กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดรับสมัครผู้ส่งออกสินค้า และบริการดีเด่นประจำปี 2551 ภายใต้โครงการ Prime Minister’s Export Award หรือ PM Award พร้อมเปิดตัวรางวัลใหม่ประเภท “สินค้าที่มีการออกแบบดี” (Design Excellence Award) สนับสนุนผู้ส่งออกให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้
กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เปิดรับสมัครผู้ส่งออกเข้าร่วม “โครงการประกาศเกียรติคุณ ผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น” หรือ “PM Award” (Prime Minister’s Export Award) ประจำปี 2551 โดยเปิดรับสมัครระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมนี้ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้ส่งออกไทยสามารถก้าวขึ้นไปแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ และนับเป็นอีกทางหนึ่งในการช่วยกระตุ้นการส่งออกของไทยให้เติบโตได้ 12% ตามเป้าหมายที่วางไว้ของกระทรวงพาณิชย์
โครงการประกาศเกียรติคุณผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น หรือ PM Award เป็นรางวัลสูงสุดของรัฐบาลไทย ที่มอบให้แก่ผู้ส่งออก โดยมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนส่งเสริมภาพลักษณ์อันดีของสินค้าไทย พร้อมกระตุ้นให้ผู้ส่งออกไทยได้พัฒนาคุณภาพและรูปแบบของสินค้า ให้มีคุณภาพได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับและสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ อันจะส่งผลดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ
นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า “โครงการ PM Award ได้จัดขึ้นอย่างต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 17 แล้ว โดยในปีนี้ ได้แบ่งรางวัลออกเป็น 5 ประเภท คือ 1. ประเภทผู้ส่งออกไทยดีเด่น (Best Exporter) 2. ประเภทที่ใช้ตราสินค้าของตนเอง (Thai-Owned Brand) 3. ประเภทสินค้าที่มีการออกแบบดี (Design Excellence Award) โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ สินค้าหัตถอุตสาหกรรม (Industrial Crafts) และสินค้าที่ผลิตในระบบอุตสาหกรรม (Industrial Products) ซึ่งได้ปรับเปลี่ยนชื่อรางวัลใหม่ จากเดิมที่เป็นประเภท Thai-Owned Design เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน 4. ประเภทธุรกิจบริการดีเด่น (Best Service Provider) และ 5. ประเภทผลิตภัณฑ์ชุมชนและท้องถิ่น ที่มีการออกแบบและคุณภาพดี (OTOP Export Recognition)
ในปี 2551 กรมส่งเสริมการส่งออกได้ยกระดับรางวัล Thai-Owned Design ให้เป็นรางวัลประเภทสินค้าที่มีการออกแบบดี (Design Excellence Award) ซึ่งได้รับความร่วมมือจาก Japan Industrial Design Promotion Organization หรือ JIDPO ในการพิจารณารางวัล โดย JIDPO ได้ส่งผู้เชี่ยวชาญและคณะกรรมการมาร่วมพิจารณาผลิตภัณฑ์ไทยที่มีการออกแบบดีเยี่ยม รวมทั้งพิจารณาสิทธิประโยชน์แก่ผู้ส่งออกที่ได้รับรางวัล เพื่อตอบรับกับแนวโน้มของตลาดที่ไม่เพียงแต่ต้องการสินค้าที่มีประโยชน์ใช้สอยเท่านั้น ยังคำนึงถึงการ ดีไซน์ที่สวยงามทันสมัย อันถือเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าอีกด้วย”
ผู้ส่งออกที่ได้รับรางวัล จะได้รับสิทธิประโยชน์มากมาย อาทิ ได้รับการพิจารณาเป็นกรณีพิเศษในการสมัครเข้าร่วมกิจกรรมกับกรมฯ ได้ลงประชาสัมพันธ์ในหนังสือ PM Award Directory วารสารผู้ส่งออก และสื่อต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ ได้รับการส่งเสริมการไปดำเนินธุรกิจในต่างประเทศ (Internationalization) รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาตราสินค้า (Brand) สู่ตลาดโลก เป็นต้น
อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวเพิ่มเติมว่า “แม้เศรษฐกิจโลกโดยรวมจะมีการชะลอตัว แต่เรายังมีความเชื่อมั่นว่าการส่งออกของไทยในปี 2551 จะขยายตัวได้ตามเป้าหมาย และได้จัดเตรียมกิจกรรมช่วยสนับสนุนการขายสินค้าให้แก่ผู้ส่งออก พร้อมให้สำนักงานพาณิชย์ต่างประเทศ คอยติดตามความคืบหน้าของการค้าในประเทศเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลสนับสนุนแก่ผู้ส่งออก อีกทั้งเตรียมจัดกิจกรรมสนับสนุนการหาตลาดศักยภาพใหม่ ๆ ในประเทศที่มีแนวโน้มขยายตัวทางเศรษฐกิจสูง เช่น จีน อินเดีย รัสเซีย ตะวันออกกลาง ลาตินอเมริกา และ แอฟริกา เป็นต้น”
“ทั้งนี้ การมอบรางวัล PM Award จะจัดขึ้น ในเดือนสิงหาคม 2551 โดยมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานมอบรางวัล ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเป็นเกียรติและกำลังใจแก่ผู้ประกอบการส่งออก ทั้งสินค้าและบริการที่เป็นพลังในการขับเคลื่อนการส่งออกของไทย และพยายามบุกเบิกตลาดต่างประเทศ ภายใต้ชื่อทางการค้าของตนเอง รวมทั้งการออกแบบผลิตภัณฑ์ของตนเองจนเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก” นายราเชนทร์กล่าว
อนึ่ง โครงการประกาศเกียรติคุณผู้ส่งออกสินค้าและบริการดีเด่น หรือ PM Award นี้ ได้เริ่มดำเนินโครงการ มาตั้งแต่ปี 2535 รวมระยะเวลา 17 ปี มีบริษัทผู้ส่งออกไทยที่ได้รับการคัดเลือกให้รับรางวัลแล้วกว่า 230 บริษัท รวมทั้งสิ้น 298 รางวัล ซึ่งโครงการนี้ สามารถช่วยส่งเสริมและพัฒนาให้ผู้ส่งออกไทยเป็นที่รู้จักของลูกค้า ในตลาดโลกมากขึ้น จนกระทั่งมีผลการดำเนินงานเติบโตและสามารถอยู่ได้ด้วยความมั่นคงทางธุรกิจ
บริษัทที่สนใจเข้าร่วมสมัครขอรับรางวัลดังกล่าว สามารถ Download รายละเอียดและใบสมัครประเภทต่างๆ ได้ที่ www.depthai.go.th หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่กรมส่งเสริมการส่งออก โทร. 02-511-5066-77 ตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ 2 พฤษภาคม 2551