่งผู้นำอันดับหนึ่งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ หลังประสบความสำเร็จในการพัฒนาที่อยู่อาศัยครองใจผู้บริโภคทุกเซกเมนต์ โชว์ตัวเลขยอดขายโครงการที่รอรับรู้รายได้ (Pre-Sale Backlog) มีสูงสุดในระบบถึง 20,000 ล้านบาท รองรับการสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 1-3 ปี ขณะที่ครึ่งหลังปี 50 มีแผนรุกหนัก เตรียมเปิด โปรเจกใหม่ครบวงจร 13 โครงการ มูลค่ารวมเกือบ 10,000 ล้านบาท โดยแสนสิริจ่อคิวเปิดคอนโดฯใหม่ระดับพรีเมี่ยมย่านซีบีดีและชุมชนท่องเที่ยวตากอากาศอีก 5 โครงการ พร้อมเดินหน้าสานต่อแบรนด์บ้านเดี่ยวระดับกลางต่อเนื่อง ในขณะที่ส่งบริษัทในเครือรุกโครงการที่อยู่อาศัยระดับกลาง-ล่าง ทั้งคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยวและบ้านแฝด
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มบริษัทแสนสิริและบริษัทในเครือ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 บริษัทฯ ยังคงมีความมุ่งมั่นที่จะขยายฐานการดำเนินธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามที่วางไว้ โดยปัจจุบันกลุ่มบริษัทแสนสิริมียอดขายโครงการต่างๆ ที่อยู่ระหว่างรอรับรู้รายได้ (Pre-sale backlog) เป็นมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านบาท ซึ่งถือว่าสูงที่สุดของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยในขณะนี้ โดยจะทยอยรับรู้รายตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงอีก 1-3 ปีข้างหน้า ในขณะที่แผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมีการขยายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ๆ อีกประมาณ 13 โครงการ ทั้งคอนโดมิเนียม บ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ เพื่อรองรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าทุกเซกเมนต์ โดยมีมูลค่าโครงการขายรวมเกือบ 10,000 ล้านบาท
“ที่ผ่านมาการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของกลุ่มแสนสิริประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ช่วงครึ่งแรกของปีนี้ สามารถสร้างยอดขาย (Pre-sale) โครงการที่อยู่อาศัยต่างๆ ไปแล้วประมาณ 12,000 ล้านบาท จากที่วางเป้าหมายทั้งปีไว้ที่ประมาณ 15,000 ล้านบาท เนื่องจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในการขยายตลาดที่อยู่อาศัยทุกเซกเมนต์ ตั้งแต่โครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยมของแสนสิริ ที่ปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว อาทิ โครงการ SIRI at Sukhumvit by Sansiri, โครงการคอนโดมิเนียมตากอากาศบ้านแสนปลื้ม หัวหิน เป็นต้น ส่วนโครงการบ้านเดี่ยวก็ประสบความสำเร็จในการสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้า ทั้งโครงการนาราสิริ เศรษฐสิริ บุราสิริ และสราญสิริ ทำให้บ้านเดี่ยวทุกแบรนด์ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี รวมไปถึงโครงการที่อยู่อาศัยสุดฮ็อตของบริษัทในเครือ อาทิ โครงการ My Condo และทาวน์เฮ้าส์ ของบริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ โครงการบ้านพร้อมพัฒน์ รามอินทรา ของบริษัทพร้อมพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ ที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างคับคั่ง เป็นต้น” นายเศรษฐา กล่าว
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ของบริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) ในช่วงครึ่งหลังของปี 2550 จะมีการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับพรีเมี่ยม ในทำเลย่านธุรกิจกลางใจเมือง (CBD) 4 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียมในย่านพักผ่อนตากอากาศอีกประมาณ 1-2 โครงการ มูลค่าการขายรวมประมาณ 5,000 ล้านบาท และยังมีแผนการพัฒนาโครงการบ้านเดี่ยวสำหรับลูกค้าระดับกลาง 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 700 ล้านบาท นอกจากนี้ยังวางกลยุทธ์ในการขยายธุรกิจผ่านบริษัทในเครือ อันได้แก่ บริษัทพลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด บริษัทพร้อมพัฒนา พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด และบริษัทเรดโลตัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เพื่อดำเนินการพัฒนาโครงการประเภทคอนโดมิเนียม ทาวเฮ้าส์ บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และวิลล่าตากอากาศ เพื่อตอบรับความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงระดับทั่วไปให้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในปี 2550 กลุ่มแสนสิริ ถือเป็นผู้ประกอบการที่มีเป้าหมายในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับลูกค้า เป็นมูลค่าเกือบ 13,500 ล้านบาท ซึ่งถือว่ายอดการโอนมอบโครงการที่อยู่อาศัยที่จะสร้างรายรับให้กับบริษัทสูงมากในอันดับต้นๆ ของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เช่นเดียวกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียม ที่มีการปิดการขายในช่วงก่อนหน้านี้ รองลงมาเป็นโครงการบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ ในขณะที่โครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและมีสินค้าขายของกลุ่มแสนสิริในปัจจุบัน มีจำนวน 35 โครงการ แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยว 13 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 11 โครงการ และโครงการทาวน์เฮ้าส์ 10 โครงการ และโครงการที่ดินเปล่า 1 โครงการ
“ ทั้งนี้ความสำเร็จจากการขยายธุรกิจของแสนสิริให้มีความครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้า ตลอดจนการที่กลุ่มแสนสิริสามารถสร้างยอดขายรอรับรู้รายได้ที่สูงที่สุดในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแผนการพัฒนาธุรกิจ ที่จะสนับสนุนให้แสนสิริก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ได้อย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ในขณะที่แสนสิริยังคงมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่หลากหลาย ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่ตอบรับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแตกต่าง รวมถึงการพัฒนาสินค้าให้มีคุณภาพและได้มาตรฐาน เพื่อรองรับแก่ลูกค้าที่พร้อมเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกในสังคมของแสนสิริที่จะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเอง “นายเศรษฐา กล่าว