เคทีซีปลื้มผลงานปี 2550 เติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจ

เคทีซีแจงผลประกอบการสิ้นปี 2550 กำไรสุทธิพุ่ง 521 ล้านบาท รายได้รวมทะลุ 10,701 ล้านบาท เติบโตจากปีที่ผ่านมาถึง 19% และ 32% ตามลำดับ ด้วยฐานสมาชิกรวมกว่า 1.94 ล้านบัญชี ผลจากการขยายตัวของพอร์ตสมาชิกใหม่บัตรเครดิตและสินเชื่อพร้อมใช้เป็นหลัก บวกกับรายได้จากธุรกิจบัตรเครดิตสูงขึ้น เนื่องจากการคิดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มจาก 18% เป็น 20% และความสามารถในการเพิ่มรายได้รวมให้เติบโตในสัดส่วนที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งความได้เปรียบด้านเครือข่ายพันธมิตรที่ร่วมกันทำการตลาด จึงช่วยแบ่งเบาภาระต้นทุนด้านการตลาด และยังสามารถนำเสนอสิทธิพิเศษที่แตกต่างและคุ้มค่าตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างกว้างขวาง นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในรอบปีที่ผ่านมา ในอัตรา 1.20 บาท ต่อ 1 หุ้นสามัญ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.48% สำหรับกลยุทธ์การตลาดในปี 2551 จะยังคงเน้นการสร้างความแตกต่าง โดยสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์แบบแบ่งกลุ่มเซ็กเม้นท์ที่ชัดเจน ให้มีสิทธิประโยชน์กลับสู่ลูกค้ากลุ่มนั้นๆ มากที่สุด และใช้ฐานสมาชิกขนาดใหญ่ในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดที่แปลกใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเพิ่มช่องทางการใช้คะแนนสะสมแทนเงินสดในการแลกสินค้าและบริการที่สะดวกกว่ารวดเร็วกว่า เพื่อรักษาความเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่ครบวงจร

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “เคทีซี” หรือ บริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ด้วยสภาวะเศรษฐกิจและปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังการ ใช้จ่ายมากขึ้น แม้ในส่วนของเคทีซีก็ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่สูงขึ้น แต่จากการปรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเชิงรุกเพื่อตั้งรับกับสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวต่อเนื่อง ทั้งการสร้างประสิทธิภาพในการบริหารงาน ให้สามารถลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายการบริหารรวมและดอกเบี้ยจ่าย โดยมีสัดส่วนทั้งสองต่อรายได้รวมลดลงจากปีที่ผ่านมา และการสร้างมูลค่าเพิ่มเพื่อกระตุ้นให้สมาชิกบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเลือกใช้จ่ายอย่างมีเหตุผลในเรื่องที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ทำให้เคทีซีสามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีกำไรสุทธิเพิ่มสูงขึ้นเป็น 521 ล้านบาท จาก 439 ล้านบาทในปี 2549 และแม้ว่าบริษัทฯ จะไม่ได้มุ่งเน้นการขยายฐานสมาชิกเป็นหลัก แต่ในปี 2550 ฐานสมาชิกยังคงเพิ่มขึ้น 10% จาก 1.77 ล้านบัญชี เป็น 1.94 ล้านบัญชีในปี 2550 โดยสมาชิกใหม่ส่วนใหญ่มาจากบัตรเครดิตและสินเชื่อพร้อมใช้ เคทีซี แคช รีโวล์ฟ (KTC CASH Revolve) สำหรับจำนวนบัตรเครดิตรวม ณ สิ้นปี 2550 เท่ากับ 1,466,820 บัตร และเคทีซี แคช เท่ากับ 473,088 บัญชี และสินเชื่อเจ้าของกิจการ เคทีซี มิลเลี่ยน เท่ากับ 3,220 บัญชี”

“โดย 4 ปัจจัยหลักที่สร้างความสำเร็จให้แก่บริษัทฯ ในปี 2550 ได้แก่

1) กลยุทธ์การตลาดที่สร้างสรรค์ร่วมกับเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจขนาดใหญ่ อาทิ สถานีบริการน้ำมัน ดิสเคาน์ทสโตร์ ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล ร้านอาหาร ผู้ให้บริการด้านการท่องเที่ยว การประกันภัย และร้านค้าอุปกรณ์สื่อสาร เพื่อการนำเสนอสินค้าและบริการที่ดีเป็นพิเศษสำหรับสมาชิกเคทีซีโดยรวม และการทำตลาดแบบแบ่งกลุ่มผู้บริโภค ทำให้เข้าถึงความต้องการผู้บริโภคได้อย่างเฉพาะเจาะจง และสร้างความแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดให้กับเคทีซี

2) การจัดการด้านฐานข้อมูล เป็นเครื่องมือในการทำความเข้าใจพฤติกรรมการใช้จ่ายของสมาชิกเคทีซี ทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างคุณค่าสิทธิประโยชน์ใหม่ๆ ให้ลูกค้าแต่ละกลุ่มได้อย่างเหมาะสม และยังสามารถคาดการณ์ความต้องการในอนาคตของสมาชิกได้

