ธนาคารไทยพาณิชย์สรุปผลปี 2550 เติบโตต่อเนื่อง กำไรเพิ่ม 31%

ธนาคารไทยพาณิชย์ เผยผลประกอบการเบื้องต้นของธนาคารและบริษัทย่อย (งบการเงินรวม) ประจำปี 2550 ที่สรุปผลกำไรสุทธิ 17,356 ล้านบาท สูงขึ้น 31% เมื่อเทียบกับผลกำไร 13,286 ล้านบาทในปี 2549

ปัจจัยขับเคลื่อนหลักของผลประกอบการในปี 2550 ได้แก่การเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิ (สูงขึ้น 20.3%) รายได้ค่าธรรมเนียมจากบริการต่างๆของธนาคาร (สูงขึ้น 15.2%) และความสำเร็จในการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ที่ลดลงเหลือ 6.1% เมื่อเทียบกับ 7.9% ในปี 2549

ด้วยผลกำไรสุทธิ 17,356 ล้านบาท ทำให้ปี 2550 เป็นปีที่ 5 ติดต่อกันที่ธนาคารสร้างผลกำไรในระดับสูง เป็นการตอกย้ำถึงการเติบโตที่ต่อเนื่องและศักยภาพที่จะเจริญเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไปในอนาคต

นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่: กล่าวถึงสามปัจจัยหลักที่ผลักดันผลประกอบการที่ดีในปี 2550 ว่า “ปัจจัยประการแรก มาจากการเติบโตของรายได้จากดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิที่เติบโตขึ้น 20.3% อันเป็นผลมาจากการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมที่เติบโตขึ้น 16.1% เมื่อเทียบกับปี 2549 โดยองค์ประกอบหลักของการเติบโตของสินเชื่อโดยรวมในปี 2550 มาจากการเติบโตของสินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เพิ่มขึ้นถึง 38.5% สินเชื่อลูกค้าธุรกิจขนาดใหญ่เพิ่มขึ้น 12.8% สินเชื่อเคหะที่เติบโต 6.9% และ สินเชื่อการเช่าซื้อรถยนต์เติบโตขึ้น 43.7%”

“สำหรับปัจจัยขับเคลื่อนประการที่สอง ได้แก่ การเติบโตของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยที่เติบโตขึ้น 15.2% จากปีที่แล้ว อันเกิดจากผลิตภัณฑ์และบริการของธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทในเครือ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การดำเนินงานที่ตั้งไว้เป็นอย่างดี”

“การจัดการบริหารสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) อย่างมีประสิทธิภาพ ถือเป็นปัจจัยขับเคลื่อนประการที่สาม ธนาคารสามารถลดสัดส่วนของ สินเชื่อด้อยคุณภาพ (Gross NPL) ลงมาอยู่ที่ระดับ 6.1% ในปี 2550 ทั้งนี้ด้วยกลยุทธ์การบริหารจัดการ NPL เดิมอย่างถูกต้อง การควบคุม NPL ใหม่ให้อยู่ในระดับที่สามารถจัดการได้ การขาย NPL และ NPA มูลค่ากว่าหมื่นล้านบาทที่ประสบความสำเร็จในช่วงปลาย ไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 ของปี 2550”

ดร. วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร กล่าวถึงภาพรวมของการดำเนินงานเพิ่มเติมว่า “นอกเหนือจากผลกำไรที่ดียั่งยืนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 ติดต่อกันแล้ว ในปี 2550 ธนาคารไทยพาณิชย์มีมูลค่าตลาดรวม (Market Capitalization) สูงเป็นอันดับหนึ่ง มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่เป็นอันดับ 3 โดยมีเครือข่ายสาขาและเอทีเอ็มมากที่สุดในประเทศ รากฐานแข็งแกร่งที่ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดหลายปีที่ผ่านมาเหล่านี้ ชี้ได้ว่าธนาคารมีความพร้อมในการแข่งขันและการขยายธุรกิจในปี 2551 และต่อๆไปด้วยความสำเร็จที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน”