นายวีรวัฒน์ ขอไพบูลย์ กรรมการ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด กล่าวถึงผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2550 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1,049.70 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้น 27.17% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 83.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนถึง 225.58% ขณะที่รายได้ในงวด 9 เดือนปี 50 บริษัทมีรายได้รวมทั้งสิ้น 3,280.99 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้นกว่า 26.85 % จากช่วงเดียวกันเดียวกันของปี 49 และมีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 172.94 ล้านบาท เพิ่มสูงขึ้น 76.87%
“จากผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2550 ถือว่าบริษัทฯ สามารถขยายตัวได้ดีกว่าเป้าที่วางไว้ ทั้งนี้มีปัจจัยสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในตลาดต่างประเทศ และการปรับราคาขายเพื่อชดเชยต้นทุนวัตถุดิบ อีกทั้งความสำเร็จจากการบริหารจัดการต้นทุนและความสามารถในการรักษาส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดในประเทศที่มากกว่า 35% รวมถึงความสำเร็จจากการขยายฐานลูกค้าในต่างประเทศ ซึ่งในไตรมาสที่ผ่านมามีการเพิ่มขึ้นของยอดขายในตลาดต่างประเทศกว่า 56.43% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน” นายวีรวัฒน์ กล่าว
ทั้งนี้ในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯสามารถทำยอดขายในตลาดต่างประเทศได้สูงถึง 709.18 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า 56.43% จากปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายในผลิตภัณฑ์ประเภทต่างๆ โดยเฉพาะแบตเตอรี่รถยนต์ ซึ่งถือเป็นสินค้าส่งออกอันดับหนึ่งของบริษัทฯ รวมถึงแบตเตอรี่โซลาร์เซลล์ แบตเตอรี่สำหรับรถโฟล์คลิฟต์ และแบตเตอรี่สำหรับรถไฟฟ้า เป็นต้น ประกอบกับความได้เปรียบทางด้านราคาและมาตรฐานคุณภาพของผลิตภัณฑ์ ที่ได้รับการยอมรับจากเหล่าลูกค้านานาชาติ ซึ่งในปัจจุบัน แบตเตอรี่ 3เค ส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศแล้วกว่า 50 ประเทศทั่วโลก อาทิ ตะวันออกกลาง แอฟริกา อินโดจีน ไต้หวัน ญี่ปุ่น ยุโรป อเมริกา และทวีปออสเตรเลีย
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้ารายได้ในปี 2550 ไว้กว่า 4,100 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโต 10% จากปี 2549 โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการรุกขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ด้วยกลยุทธ์การขยายจำนวนตัวแทนจำหน่าย และกลยุทธ์การสร้างแบรนด์อย่างต่อเนื่อง ผ่านร้าน 3K Shop ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 170 สาขาทั่วประเทศ รวมถึงการสร้างแบรนด์ผ่านกิจกรรมทางการตลาด และโปรโมชั่นต่างๆ ด้วยแคมเปญเพื่อสิทธิประโยชน์แก่ลูกค้า 3เค แบตเตอรี่ อาทิ 3K Roadside Assistance บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ สำหรับแบตเตอรี่รถยนต์ทุกรุ่น เป็นต้น โดยกลยุทธ์แผนการตลาดในประเทศช่วงครึ่งปีหลัง จะเน้นที่การจัดกิจกรรมทางการตลาดและโปรโมชั่นต่างๆ รวมถึงมีการตั้งงบการตลาด เพื่อการซื้อสื่อโฆษณาเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
“บริษัทฯ มีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าผลประกอบการปี 2550 จะมีอัตราการเติบโตตามเป้าที่วางไว้ โดยมีปัจจัยสำคัญมาจากการเพิ่มขึ้นของยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งในปัจจุบัน 3เค แบตเตอรี่ ถือเป็นผู้นำอันดับหนึ่งของตลาดแบตเตอรี่เมืองไทย ประกอบกับความแข็งแกร่งของแบรนด์ และการเป็นผู้นำในการสร้างสรรค์กิจกรรมทางการตลาด และโปรโมชั่นต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการขยายตัว และการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าที่อยู่ภายใต้แบรนด์ 3เค แบตเตอรี่ให้โดดเด่น ซึ่งทั้งหมดนี้จะส่งผลให้ภาพรวมรายได้ในปี 2550 เติบโตตามที่คาดการณ์ไว้ไม่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์” นายวีรวัฒน์ กล่าวในตอนท้าย
อนึ่ง บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายแบตเตอรี่ ภายใต้ชื่อ 3เค แบตเตอรี่ ประกอบด้วยบริษัทในเครือที่ครบวงจรเพื่อสนับสนุนธุรกิจโดยรวมของบริษัท ได้แก่ บริษัท ผลิตภัณฑ์ 3เค จำกัด ดำเนินธุรกิจเป็นตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่รถกอล์ฟ แบตเตอรี่เพื่อแสงสว่างและแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ บริษัท ไทยนันเฟอรัส เมทัล จำกัด ผู้ประกอบกิจการหลอมตะกั่วผสม ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการใช้ผลิตแบตเตอรี่ พร้อมด้วยบริษัทร่วม คือ บริษัท ไทยสโตเรจ แบตเตอรี่ เจแปน จำกัด บริษัทจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใน ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดูแลการจำหน่ายแบตเตอรี่รถยนต์ทั่วไป และแบตเตอรี่เพื่ออุตสาหกรรม รวมทั้งให้บริการหลังการขาย และให้ความรู้แก่ตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค รวมถึงการส่งเสริมการจำหน่าย สินค้าของ 3เค ในตลาดประเทศญี่ปุ่น