กลุ่มอลิอันซ์ปลื้ม รายได้ปี 2550 พุ่งกว่า 3 แสนล้านบาท

กลุ่มอลิอันซ์ เยอรมนี ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ บมจ. อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต (เอเอซีพี) ประกาศผลประกอบการประจำปี 2550 มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 มาอยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 4.93 แสนล้านบาท) รายได้สุทธิเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.5 จาก 7 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.17 แสนล้านบาท) ของปีก่อน มาอยู่ที่ 8 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.62 แสนล้านบาท) ส่วนธนาคารเดรสด์เนอร์ ธุรกิจบริหารสินทรัพย์ และทุกหน่วยธุรกิจมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้น

นายเฮลมุท เพอร์เลท ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของกลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า การเติบโตแบบมีผลกำไรอย่างยั่งยืนยังคงเป็นประเด็นที่กลุ่มอลิอันซ์ ให้ความสำคัญ ในปีที่ผ่านมามีอัตราการเติบโตอยู่ในระดับที่สูงทั้งในยุโรปกลาง ยุโรปตะวันออก เอเชียแปซิฟิก และอเมริกาใต้ และยังสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำในตลาดอิ่มตัวอื่นๆ

ตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่ากลุ่มอลิอันซ์ยังมีกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่องสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาด โดยมีรายได้รวม 10.26 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 4.64 ล้านล้านบาท) มีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 9 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ทำได้ 1 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 4.52 แสนล้านบาท) มาอยู่ที่ 1.09 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 4.93 แสนล้านบาท) รายได้สุทธิมีมูลค่ามากกว่า 8 พันล้านยูโร (ประมาณ 3.62 แสนล้านบาท) สำหรับสัดส่วนของ ผู้ถือหุ้นของกลุ่มอลิอันซ์ มีมูลค่า 4.8 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.17 ล้านล้านบาท) เปรียบเทียบกับยอดรวม 5 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.26 ล้านล้านบาท) ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2549 ก็ยัง ถือว่าอยู่ในระดับที่สูง

ในกลุ่มธุรกิจประกันวินาศภัย เบี้ยประกันเพิ่มขึ้นจาก 4.37 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 1.97 ล้านล้านบาท) ในปีก่อน เป็น 4.43 หมื่นล้านยูโร (ประมาณ 2.005 ล้านล้านบาท) โดยผลกำไรจากการดำเนินงาน 6.3 พันล้านยูโร (ประมาณ 2.85 แสนล้านบาท) นั้น อยู่ในระดับเดียวกับปีก่อน ในขณะที่อัตราค่าใช้จ่ายรวมระหว่างค่าสินไหมทดแทนและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ยังคงต่ำกว่าร้อยละ 94 ตามที่ตั้งเป้าไว้ แม้จะมีค่าใช้จ่ายจากการชดใช้สินไหมจากภัยธรรมชาติ 774 ล้านยูโร (ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท) ก็ตาม

ในกลุ่มธุรกิจประกันชีวิตและสุขภาพ ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจาก 2.6 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.17 แสนล้านบาท) มาอยู่ที่ระดับเกือบ 3 พันล้านยูโร (ประมาณ 1.36 แสนล้านบาท) การเติบโตของรายได้รวมหลังปรับปรุงเพื่อรองรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนแล้ว อยู่ที่ร้อยละ 6.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รายได้จากเบี้ยประกัน ก็เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ส่วนรายได้ในเอเชียแปซิฟิก ยุโรปกลางและยุโรปตะวันออกเติบโตขึ้นเกือบร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับปี 2549

“เราสามารถสร้างผลการดำเนินงานได้อย่างยอดเยี่ยมในส่วนของธุรกิจประกันชีวิต และสามารถสร้างอัตราการเติบโตเฉลี่ยในรอบ 3 ปีได้ โดยร้อยละ 20 เป็นผลกำไรจากการดำเนินงาน และเมื่อนับรวมสินทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นเข้าไปด้วยแล้ว เราก็คาดหวังว่าจะมีการเติบโตอย่างมีผลกำไรต่อไปในอนาคต” นายเพอร์เลท กล่าว

