มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ชูกลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง ดึงครอบครัว “โกสิยพงษ์” พรีเซนเตอร์

มิตซูบิชิ อีเล็คทริค เผยกลยุทธ์รุกตลาดปี 2551 ด้วยมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง โดยดึงศิลปินดัง บอย โกสิยพงษ์ และครอบครัว ร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ หวังตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์คุณภาพ พร้อมตั้งเป้าขยายฐานรายได้อีก 7 – 8 เปอร์เซ็นต์

นายประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวถึงภาพรวมตลาดสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าในปี 2551 ว่ามีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่โดดเด่น เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งความต้องการของตลาดลดลงเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ผู้บริโภคส่วนใหญ่ไม่กล้าตัดสินใจซื้อสินค้า แต่กลุ่มลูกค้าระดับบนยังคงมีกำลังซื้ออยู่ ทำให้สินค้าของมิตซูบิชิ อีเล็คทริคยังคงขายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ในด้านการแข่งขันในปีที่ผ่านมา สภาพการตัดราคาสินค้าแข่งขันมีน้อยลง เนื่องจากภาวะต้นทุนเพิ่มขึ้น ทำให้หลายบริษัทฯ ใช้งบประมาณในการส่งเสริมการตลาดลดน้อยลงไป ดังนั้นภารกิจหลักของบริษัทฯ ในปี 2551 นี้ จะยังคงเน้นที่การรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดที่มีอยู่ มากกว่าจะเร่งเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด

“ความต้องการของตลาดสำหรับเครื่องปรับอากาศ และอัตราการเติบโตในปีที่ผ่านมาในปี 2550 อยู่ที่ประมาณ 550,000 เครื่อง มีอัตราการเติบโต 5-6 เปอร์เซ็นต์ และในปี 2551 ความต้องการของตลาดน่าจะอยู่เพิ่มขึ้นมาที่ 590,000 เครื่อง หรือมีอัตราการเติบโต 6-7 เปอร์เซ็นต์”

สำหรับสินค้าที่ทำรายได้ให้กับบริษัทฯ มากที่สุดในปีที่ผ่านมา ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ ซึ่งมีสัดส่วนการขายถึง 56 เปอร์เซ็นต์ ของยอดขายสินค้าทั้งหมด รองลงมาคือ ตู้เย็น มีสัดส่วนการขายอยู่ที่ 21 เปอร์เซ็นต์ อันดับที่สามได้แก่ พัดลม มีสัดส่วนการขาย 7 เปอร์เซ็นต์ พัดลมระบายอากาศ มีสัดส่วนการขาย 2 เปอร์เซ็นต์ และปั๊มน้ำ สัดส่วนการขาย 10 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นเป็นสินค้าให้หมวดอื่นๆ เช่น โปรเจคเตอร์ มีสัดส่วนการขาย 4 เปอร์เซ็นต์

“สำหรับเป้ารายได้ในปี 2551 บริษัทฯ มองว่าน่าจะเติบโตขึ้นจากปีก่อน 7 – 8 เปอร์เซ็นต์ หรืออยู่ที่ 7,650 ล้านบาท เมื่อเทียบกับ 7,100 ล้านบาท ในปี 2550 โดยสินค้าหลักที่บริษัทฯ ให้ความสำคัญยังคงเป็นเครื่องปรับอากาศและตู้เย็น”
“ในสินค้าเครื่องปรับอากาศ บริษัทฯ ตั้งเป้าที่จะเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาดขึ้นอีก จากเดิม 27.2 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2550 เป็น 28 เปอร์เซ็นต์ และคาดว่าจะทำยอดขายเพิ่มขึ้นได้ 7 เปอร์เซ็นต์ ส่วนสินค้าตู้เย็น บริษัทฯ คาดว่าจะเห็นยอดขายเติบโตขึ้นราว 7 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกัน โดยมีเป้าหมายอยู่ที่การรักษาสัดส่วนทางการตลาด 23 เปอร์เซ็นต์ เท่ากับเมื่อปี 2550 สินค้าพัดลม คาดว่ายอดขายเติบโตขึ้นเป็น 4 เปอร์เซ็นต์ โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 25 เปอร์เซ็นต์ ในส่วนสินค้าพัดลมระบายอากาศ คาดว่ายอดขายเติบโตขึ้น 3 เปอร์เซ็นต์ และมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 46 เปอร์เซ็นต์ และปั๊มน้ำ ซึ่งคาดว่าจะทำยอดขายเติบโตขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ และครองส่วนแบ่งการตลาดได้ 50 เปอร์เซ็นต์” นายประพนธ์ กล่าวต่อ

“สำหรับสินค้าโปรเจ็คเตอร์ ซึ่งเป็นสินค้าน้องใหม่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริคเพิ่งจะเริ่มรุกตลาดนี้ได้ไม่นาน แต่กลับทำยอดขายเติบโตได้อย่างน่าพอใจ คืออยู่ที่ 20 เปอร์เซ็นต์ และอย่างที่เห็น ภายใต้สภาพเศรษฐกิจที่เรียกได้ว่า แทบจะหยุดนิ่งนั้น สินค้าในทุกประเภทของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ยังคงสามารถขายได้และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในสัดส่วนที่เทียบเท่าหรือมากกว่าสัดส่วนการขยายตัวโดยรวมของตลาด” นายประพนธ์ กล่าวต่อ

“ทางบริษัทฯ ได้จัดเตรียมงบประมาณด้านการตลาดในส่วนโฆษณาและส่งเสริมการขายในปี 2551 ไว้ที่ประมาณ 700 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะใช้ในมิวสิค มาร์เก็ตติ้ง ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดใหม่ที่เราจะใช้บุกตลาดในปีนี้ เพื่อสร้างการจดจำแบรนด์ได้อย่างแม่นยำ และตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ว่าเป็นแบรนด์คุณภาพ พร้อมกับเจาะเข้าไปยังกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ ซึ่งให้ความสนใจในเรื่องคุณภาพชีวิต และสุขภาพมากขึ้น” นายประพนธ์กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมีเครือข่ายตัวแทนจำหน่ายมากกว่า 400 รายทั่วประเทศ และยังมี MEQ Shop อีก 30 ร้าน ซึ่งเป็นร้านที่เน้นจำหน่ายสินค้าของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ทำให้สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วประเทศอย่างทั่วถึง

นายอนันต์ บรรเจิดธรรม กรรมการและผู้จัดการทั่วไป ส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้งว่า ทางบริษัทฯ ได้นำเพลงเข้ามาใช้เพื่อกระตุ้นการรับรู้และจดจำภาพลักษณ์แบรนด์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค รวมถึงตัวสินค้ามากขึ้น ทั้งยังสามารถเจาะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าใหม่ได้ง่ายขึ้น โดยคอนเซ็ปต์ที่ทางบริษัทฯ ต้องการนำเสนอไปสู่ผู้บริโภคก็คือคำว่า “ขอบคุณ” ซึ่งหมายถึงการขอบคุณคนที่ห่วงใยเรา รักเรา เอาใจใส่ความทุกข์สุขของเรา ซึ่งมิตซูบิชิ อีเล็คทริคเป็นเสมือนตัวแทนของการแสดงความห่วงใยถึงคนที่เรารัก

“ปัจจัยสำคัญที่ทำให้กลยุทธ์นี้ประสบความสำเร็จได้นั้น ก็คือตัวเพลง ที่สามารถสื่อถึงคุณค่าที่มิตซูบิชิ อีเล็คทริคต้องการนำเสนอสู่ผู้บริโภค และผมเชื่อว่าในวินาทีนี้ คงไม่มีใครสามารถนำเสนอสิ่งนี้ได้ดีไปกว่าคุณชีวิน หรือคุณบอย โกสิยพงษ์ ซึ่งเป็นทั้งนักแต่งเพลงคุณภาพ ที่ขึ้นชื่อในด้านความละเมียดละไมในการสร้างสรรค์ผลงาน มีผลงานที่เป็นที่นิยมของคนหลายกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มองถึงเรื่องของคุณภาพ และยังมีภาพพจน์ที่ดีในฐานะผู้ชายที่รักครอบครัว ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ลงตัวอย่างที่สุด กับสินค้ามิตซูบิชิ อีเล็คทริค” นายอนันต์ กล่าวต่อ

“นอกจากนี้ นี่ยังเป็นครั้งแรกที่สมาชิกทุกคนของบ้านโกสิยพงษ์ของคุณบอยมาร่วมเป็นพรีเซนเตอร์ อีกทั้งเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณาของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ที่ใช้ชื่อว่า “แค่รอยยิ้ม” เป็นอีกหนึ่งผลงานคุณภาพจากการประพันธ์ของคุณบอย โดยในการอัดเสียงเพลงประกอบภาพยนตร์โฆษณานี้ มีลูกสาวคนโต น้องดีใจ ร่วมร้องด้วย ทางบริษัทฯ ได้วางแผนสื่อในการเผยแพร่เพลงและภาพยนตร์โฆษณาในสื่อหลักต่างๆ และเชื่อว่าจะได้รับความสนใจและนิยมอย่างมากโดยเร็ว“

