กสิกรไทยจัดส่งเสริมสินเชื่อบ้านกสิกรไทยกระตุ้นยอดสินเชื่อตั้งแต่ต้นปี คิดดอกเบี้ย 0% พร้อมเลือกอยู่ฟรี 3 เดือนแรกโดยไม่ต้องผ่อนชำระ สำหรับผู้กู้ภายใน 31 มี.ค. หวังเพิ่มยอดรวมสินเชื่อบ้านทั้งปีทะลุ 1 แสนล้านบาท
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดโครงการส่งเสริมสินเชื่อบ้านกสิกรไทย เพื่อกระตุ้นยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารในปี 2551 และเป็นการลดภาระการผ่อนชำระของลูกค้า ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยในช่วงนี้ โดยผู้ที่ยื่นขอกู้ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 มีนาคมศกนี้ ธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ย 0% ใน 3 เดือนแรก หลังจากนั้นมีอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 6 แบบให้เลือก คือ
แบบที่ 1 เดือนที่ 4-12 คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.50% แบบที่ 2 เดือนที่ 4-24 คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.25% แบบที่ 3 เดือนที่ 4-36 คิดอัตราดอกเบี้ยคงที่ 5.75% แบบที่ 4 เดือนที่ 4-12 คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MLR-3.50% แบบที่ 5 เดือนที่ 4-24 คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MLR-1.75% และแบบที่ 6 เดือนที่ 4-36 คิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MLR-1.00% โดยหลังจากระยะเวลาที่กำหนดธนาคารจะคิดอัตราดอกเบี้ยลอยตัว MLR-0.25% จนครบสัญญา โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MLR ของธนาคารกสิกรไทยอยู่ที่ 6.85%
นอกจากนั้นแล้ว ลูกค้ายังสามารถเลือกรูปแบบการผ่อนชำระได้ 3 แบบ คือ แบบที่ 1 มีระยะปลอดชำระเงินต้นเป็นเวลา 3 เดือน แล้วผ่อนชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยเท่ากันทุกงวดตั้งแต่เดือนที่ 4 เป็นต้นไป แบบที่ 2 ปลอดชำระคืนเงินต้นเป็นเวลา 3 เดือน แล้วผ่อนชำระคืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยแบบขั้นบันไดตั้งแต่เดือนที่ 4 เป็นต้นไป และแบบที่ 3 ผ่อนชำระเท่ากันทุกงวดตั้งแต่เดือนแรกจนสิ้นสุดสัญญา โดยใน 3 เดือนแรกเงินงวดจะถูกนำไปตัดเงินต้นทั้งจำนวน
สำหรับเงื่อนไขการกู้ จะกู้ได้ไม่เกิน 90% ของราคาซื้อขาย และไม่เกิน 90% ของราคาประเมินหลักทรัพย์ กรณีราคาซื้อขายเกินกว่า 10 ล้านบาท ให้กู้ได้ไม่เกิน 70% ของราคาซื้อขายตามหลักเกณฑ์ของธปท. ผ่อนชำระนานที่สุด 30 ปี อีกทั้งยังสามารถกู้เพิ่มเติมในส่วนค่าเบี้ยประกันชีวิต “รวงข้าวพิทักษ์สิน-โฮม” และ ”รวงข้าวพิทักษ์สิน-แคร์” โดยไม่เพิ่มภาระการผ่อนต่อเดือน
ธนาคารกสิกรไทยตั้งเป้าปล่อยกู้สินเชื่อบ้านกสิกรไทยเพิ่มขึ้น 30,000 ล้านบาท เพิ่มจากปี 2550 ประมาณ 16-17% จากยอดสินเชื่อที่ 90,000 ล้านบาท และจะส่งผลให้ยอดสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคาร ณ สิ้นปี 2551 เกิน 100,000 ล้านบาท
