มร. เควิน แมคควิลิน ผู้จัดการประจำประเทศไทย กัมพูชาและเวียตนาม สายการบินแควนตัส และ บริติชแอร์เวย์ ที่ได้รับการแต่งตั้งคนล่าสุด ประกาศเปิดตัวคลับเวิลด์ใหม่ (ชั้นโดยสารธุรกิจ) โดยชั้นคลับเวิลด์ใหม่นี้จะเปิดให้บริการทุกวันบนเที่ยวบินของบริติช แอร์เวย์เส้นทางไปกลับระหว่าง กรุงเทพฯ-ลอนดอน และกรุงเทพฯ-ซิดนีย์
สายการบินบริติชแอร์เวย์ได้ใช้ลงทุนกว่า 6.5 พันล้านบาทเพื่อเนรมิตคลับเวิลด์ใหม่ให้สามารถตอบสนองทุกความต้องการของผู้โดยสาร ในทุกช่วงเวลา ทั้งก่อนเครื่องขึ้น ระหว่างการเดินทางและหลังเครื่องลง
การปรับโฉมคลับเวิลด์ใหม่นี้มีจำนวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องรวมกันเกือบ 2,000 คนนับตั้งแต่ วิศวกร ซับพลายเออร์ นักออกแบบ ตลอดจนลูกค้า เริ่มจากแนวความคิดสู่การออกแบบไปจนถึงการผลิตจริง ซึ่งทุกรายละเอียดของคลับเวิลด์ใหม่นี้ล้วนเป็นไปตามมาตรฐานสูงสุดของบริติช แอร์เวย์ในการมอบความสะดวกสบาย ความเป็นส่วนตัว และเทคโนโลยี ตั้งแต่ครั้งที่บริติข แอร์เวย์ได้นำเสนอเตียงนอนแบบปรับนอนราบในชั้นธุรกิจในปี 2543 จนถึงปัจจุบัน บริติช แอร์เวย์ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อคงตำแหน่งความเป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่ๆให้แก่อุตสาหกรรมการบิน
นอกเหนือจากการเพิ่มความกว้างของที่นั่งถึงร้อยละ 25 จากความกว้างที่ 6 ฟุต บริติช แอร์เวย์ยังได้แนะนำการปรับที่นั่งแบบตัว Z ซึ่งเป็นตำแหน่งการปรับที่มีประสิทธิภาพสูงและช่วยในการรองรับเข่าและหลังได้เป็นอย่างดี โดยตำแหน่ง Z เป็นการค้นพบโดยนักวิทยาศาสตร์ขององค์การนาซ่าเพื่อให้ได้ตำแหน่งของร่างกายที่ใกล้เคียงกับเมื่ออยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วง และยังสามารถขยายความยาวของที่นั่งเพิ่มขึ้นเป็น 6 ฟุต 6 นิ้ว โดยการออกแบบที่คำนึงถึงทุกรายละเอียดนี้มีขึ้นเพื่อมอบสร้างประสบการณ์การพักผ่อนอย่างเต็มที่ให้แก่ผู้โดยสารของบริติช แอร์เวย์ทุกท่าน ตลอดระยะเวลาการเดินทาง
ม่านกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัวแบบควบคุมด้วยไฟฟ้า ใช้วัสดุจากเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดที่เรียกว่า Lumisty เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวอย่างเยี่ยมยอดในทุก ๆ กิจกรรมไม่ว่าจะเป็นการนอน ทำงาน หรือแม้กระทั่งสนุกสนานกับความบันเทิงบนเครื่องที่ผ่านการอัพเกรด ในขณะเดียวกันกับที่ทางลูกเรือยังคงสามารถมอบบริการต่างๆได้อย่างเต็มที่ ผู้โดยสารสามารถเลือกชมภาพยนตร์และรายการโทรทัศน์มากกว่า 100 รายการ รวมทั้งฟังเพลงจากซีดีเพลงมากกว่า 70 แผ่น หรือสนุกสนานกับเกมส์ต่างๆกว่า 20 เกมส์ ผ่านระบบ AVOD (Audio-video-on-demand) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีล่าสุดในการควบคุมการรับชมจากบนจอด้วยปลายนิ้วสัมผัส ทำให้ผู้โดยสารหมดความกังวัลกับการมองหารีโมทคอนโทรล และสามารถเลือกรับชมในเรื่องที่ต้องการและในเวลาที่ต้องการ ได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ที่ว่างใต้ที่นั่งได้ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดด้วยการออกแบบให้เป็นลิ้นชักจัดเก็บสัมภาระสำหรับผู้โดยสารแต่ละท่านโดยเฉพาะ ซึ่งผู้โดยสารสามารถใช้เป็นที่จัดเก็บคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คได้
สำหรับผู้โดยสารที่ชอบรับประทานอาหารว่างในช่วงกลางดึกหรือระหว่างมื้ออาหาร สามารถเลือกอาหารและเครื่องดื่มที่หลากหลายได้ตามต้องการ ได้ที่ครัวคลับตลอดระยะการเดินทาง
มร.เควิน แมคควิลินเผยว่า “ผลตอบรับได้แสดงให้เห็นอย่างแน่ชัดแล้วว่าผู้โดยสารในปัจจุบันมองหาทางเลือกและการควบคุมในระหว่างการเดินทาง ดังนั้นแนวความคิดของคลับเวิลด์ใหม่นี้จึงได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของผู้โดยสาร และแน่นอนว่าผู้โดยสารจะเลือกที่ใช้บริการของเรา เพราะเหตุผลที่ว่าสินค้าและบริการเราไม่เป็นสองรองใครอย่างแน่นอน”
มร.เควินได้กล่าวถึงการเข้ารับตำแหน่งใหม่ของเขาว่า “ผมดีใจที่จะได้มาร่วมงานกับทีมงานมืออาชีพของบริติช แอร์เวย์ประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้โดยสารในประเทศไทยเมื่อการเดินทางกับบริติชแอร์เวย์”
ในห้องโดยสารคลับเวิลด์ใหม่นี้ บริติช แอร์เวย์ได้ติดตั้งที่นั่งคลับเวิลด์โฉมใหม่เพิ่มขึ้นอีก 434 ที่นั่ง ซึ่งคิดสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 8 บนทุกเที่ยวบิน และเมื่อการติดตั้งเสร็จสมบูรณ์ บริติช แอร์เวย์จะเป็นสายการบินที่มีนั่งในชั้นธุรกิจแบบปรับนอนราบได้มากกว่าสายการบินอื่น ๆ ในโลก
สายการบินบริติชแอร์เวย์
– สายการบินบริติชแอร์เวย์ให้บริการเที่ยวบินไปกลับระหว่างกรุงเทพฯ-ลอนดอน และกรุงเทพฯ-ซิดนีย์ ทั้งสิ้น 4 เที่ยวบินต่อวัน (28 เที่ยวบินต่อสัปดาห์)
– สายการบินบริติชแอร์เวย์จะเพิ่มจำนวนที่นั่งในชั้นคลับเวิลด์บนเส้นทางระยะไกลจากจำนวน 4958 ที่นั่งเป็น 5392 ที่นั่งเพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของผู้โดยสาร
– บริติช แอร์เวย์มีที่นั่งปรับนอนราบจำนวน 5,000 ที่นั่งไปถึงจุดหมายปลายทางต่าง ๆ มากกว่า 70 แห่งทั่วโลก นับได้ว่าบริติช แอร์เวย์เป็นสายการบินที่มีที่นั่งแบบปรับนอนราบที่บินไปยังจุดหมายปลายทางต่าง ๆ มากกว่าสายการบินอื่น ๆ
– บริติช แอร์เวย์จะทำการติดตั้งที่นั่งชั้นคลับเวิลด์ใหม่นี้บนเครื่องบินโบอิ้ง 747 จำนวน 57 ลำ และโบอิ้ง 777 จำนวน 43 ลำ โดยจะติดตั้งแล้วเสร็จบนทุกเที่ยวบินในปี 2551