นอกจากกลยุทธ์ทางการตลาดที่เป็นไฮไลท์ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริคแล้ว สินค้าเครื่องปรับอากาศ และตู้เย็นของบริษัทฯ ที่ออกจำหน่ายในปีนี้ ก็ยังรวบรวมนวัตกรรมอันทันสมัยที่ช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าและเพิ่มความคุ้มค่าเงินที่ใช้ไป โดยเครื่องปรับอากาศจะมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า New Move Eye และ Triple Plasma สำหรับ New Move Eye เป็นเซ็นเซอร์อินฟราเรด ตรวจจับอุณหภูมิทั้งห้องตลอดเวลา แล้วส่งลมเย็นไปยังบริเวณที่มีความร้อนก่อน พร้อมปรับให้เป็นอุณหภูมิที่เหมาะสม ทำให้รู้สึกเย็นสบายพอดี และเย็นทั่วถึงในทุกจุด เครื่องไม่ต้องทำงานหนักเกินไป จึงช่วยประหยัดพลังงาน ขณะที่ Triple Plasma เป็นระบบที่ช่วยทำให้อากาศสะอาดยิ่งขึ้น โดยเริ่มต้นที่ Plasma Enzyme Filter แผ่นฟอกอากาศเอ็นไซม์ และไฟฟ้าสถิต ทำงานผสานกับพลังงาน พลาสม่าช่วยดักจับฝุ่นละออง และสามารถยับยั้งไวรัส ไข้หวัดใหญ่ และสารก่อภูมิแพ้ นอกจากนี้ยังมี New D.S. Plasma ระบบฟอกอากาศ และกำจัดกลิ่น ประสิทธิภาพสูง เพิ่มประสิทธิภาพในการฟอกอากาศ และลดกลิ่นฟอมัลดีไฮด์ครอลคลุมพื้นที่มากขึ้น และสุดท้าย Plasma Shower ระบบทำความสะอาดอัตโนมัติ ด้วยการปล่อยโอโซน ช่วยให้เครื่องสะอาด และป้องกันการเจริญเติบโตของเชื้อรา

สำหรับตู้เย็น จุดเด่นสำหรับสินค้าในปี 2551 จะอยู่ที่รุ่นขนาด 1 ประตู ซึ่งได้รับการดีไซน์ใหม่ ในแบบ 3D Hybrid ให้เข้าได้กับทุกการออกแบบภายในห้อง นอกเหนือจากระบบซีพลัสในตู้เย็นรุ่นใหญ่ ที่ช่วยให้ช่องแช่ผักสามารถเพิ่มวิตามิน ซี และมีระบบป้องกันแบคทีเรีย ช่วยให้ผู้ใช้สบายใจในเรื่องของความสด ความสะอาดของอาหาร

“นอกจากนี้ ทางบริษัทฯ ยังได้เตรียมกิจกรรมทางการตลาดมากมายเพื่อส่งเสริมการขายตลอดปี ไม่ว่าจะเป็นงานมิตซูบิชิ อีเล็คทริค วีไอพี เซลล์ 2008 (Mitsubishi Electric VIP Sale 2008) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 26 มกราคมถึงวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ศกนี้ ณ บริเวณลานน้ำพุ ชั้น 1 ห้างสรรพสินค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ และยังมีคาราวานโร้ดโชว์ไปยังหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศในช่วงหน้าร้อน เป็นต้น” นายอนันต์ กล่าวต่อ

“เรามั่นใจว่ากลยุทธ์มิวสิค มาร์เก็ตติ้ง โดยมีคุณบอยมาร่วมถ่ายทอดคุณค่าที่มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ภูมิใจนำเสนอมาตลอด จะเป็นการนำแบรนด์และสินค้าของเราไปสู่อีกระดับหนึ่ง และสร้างความชัดเจนในเรื่องของการเป็นแบรนด์คุณภาพ ที่เน้นความสมบูรณ์แบบในการสร้างชีวิตที่ดียิ่งขึ้นของผู้บริโภค” นายอนันต์ กล่าวสรุป