สตอเรจรุ่นล่าสุดจากเอชพีหั่นค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน และระบบระบายความร้อนถึงครึ่ง

เอชพีเปิดตัวเทคโนโลยีล่าสุด “กรีน สตอเรจ” ที่ช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานและระบบระบายความร้อนในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ได้ถึงร้อยละ 50(1)

กลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ภายใต้กลยุทธ์ของเอชพีในด้าน Adaptive Infrastructure ประกอบด้วย 1. เทคโนโลยี Thin Provisioning และการเพิ่มศักยภาพการทำงานสำหรับผลิตภัณฑ์ในตระกูล HP StorageWorks Enterprise Virtual Array (EVA) 2. เทปไดร์ฟที่ทำงานอยู่บนมาตรฐาน Linear Tape Open (LTO) 4 3. เทปไดร์ฟรุ่น DAT 160 ตัวใหม่สำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ 4. ผลิตภัณฑ์เทปสำหรับ HP StorageWorks ตัวแรกที่พัฒนามาเฉพาะสำหรับกลุ่มผลิตภัณฑ์ BladeSystem c-Class

ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์ StorageIO Group พบว่า ปัจจุบันสตอเรจเป็นอุปกรณ์ที่ใช้พลังงานถึงร้อยละ 37-40 จากพลังงานทั้งหมดที่ใช้ในอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ต่างๆ ในศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ (2) แต่ด้วยผลิตภัณฑ์สตอเรจตัวใหม่จากเอชพี ลูกค้าที่ต้องจ่ายค่าไฟสำหรับสตอเรจ 3,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อเดือนจะสามารถประหยัดไฟที่ใช้เป็นพลังงานและใช้ในระบบระบายความร้อนได้มากถึง 18,000 ดอลล่าร์สหรัฐต่อปี

เพื่อให้เกิดโครงสร้างพื้นฐานทางไอทีที่ประหยัดพลังงาน เอชพีช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถจัดการกับระบบและการบริการได้อย่างรอบด้าน วิธีการอันหลายหลายของเอชพีที่ช่วยให้ระบบไอทีประหยัดพลังงานจะครอบคลุมถึงนวัตกรรมสำหรับศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ซึ่งช่วยให้องค์กรต่างๆ เพิ่มความหนาแน่นของระบบจัดเก็บข้อมูลของคอมพิวเตอร์ และช่วยควบคุมค่าใช้จ่ายด้านพลังงานที่เพิ่มขึ้น

มร.จิม แวกสตาฟ รองประธานของหน่วยธุรกิจ StorageWorks Division ประจำเอชพีภูมิภาคเอเชียแปซิฟิคและญี่ปุ่น กล่าวว่า “เรื่องพลังงานและระบบระบายความร้อนเป็นปัจจัยสำคัญภายใต้กลยุทธ์ของเอชพีในด้าน Adaptive Infrastructure และผลิตภัณฑ์สตอเรจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเหล่านี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการที่ลูกค้าให้ความสำคัญ 2 ประการ นั่นคือ การประหยัดเงิน และประหยัดพลังงาน ด้วยผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เอชพีช่วยให้ลูกค้าสร้างศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ที่ประหยัดค่าใช้จ่าย สามารถขยายตัวขึ้นอย่างประหยัดพลังงาน และช่วยให้เกิดผลลัพท์ทางธุรกิจที่ดีที่สุด”

นวัตกรรม Enterprise Virtual Array (EVA) อันต่อเนื่อง
ชุดกลุ่มผลิตภัณฑ์ดิสก์ระดับกลาง HP StorageWorks EVA 4100, 6100 และ 8100 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการใช้พลังงานให้กับลูกค้าได้ถึงร้อยละ 45 เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ EVA รุ่นก่อนหน้า และเพิ่มศักยภาพการทำงานได้มากถึงร้อยละ 24