3) วิสัยทัศน์ผู้บริหารมืออาชีพประสบการณ์สูง ด้วยแนวทางการบริหารที่ทันสมัยเป็นสากล มีอิสระทางความคิด มีความคล่องตัวในการบริหารและมีวิธีการทำงานตอบสนองลูกค้ารวดเร็วทันต่อการเคลื่อนไหวของสภาพตลาดสินเชื่อที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อีกทั้งกล้าคิด กล้าตัดสินใจ จึงสามารถเข้าถึงตลาดของกลุ่มลูกค้าใหม่ที่ยังไม่มีการแข่งขันได้ก่อนผู้อื่น

4) ความสามารถในการจัดการความเสี่ยง บริษัทฯ มีการวิเคราะห์กระแสเงินสดและวิเคราะห์สภาพคล่องทางการเงินโดยรวมเป็นระยะๆ ในทุกช่วงเวลาที่มีการเปลี่ยนแปลง อีกทั้งมีทีมงานบริหารเงินและจัดการความเสี่ยงติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดเงิน ทำให้สามารถบริหารเงินระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรักษาคุณภาพลูกหนี้แต่ละธุรกิจได้ดี”

“สำหรับฐานะทางการเงิน ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2550 บริษัทฯ มีสินทรัพย์รวม 45,919 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากสิ้นปี 2549 ในขณะที่พอร์ตลูกหนี้การค้ารวมสุทธิเติบโต 10% เพิ่มขึ้นเป็น 43,196 ล้านบาท จาก 39,120 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2549 เนื่องจากการให้ความสำคัญกับการบริหารคุณภาพหนี้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการประกาศจากธนาคารแห่งประเทศไทยเรื่องการเพิ่มยอดชำระหนี้ขั้นต่ำจาก 5% เป็น 10% ของยอดหนี้ค้างชำระ จึงส่งผลให้มูลค่ารวมของพอร์ตเคทีซีเพิ่มขึ้นไม่มากนัก ประกอบด้วยยอดลูกหนี้บัตรเครดิตสุทธิ 29,834 ล้านบาท สินเชื่อบุคคลเคทีซี แคช สุทธิ 11,022 ล้านบาท และสินเชื่อเจ้าของกิจการ เคทีซี มิลเลี่ยน สุทธิ 1,799 ล้านบาท โดยมีกำไรสุทธิของปี 2550 เท่ากับ 521 ล้านบาท เติบโตจากปี 2549 เท่ากับ 19% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 2.02 บาท นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการได้อนุมัติให้จ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้นในรอบปีที่ผ่านมา ในอัตรา 1.20 บาท ต่อ 1 หุ้นสามัญ คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 5.48%”

“ในปี 2550 บริษัทฯ มีรายได้รวม 10,701 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% เมื่อเทียบกับปี 2549 เป็นผลจากรายได้ดอกเบี้ยรวมรายได้ค่าธรรมเนียมในการใช้วงเงิน และรายได้ค่าธรรมเนียมที่มีสัดส่วนคิดเป็น 70% และ 26% ของรายได้รวม สำหรับค่าใช้จ่ายรวมปี 2550 (รวมดอกเบี้ยจ่ายและภาษีเงินได้) เท่ากับ 10,180 ล้านบาท เติบโต 33% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยสัดส่วนของค่าใช้จ่ายการดำเนินงานต่อรายได้ (Cost to Income Ratio) ในปี 2550 เท่ากับ 50% ต่ำกว่าปีก่อนที่ 56% เป็นผลมาจากบริษัทฯ ยังคงความสามารถในการเพิ่มรายได้รวมให้มีอัตราการเติบโตในสัดส่วนที่สูงกว่าค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารงาน และบริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายด้านการจัดหาสมาชิกใหม่ในจำนวนที่ลดลง แม้ว่าบริษัทฯ จะยังคงมีการขยายฐานสมาชิกต่อเนื่องแต่เพิ่มจำนวนไม่มากเท่ากับปีที่ผ่านมา”

สำหรับทิศทางการดำเนินงานในปี 2551 บริษัทฯ จะใช้กลยุทธ์การตลาดที่ซับซ้อนขึ้น โดยยังคงเดินหน้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่มุ่งเน้นผู้บริโภคแบบแบ่งกลุ่มเซ็กเม้นท์ที่ชัดเจน ควบคู่ไปกับการสร้างมูลค่าเพิ่มที่เป็นประโยชน์กลับสู่กลุ่มลูกค้านั้นๆ มากที่สุด โดยอาศัยความได้เปรียบจากเครือข่ายพันธมิตรหลากหลายธุรกิจและฐานสมาชิกขนาดใหญ่ในการสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดใหม่อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเพิ่มช่องทางการใช้คะแนนสะสมแทนเงินสดในการแลกสินค้าและบริการที่แตกต่างได้เร็วกว่าและแลกได้จริง เน้นคะแนนน้อยก็แลกได้ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อเพื่อผู้บริโภคที่ครบวงจร ซึ่งมีจุดแข็งในการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้าและบริการก่อนใคร ทั้งนี้ บริษัทฯ จะยังคงให้ความสำคัญในการอนุมัติสมาชิกใหม่อย่างรอบคอบและรัดกุม โดยพิจารณาจากความสามารถในการชำระคืนของสมาชิกเป็นสำคัญ ตลอดจนเน้นการบริหารคุณภาพพอร์ตลูกหนี้ให้มีประสิทธิภาพ” นายนิวัตต์กล่าวปิดท้าย