ในส่วนของการดำเนินงานของธนาคารเดรสเนอร์ยังสามารถสร้างกำไรได้ โดยมีกำไร 730 ล้านยูโร (ประมาณ 3.3 หมื่นล้านบาท) เปรียบเทียบกับปี 2549 ที่มีกำไร 1.4 พันล้านยูโร (ประมาณ 6.35 หมื่นล้านบาท) ในขณะที่ภาคการธนาคารอื่นๆ ยังมีผลงานที่ดี มีเพียงส่วนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับวานิชธนกิจเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบจากความไม่มั่นคงในตลาดสินเชื่อ

“เรากำลังมุ่งเน้นที่ความสามารถในระยะยาวที่จะสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ และมีความมั่นใจว่าภาคการธนาคารจะสามารถเติมเต็มความต้องการในเรื่องนี้ได้” นายเพอร์เลท กล่าวย้ำ

สำหรับกลุ่มการบริหารสินทรัพย์ พบว่าในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมายังคงเดินหน้าไปได้ด้วยดี โดยได้รับการสนับสนุนจากนโยบายระยะยาวและจากความต้องการสินค้าใหม่ๆ ที่เพิ่มมากขึ้น ผลกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จาก 1.29 พันล้านยูโร (ประมาณ 5.84 หมื่นล้านบาท) เป็น 1.36 พันล้านยูโร (ประมาณ 6.16 หมื่นล้านบาท) คิดเป็นอัตราการเติบโตร้อยละ 12.8 หลังปรับปรุงเพื่อรองรับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยน อัตราส่วนรายจ่ายต่อรายได้ในปี 2550 แตะระดับร้อยละ 58.3 เทียบกับในปี 2549 ที่ร้อยละ 57.6 ขณะที่สินทรัพย์บุคคลที่สามที่อยู่ภายใต้การบริหารมีมูลค่าเพิ่มขึ้นจาก 7.64 แสนยูโร (ประมาณ 34.6 ล้านล้านบาท) เป็น 7.65 แสนล้านยูโร (ประมาณ 34.62 ล้านล้านบาท) ณ สิ้นปี 2550 หรืออัตราเติบโตขึ้นร้อยละ 8.1 โดยคิดจากอัตราแลกเปลี่ยนคงที่

ด้านนายไมเคิล ดิคแมนน์ ประธานกรรมการกลุ่มอลิอันซ์ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารจะส่งข้อเสนอขอเพิ่มอัตราเงินปันผลขึ้นอีกร้อยละ 45 จากเดิม 3.80 ยูโร (ประมาณ 172 บาท) ต่อหุ้น เป็น 5.50 ยูโร (ประมาณ 249 บาท) ต่อหุ้น เข้าสู่การพิจารณาของคณะ ที่ปรึกษาของกลุ่มอลิอันซ์ โดยจะเป็นการเพิ่มเงินปันผลติดต่อกันเป็นปีที่ 4 ซึ่งถือเป็นการรักษาคำมั่นสัญญาที่เราเคยให้ไว้ ซึ่งหากได้รับการอนุมัติ นี่จะเป็นก้าวสำคัญในการมอบผลตอบแทนในระดับกลุ่มต่อไป

“ในปี 2550 เรายังประสบความสำเร็จอย่างสูงในการดำเนินงาน ภายใต้สถานการณ์ที่ยากลำบากในภาคการเงิน ซึ่งนับเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการสร้างผลกำไร อย่างยั่งยืนของเรา อลิอันซ์กำลังยืนอยู่ในตำแหน่งที่ดีที่จะสามารถพิชิตความท้าทายในปี 2551 นี้ เพื่อบรรลุเป้าหมายระยะกลางของกลุ่ม อย่างไรก็ตาม ตลาดเงินและการพัฒนาภายในตลาดดังกล่าวจะมีผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของเรามากกว่าที่เคยเป็นมา” นายดิคแมนน์ กล่าวทิ้งท้าย

หมายเหตุ อัตราแลกเปลี่ยนอ้างอิง ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2551
1 ยูโร = 45.253 บาท