เอสเอพีเปิดตัว 2 โซลูชั่นใหม่สำหรับตลาดเอสเอ็มอี ซึ่งพัฒนาขึ้นสำหรับการใช้งานในประเทศไทยโดยเฉพาะ รองรับองค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ต้องการนำมาใช้ในการวางแผนทรัพยากรระดับองค์กร (Enterprise Resource Planning : ERP)
เอสเอพี สำหรับเอสเอ็มอี คือ แพคเกจแอพพลิเคชั่นสำเร็จรูปสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ได้รับการออกแบบและพัฒนาให้สอดคล้องกับความต้องการใช้งานในประเทศไทย สามารถใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว เต็มเปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ รวบรวมทุกโซลูชั่นที่องค์กรธุรกิจของไทยต้องการ ได้แก่ แผนผังแสดงรายการบัญชีประเภทต่างๆ ระเบียบด้านภาษี อาทิ ภาษีมูลค่าเพิ่ม และกฎ ระเบียบต่างๆ รวมถึงการจัดการด้านการขาย จัดซื้อ สินค้าคงคลัง ไม่เว้นแต่ระบบการดูแลลูกค้าสัมพันธ์ ดังนั้นด้วยกระบวนการทำงานแบบเป็นขั้นตอนซึ่งได้รับการยอมรับ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดความชัดเจนของขอบเขตการทำงาน และลดความเสี่ยงได้อย่างดี
คุณภัทร ยงวณิชย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอพี ประเทศไทย กล่าวถึงโซลูชั่นเอสเอพีว่า “เป็นโซลูชั่นสำเร็จรูปที่จัดทำขึ้นเพื่อให้องค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็กของไทยสามารถนำไปใช้งานได้ง่าย รวดเร็ว และคล่องตัวมากขึ้น โดยมีราคาที่สามารถเป็นเจ้าของได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ทั้งนี้เอสเอพีได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางด้านช่องทางการจำหน่าย ได้พัฒนาชุดแอพพลิเคชั่น เอสเอพี บิสิเนส ออล-อิน-วัน (SAP Business All-in-One) และเอสเอพี บิสิเนส วัน (SAP Business One) เปิดโอกาสให้ธุรกิจเอสเอ็มอีได้มีลู่ทางใหม่ๆ ในการขยายธุรกิจของตนให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง”
“บริษัทมั่นใจว่า โซลูชั่นเอสเอพีจะได้รับการตอบรับที่ดีจากองค์กรธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่ต้องการขยายการดำเนินงานในตลาดไทย และต้องการปรับปรุงการดำเนินธุรกิจของตนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไม่ต้องกังวลกับความยุ่งยากในการใช้ระบบที่มีขนาดใหญ่และซับซ้อน พันธมิตรของเอสเอพีสามารถตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะด้านของลูกค้าหรืออุตสาหกรรมต่างๆ โดยเสนอทางเลือกที่ได้รับการออกแบบให้สามารถตอบความต้องการในการใช้งานด้านต่างๆ ได้อย่างลงตัว และใช้งานได้ง่ายมากขึ้น ส่งผลให้องค์กรธุรกิจ
ขนาดกลางและเล็กหรือเอสเอ็มอีสามารถใช้โซลูชั่นอีอาร์พีได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทั้งยังลดความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจและประหยัดต้นทุนในการดำเนินงานทั้งหมด” คุณภัทร กล่าวเสริม
โซลูชั่นสำเร็จรูปของเอสเอพีสำหรับธุรกิจเอสเอ็มอี มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ได้แก่
• ระบุขั้นตอนการวางระบบอย่างละเอียดและเป็นขั้นตอน
• มีเอกสารเกี่ยวกับการประเมินขอบเขตการใช้งาน ทีมงาน และการฝึกอบรมการใช้งานอย่างครบถ้วน
และพร้อมนำมาใช้อ้างอิงได้
• มีการตั้งค่าระบบล่วงหน้าอย่างสมบูรณ์ พร้อมทั้งระบุขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อนำมาใช้ในกระบวนการทำงานสำคัญต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์
เอสเอพีได้บุกตลาดโดยทำงานร่วมกับบริษัทคู่ค้าหรือกลุ่มพันธมิตรที่เรียกว่า SAP Channel Partners เพื่อที่จะสามารถตอบสนองและบริการลูกค้าได้ทุกประเภทอุตสาหกรรม โดยที่เอสเอพีและกลุ่มพันธมิตรจะจำหน่ายโซลูชั่นดังกล่าวให้แก่ลูกค้าโดยตรง ภายใต้กลยุทธ์การตลาดแบบผสมผสานเจาะธุรกิจขนาดกลางและเล็ก
กลุ่มพันธมิตรของเอสเอพีได้ให้การต้อนรับโซลูชั่นเอสเอ็มอีที่ออกแบบให้เข้ากับการใช้งานของธุรกิจในไทยเป็นอย่างดี เนื่องจากช่วยลดต้นทุนในการปฏิบัติการ ช่วยให้ลูกค้ามีต้นทุนที่ลดลง “แนวทางการทำงานดังกล่าวช่วยลดภาระของพันธมิตรในการพัฒนาและค่าติดตั้งระบบซอฟท์แวร์ ทั้งยังทำให้บริษัทพันธมิตรสามารถส่งมอบโซลูชั่นซอฟท์แวร์ที่มีประสิทธิภาพและมีราคาที่เหมาะสมให้แก่ธุรกิจขนาดกลางและเล็กได้อย่างรวดเร็ว” คุณภัทรกล่าวทิ้งท้าย
จากการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้าและพันธมิตรของเอสเอพีในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก (รวมทั้งนิวซีแลนด์)
ล่าสุด พบว่า การใช้โซลูชั่นเอสเอ็มอีก่อให้เกิดผลดีดังนี้
• ลดการใช้ทรัพยากรของลูกค้าและการให้คำปรึกษาด้านการใช้งานได้ถึง 50%
• ย่นระยะเวลาในการดำเนินการ 32%
• ประหยัดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 3.5 –3.8 ล้านบาท (สำหรับกลุ่มธุรกิจเอสเอพี บิสิเนส ออล-อิน-วัน) และประมาณ 600,000 – 700,000 บาท (สำหรับธุรกิจเอสเอพี บิสิเนส วัน)
เกี่ยวกับบริษัท เอสเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด
บริษัท เอสเอพี (ไทยแลนด์) จำกัด ได้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1995 ในปัจจุบัน SAP Thailand มีลูกค้าในประเทศไทย มากกว่า 250 ราย หรือมากกว่า 750 installations ซึ่งเป็นลูกค้าทั้งในหน่วยงานราชการ, รัฐวิสาหกิจ, เอกชน, องค์กรต่างประเทศ ระบบงานของ
เอสเอพี นั้นได้ถูกจัดทำขึ้น ให้สามารถรองรับกฎหมายของประเทศไทยและนอกจากนี้ยังสนับสนุนการทำงานเป็นภาษาไทยด้วย เช่นเดียวกัน โดยที่ระบบงานของ SAP นั้นยังสามารถรองรับการทำงานขององค์กรได้ทั้งขนาดใหญ่ กลางและย่อม หากท่าน ต้องการติดต่อสอบถามหรือต้องการ ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโซลูชั่นของทาง SAP ท่านสามารถติดต่อได้ที่ SAP Thailand Ltd.
ชั้น 9 อาคารลิเบอร์ตี้-สแควร์ ถนนสีลม บางรัก กทม. Tel: (662) 631 1800; Fax: (662) 631 1818; e-mail: [email protected]