ผลิตภัณฑ์ EVA รุ่นใหม่ล่าสุดเหล่านี้ใช้เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ที่ล้ำหน้าอย่างเช่น EVA Dynamic Capacity Management (DCM) และดิสก์ไดร์ฟแบบ Vsnap และ FATA จึงช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ประโยชน์จากฮาร์ดไดร์ฟได้อย่างคุ้มค่า และช่วยตัดค่าใช้จ่ายสำหรับการซื้อฮาร์ดดิสก์ ไดร์ฟ ที่ไม่จำเป็นออก ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และช่วยจัดการทรัพยากรไอทีและงานด้าน สตอเรจ โพรวิชั่นนิ่ง ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

มร.โทนี่ อซาโร นักวิเคราะห์อาวุโส จากบริษัท Enterprise Strategy Group ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลของอุตสาหกรรมที่เน้นทำการศึกษาในด้านสตอเรจและการจัดการข้อมูล กล่าวว่า “เราทำการศึกษาในปี พ.ศ. 2549 และพบว่าร้อยละ 55 ของผู้ใช้สตอเรจปล่อยให้ความจุของสตอเรจว่างไว้โดยไม่ใช้งานถึงร้อยละ 30-50”

เช่นเดียวกับเทคโนโลยี Thin Provisioning ซอฟต์แวร์ DCM ช่วยให้ลูกค้าใช้ความจุที่มีได้มากขึ้นกว่าเดิมถึง 2 เท่า และชะลอความจำเป็นในการซื้อฮาร์ดไดร์ฟมาเพิ่ม ซอฟต์แวร์ DCM นี้ใช้ตัวลดพื้นที่ความจุตัวใหม่ Virtual Disk Service (VDS) ที่อยู่ใน Microsoft Windows® Server 2008 จึงทำให้สามารถดูแลระดับการใช้พื้นที่ความจุของสตอเรจได้อย่างต่อเนื่องและปรับเพิ่มหรือลดปริมาณความจุของโฮสต์ให้เข้ากับแอพพลิเคชั่นที่ข้อมูลนั้นๆ ต้องการได้อย่างอัตโนมัติ ดังนั้นจึงเป็นการลดภาระในการบริหารจัดการสตอเรจดังที่เป็นอยู่และช่วยลดพื้นที่ความจุของสตอเรจที่ปล่อยไว้ว่างเปล่าได้อย่างแท้จริง

นอกจากนั้น ผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks XP Thin Provisioning ช่วยให้ใช้พื้นที่หน่วยจัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์ได้มากขึ้น ด้วยการปรับจำนวนเนื้อที่ของหน่วยจัดเก็บข้อมูลแบบดิสก์ที่ใช้ให้เข้ากับแอพพลิเคชั่นต่างๆ อย่างอัตโนมัติ องค์กรด้านไอทีจึงไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมหน่วยจัดเก็บข้อมูลให้มากเกินความจำเป็นตั้งแต่ช่วงแรกของโครงการ แต่สามารถเริ่มต้นด้วยการใช้สตอเรจที่มีพื้นที่จัดเก็บในปริมาณที่ต้องการ และปล่อยให้พื้นที่นั้นเปลี่ยนแปลงเพิ่มขยายในภายหลัง

การใช้เทปก็มีประสิทธิภาพเช่นกัน
เทปยังคงเป็นเทคโนโลยีด้านสตอเรจสำหรับการเก็บรักษาข้อมูลในระยะยาวที่ประหยัดพลังงานได้สูงสุด(3) เพราะไม่ต้องใช้พลังงานไฟฟ้าและไม่ต้องการระบบระบายความร้อน แต่สามารถรักษาข้อมูลได้นานถึง 30 ปี เทปยุคใหม่ล่าสุดจากเอชพีรุ่น HP Ultrium และ DAT ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีค่าใช้จ่ายต่อเทระไบต์ต่ำสุด และสามารถทนทานต่อสภาพอากาศที่รุนแรงแตกต่างที่สุดในโลกได้

