TRT ผู้นำธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้า โตไม่หยุดไตรมาส 3 และ 4 เตรียมส่งมอบงานอีกกว่า 1,000 ล้านบาท หลังแจงงบไตรมาส 2 มีกำไร 48.3 ล้านบาท สัดส่วนกำไรพุ่งเกิน 20% และมียอดส่งออกเพิ่มเป็น 37 % คาดปี 2550 ทั้งปีจะสร้างยอดรายได้มากกว่า 1,700 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 7-8 % และปีหน้า 2551บริษัทฯ ประมาณการรายได้เฉียด 2,000 ล้านบาทแน่ พร้อมย้ำค่าเงินบาทไม่ส่งผลกระทบกับธุรกิจแต่อย่างใด กับบทพิสูจน์การประกอบธุรกิจครบ 20 ปี
นายสัมพันธ์ วงษ์ปาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ถิรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ TRT เปิดเผยว่า ในไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปีนี้บริษัทฯ มีงานที่ได้รับคำสั่งซื้อแล้วมากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นโครงการหลักที่จะส่งมอบเกือบ 600 ล้านบาท ซึ่งแบ่งเป็นส่วนงานของภาครัฐกว่า 350 ล้านบาท จากการไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และจากภาคเอกชนและส่งออกอีกกว่า 250 ล้านบาท และผลการดำเนินงานของบริษัท ณ สิ้นไตรมาสสองของปี 2550 บริษัทมีรายได้รวม 467.66 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 66.74 ล้านบาท โดยมีอัตรากำไรขั้นต้น คิดเป็นร้อยละ 23.32 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 17.0 ของไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯสามารถปรับราคาขายให้สอดคล้องกับต้นทุน และสามารถควบคุมต้นทุนวัตถุดิบได้ตามประมาณการ นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายขายและบริหาร เท่ากับ 48.375 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.84 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 1.77 ซึ่งเป็นตามปกติของธุรกิจ อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินธุรกิจในช่วงที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างดีมาก ซึ่งบริษัทมีแผนที่จะรุกธุรกิจอย่างเต็มที่ โดยคาดว่าสิ้นปี 2550 จะสามารถสร้างรายได้รวมได้เป็นมูลค่ามากกว่า 1,700 ล้านบาท หรือมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นจากปีก่อนประมาณร้อยละ 7 – 8
กลยุทธ์สำคัญในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทเน้นเรื่องการขยายฐานลูกค้าเพิ่ม และรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ สำหรับแนวโน้มภาพรวมของธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้ายังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนทางการเมือง แต่อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทมองว่าหากมีการเลือกตั้ง และมีรัฐบาลใหม่จะส่งผลดีต่อธุรกิจ เนื่องจากภาคธุรกิจจะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น อีกทั้งปัญหาของค่าเงินบาทก็ไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทฯแต่อย่างใด เนื่องด้วยบริษัทฯมีจุดแข็งที่มีทั้งการขายส่งออกและนำเข้าวัตถุดิบในสัดส่วนใกล้เคียงกัน ทำให้สามารถบริหารผลกระทบจากค่าเงินบาทได้
นอกจากนี้การดำเนินการขยายตลาดไปยังต่างประเทศก็เป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะมีสัดส่วนการส่งออกไปยังต่างประเทศประมาณ 37 % และ 63 % เป็นการจำหน่ายภายในประเทศ ทั้งนี้ตลาดส่งออกได้แก่ประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียใต้ เช่น เวียดนาม, บรูไน, สิงค์โปร, มาเลเซีย, อินเดีย, เนปาล ศรีลังกา เป็นต้น และหากให้วิเคราะห์ตลาดรวมของหม้อแปลงไฟฟ้าขณะนี้แนวโน้มมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ
นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า “เป้าหมายของถิรไทย คือ เป็นผู้ประกอบการที่ให้บริการด้านหม้อแปลงไฟฟ้าอย่างครบวงจร สามารถผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าได้ครบถ้วนทุกขนาด และสามารถออกแบบหม้อแปลงไฟฟ้าพิเศษ รวมถึงบริการซ่อมบำรุง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง และมีความหลากหลาย และเป็นที่ยอมรับในระดับชาติ และระดับสากล ทั้งยังมีการเพิ่มศักยภาพ และขีดความสามารถในการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังจากขนาด 200 เมกะโวลต์แอมแปร์ (MVA) แรงดันไฟฟ้า 230 กิโลโวลต์ เป็น 300 เมกะโวลต์แอมแปร์ (MVA) เพื่อให้เกิดความหลากหลายของผลิตภัณฑ์มากขึ้น ด้วยงบลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งนับได้ว่า ถิรไทยเป็นบริษัทของคนไทยเพียงแห่งเดียวที่สามารถผลิตหม้อแปลงกำลังขนาด 300 MVA ได้”
.
แผนการดำเนินธุรกิจของถิรไทยในการเพิ่มศักยภาพการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้าจากขนาด 200 MVA มาเป็นขนาด 300 MVA คาดว่าจะเริ่มได้รับใบสั่งซื้อในปีนี้และส่งมอบภายในปี 2551 ซึ่งจะทำให้ถิรไทยมีศักยภาพที่เหนือคู่แข่งและสามารถทำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ในปี 2551 บริษัทฯ ได้ประมาณการรายได้อยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท เติบโตประมาณร้อยละ 10-15 จากรายได้ภายในประเทศที่จะเติบโตประมาณร้อยละ 10 (บนสมมติฐาน GDP เติบโตร้อยละ 5 ต่อปี) และรายได้ต่างประเทศที่จะเติบโตประมาณร้อยละ 15-20 ต่อปี โดยการเติบโตส่วนใหญ่จะมาจากการเพิ่มศักยภาพการผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังในระดับแรงดันไฟฟ้า 230 กิโลโวล์ต (kV)
“และในวันที่ 20 สิงหาคม 2550 นี้ เป็นวันครบรอบที่บริษัทฯ ได้ดำเนินงานธุรกิจหม้อแปลงไฟฟ้ามาเป็นเวลายาวนานถึง 20 ปี ซึ่งสามารถเชื่อถือได้ว่าบริษัทฯ มีความแข็งแกร่งทางด้านธุรกิจ และนับได้ว่า ถิรไทย เป็นผู้ผลิตหม้อแปลงไฟฟ้ารายใหญ่ที่ยืนหยัดด้วยความมั่นคง และพร้อมที่จะให้ความสว่างคู่กับคนไทยตลอดไป และพร้อมที่ก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดหม้อแปลงไฟฟ้าในภาคพื้นเอเชียอาคเนย์อีกด้วย” นายสัมพันธ์กล่าวทิ้งท้าย