เทปไดร์ฟ HP StorageWorks LTO-4 Ultrium 1840 มอบประสิทธิภาพการทำงานที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าระดับกลางและระดับองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมความเร็วสูงสุด และความปลอดภัยระดับสุดยอดสำหรับการสำรองข้อมูล โดยการใช้พลังงานไฟฟ้าต่อกิกะไบต์น้อยลงถึงร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า(4) เทคโนโลยี LTO-4 และ Advanced Encryption Standard (AES) ที่เป็นการแปลงข้อมูลให้เป็นรหัสลับแบบ 256 บิต ช่วยปกป้องข้อมูลให้ปลอดภัยจากการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต หากตัวม้วนเทปสูญหายหรือถูกขโมยระหว่างการเก็บหรือเคลื่อนย้ายออกนอกระบบ

เทปไดร์ฟ LTO-4 Ultrium 1840 แตกต่างจากเทปไดร์ฟอื่นๆ ของคู่แข่ง เพราะมีซอฟต์แวร์เอดิชั่น HP Data Protector Express Single Server และมีการรองรับการแปลงข้อมูลเป็นรหัสลับของฮาร์ดแวร์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เทปไดร์ฟ LTO-4 Ultrium 1840 นี้ยังรวมอยู่ใน HP StorageWorks MSL, EML และ ESL E-Series Tape Libraries

ผลิตภัณฑ์ HP Ultrium 448c Tape Blade เป็นสตอเรจเบลดชนิด half-height tape ตัวใหม่ที่ทำหน้าที่ปกป้องข้อมูลให้กับเซิร์ฟเวอร์ HP BladeSystem c-Class และสตอเรจเบลด มีความเหมาะสมเป็นอย่างยิ่งสำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ทำการเชื่อมต่อเข้ากับระบบ Storage Area Network หรือ SAN เพราะเทปเบลด Ultrium 448c ปกป้องข้อมูลแบบต่อตรงให้กับเซิร์ฟเวอร์เบลดรุ่น c-Class ทั้งแบบ half-height และ full-height และใช้โหมดประหยัดพลังงาน HP Dynamic Power Saving เพื่อลดความต้องการใช้ไฟฟ้าได้มากถึงร้อยละ 22(5) นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ HP Ultrium 448c Tape Blade ยังรองรับระบบการกู้คืนข้อมูล HP One-Button Disaster Recovery ที่ช่วยให้ระบบปฏิบัติการสามารถกู้คืนข้อมูลอย่างรวดเร็ว และยังรองรับแอพพลิเคชั่น และข้อมูลจากการสำรองข้อมูลครั้งล่าสุดเมื่อเกิดความล้มเหลวของฮาร์ดไดร์ฟ

เทปไดร์ฟ HP StorageWorks DAT 160 มอบความคุ้มค่าของราคาและศักยภาพการทำงานสำหรับธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม นอกจากนี้ยังใช้พลังงานไฟฟ้าต่อกิกะไบต์น้อยกว่าเทปไดร์ฟประเภท DAT รุ่นอื่นๆ ก่อนหน้า เทปไดร์ฟ HP StorageWorks DAT 160 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้งานร่วมกับเซิร์ฟเวอร์ HP ProLiant 100 และ 300 series และมาพร้อมกับอินเตอร์เฟซ 2 แบบให้เลือกคือ SCSI หรือ USB เทปไดร์ฟ HP StorageWorks DAT 160 สามารถสำรองข้อมูลด้วยความเร็วถึง 50 กิกะไบต์ต่อชั่วโมง และยังมีความจุมากถึง 160 กิกะไบต์ภายใน 1 ม้วนเทป ซึ่งเป็นศักยภาพการทำงานที่ยอดเยี่ยมและเป็นปริมาณความจุที่มากกว่าไดร์ฟประเภท DAT รุ่นอื่นๆ ที่มีในท้องตลาดถึง 2 เท่า

นวัตกรรม HP Smart Data Center
นวัตกรรมทางด้านระบบคอมพิวเตอร์ที่ประหยัดพลังงานของเอชพีได้รับสิทธิบัตรมากกว่า 1,000 รายการในด้านพลังงานและระบบระบายความร้อน สามารถช่วยให้องค์กรลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและการระบายความร้อนได้อย่างเห็นได้ชัด และสามารถแก้ปัญหาด้านการใช้พลังงานได้โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการทำงาน นวัตกรรมดังกล่าวของเอชพีประกอบด้วย

HP Power Regulator: นวัตกรรมด้านการลดการใช้พลังงานโดยการควบคุมความถี่ของ CPU เมื่อไม่จำเป็นต้องใช้ประสิทธิภาพการทำงานที่เต็มที่

HP Modular Cooling System: ระบบที่ใช้เทคโนโลยีของน้ำเย็นมาช่วยในการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อนถึง 3 เท่าตัวภายใน 1 แรคได้สูงถึง 30 กิโลวัตต์ สอดคล้องกับความต้องการด้านการระบายความร้อนของเกือบทุกๆ แรค ระบบ Modular Cooling System ช่วยระบายความร้อนออกจากเครื่องเซิร์ฟเวอร์และเบลดที่มีการใช้งานอย่างหนาแน่นได้ ซึ่งจะทำให้สามารถใช้งานศูนย์ดาต้าเซ็นเตอร์ได้มากขึ้น

HP Thermal Logic: เป็นนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่มีอยู่ใน HP BladeSystem c-Class รุ่นใหม่ เทคโนโลยีนี้ช่วยควบคุมความสมดุลระหว่างการใช้พลังงานและการระบายความร้อนเพื่อให้เกิดการใช้พลังงานอย่างประหยัดทั้งที่อุปกรณ์ต่างๆ และชั้นวางแรค

HP Dynamic Smart Cooling: เทคโนโลยีที่สามารถลดค่าใช้จ่ายในการระบายความร้อนได้ร้อยละ 20 ถึง 45 และผู้ใช้สามารถติดตั้งอุปกรณ์เสริมต่างๆ เพิ่มขึ้นในศูนย์ดาต้าเช็นเตอร์ได้ และยังสามารถควบคุมรายจ่ายด้านพลังงานให้คงที่ได้ในขณะเดียวกัน ระบบของเอชพีใช้ซอฟต์แวร์ที่อยู่ในโหนดการควบคุมอัจฉริยะ (intelligent control node) เพื่อปรับการตั้งค่าของเครื่องปรับอากาศได้อย่างต่อเนื่องตามการวัดอุณหภูมิแบบ real-time จากเครือข่ายของตัวเซนเซอร์ที่ใช้ในแรค ระบบ Dynamic Smart Cooling สามารถจัดการกับสภาพแวดล้อมได้อย่างทันท่วงทีเพื่อให้ความเย็นกับบริเวณที่ต้องการมากที่สุด ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ HP StorageWorks ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สามารถหาเพิ่มเติมได้ที่ www.hp.com/go/GreenStorageและสามารถเข้าอ่านข่าวประชาสัมพันธ์ได้ที่ www.hp.com/go/hpvegasevents2007media

ข้อมูลเกี่ยวกับเอชพี
เอชพีมุ่งมั่นสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ใช้งานง่าย สำหรับลูกค้าในทุกระดับ นับตั้งแต่ผู้บริโภคระดับคอนซูเมอร์ไปจนถึงองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ ด้วยสายผลิตภัณฑ์ซึ่งครอบคลุมถึงด้านโซลูชั่นภาพและการพิมพ์ คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล ซอฟต์แวร์ บริการ และโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที ทำให้เอชพีเป็นหนึ่งในบริษัทด้านไอทีที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2550 เอชพีมีรายได้รวมนับจาก 4 ไตรมาสทั้งสิ้น 100.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เอชพี สามารถเข้าชมได้ที่www.hp.com