จีเอ็มแนะนำระบบไฮบริดรุ่นใหม่ ให้กำลังเครื่องยนต์แรงขึ้น 3 เท่า แต่ประหยัดขึ้น 20% ตอบสนองความต้องการทั่วโลก ประหยัดเชื้อเพลิง ลดการใช้น้ำมัน ลดมลพิษ ในงาน เจนีวา มอเตอร์ โชว์ 2008 พร้อมเตรียมแผนส่งระบบไฮบริดรุ่นใหม่นี้ลงรถจีเอ็มหลายรุ่น เปิดตัวในงาน NAIAS 2010 ก่อนกระจายออกสู่ตลาดโลก คาดการณ์จะใช้รถไฮบริดทั่วโลกขั้นต่ำทะลุแสนคันต่อปี
มร.ริค แวกอเนอร์ ประธานบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ออกมาแนะนำ ระบบไฮบริด รุ่นใหม่ของจีเอ็ม ในงาน เจนีวา มอเตอร์ โชว์ 2008 ซึ่งเป็นรุ่นที่สอง หลังจากออกมาแนะนำรุ่นแรกในปี 2006 ซึ่งการคิดค้นระบบไฮบริดรุ่นใหม่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของแผนแก้วิกฤติการณ์ของราคาน้ำมันดิบโลกที่สูงขึ้น การคิดค้นพลังงานทดแทนของจีเอ็มนับว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยหลักที่จะตอบสนองความต้องการของทั่วโลกที่ต้องการความประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น ลดการใช้น้ำมัน และลดไอเสียจากเครื่องยนต์
ระบบไฮบริดรุ่นใหม่นี้ จะให้กำลังเครื่องยนต์มากขึ้นกว่าเดิม จากพลังงานของ ลิเธียม-ไอออน แบตเตอรี่ (Lithium-ion Battery) ที่บริษัท ฮิตาชิ วีฮีเคิล เอเนอร์จี จำกัด เป็นผู้จัดหาแบตเตอรี่ใช้กับระบบไฮบริดรุ่นใหม่ของจีเอ็ม ซึ่งจะทำให้ระบบไฮบริดใหม่นี้มีกำลังเครื่องยนต์มากกว่าระบบไฮบริดรุ่นแรกเกือบ 3 เท่าตัว ขณะเดียวกันจะให้ความประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้นอีกประมาณ 20% โดยขึ้นอยู่กับเครื่องยนต์และลักษณะของรถนั้นๆ
“ระบบไฮบริดใหม่นี้เป็นอีกก้าวสำคัญสำหรับกลยุทธ์ที่ใช้ในการลดการใช้พลังงานน้ำมันเชื้อเพลิงและมลพิษได้อย่างครอบคลุมและหลากหลายมากขึ้น” มร.แวกอเนอร์ เกริ่นนำในการเปิดตัวระบบไฮบริดรุ่นที่ 2 ในงาน เจนีวา มอเตอร์ โชว์ ครั้งที่ 78
ระบบไฮบริดรุ่นใหม่นี้จะผลิตขึ้นสืบเนื่องจากความสำเร็จของการเริ่มต้นการผลิตรถที่ใช้ระบบไฟฟ้าจากเทคโนโลยีไฮบริดในรุ่นปัจจุบันอย่าง แซเทิร์น วิว (Saturn Vue) แซเทิร์น ออร่า (Saturn Aura) และ เชฟโรเลต มาลิบู (Chevrolet Malibu) ซึ่ง มร.แวกอเนอร์เผยว่า จีเอ็มจะสามารถผลิตระบบไฮบริดด้วยต้นทุนที่ต่ำลง และจะเพิ่มปริมาณรถยนต์ไฮบริดของจีเอ็มให้ออกไปวิ่งอยู่บนถนนทั่วโลกได้มากยิ่งขึ้น
“การที่จะลดผลกระทบจากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งจากการนำเข้าน้ำมันดิบ และจากการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเครื่องยนต์ เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเช่นนี้จะต้องถูกนำมาใช้งานจริงกับรถยนต์ให้ได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งเราก็มีแผนที่จะผลักดันเทคโนโลยีไฮบริดรุ่นใหม่นี้ให้กระจายออกไปทั่วโลกในแบรนด์ต่างๆ ทั่วทุกภูมิภาคของเรา ซึ่งแผนนี้จะเริ่มต้นขึ้นในอเมริกาเหนือตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นไป และเราก็หวังว่าจำนวนของรถที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่นี้จะมีมากขึ้นกว่า 100,000 คันต่อปี เป็นอย่างน้อย” ประธานบริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น กล่าว
ระบบไฮบริดรุ่นใหม่ของจีเอ็มจะเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้จีเอ็มได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง ระบบไฮบริดรุ่นปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีเครื่องยนต์ที่ล้ำหน้าของจีเอ็ม ซึ่งระบบไฮบริดรุ่นปัจจุบันนี้ ถูกใช้ใน เชฟโรเลต ทาโฮ (Chevrolet Tahoe) ปี 2007 และ จีเอ็มซี ยูคอน (GMC Yukon) และในปีนี้ระบบไฮบริดจะถูกนำไปใช้กับรถยนต์ คาดิลแลค เอสคาเลด (Cadillac Escalade) ที่เป็นรถฟูลไซส์เอสยูวี รวมทั้ง เชฟโรเลต ซิลเวอราโด (Chevrolet Silverado) และ จีเอ็มซี เซียร์ร่า (GMC Sierra) รถฟูลไซส์ปิคอัพ สำหรับรถ แซเทิร์น วิว กรีนไลน์ (Saturn Vue Green Line) จะเป็นรถขับเคลื่อนล้อหน้ารุ่นแรกที่ใช้ระบบไฮบริด ซึ่งจะผลิตขึ้นในปี 2009
นอกจากนี้ ด้วยกำลังที่มากขึ้นของ ลิเธียม-ไอออน แบตเตอรี่ ยังช่วยให้ระบบไฮบริดของจีเอ็ม สามารถนำไปใช้กับเครื่องยนต์หลากหลายชนิดมากขึ้น ทั้งเครื่องยนต์ที่ใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ เครื่องยนต์เทอร์โบกำลังสูงรุ่นใหม่ๆ เครื่องยนต์เชื้อเพลิงชีวภาพ และเครื่องยนต์ดีเซล
เทคโนโลยีไฮบริดนี้ยังมีจัดแสดงให้ชมในรถยนต์ ซาบ ไนน์-เอ๊กซ์ (Saab 9-X) เครื่องยนต์พลังงานชีวภาพที่ใช้ระบบเชื้อเพลิงไฮบริด เป็นคอนเซ็ปต์คาร์ภายในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ ซึ่ง ซาบ คอนเซ็ปต์ คันนี้ให้มลพิษต่ำ โดยมีปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 117 กรัมต่อ กิโลเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองเพียง 4.9ลิตร ต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 20.4 กิโลเมตร ต่อ ลิตร
ระบบไฮบริดรุ่นใหม่ของจีเอ็มนั้น ยังสามารถช่วยลดการใช้เชื้อเพลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพและช่วยลดปริมาณมลพิษได้ จากวิธีการทำงานของระบบหลายๆ อย่าง ทั้งจากเครื่องยนต์ที่จะดับลงชั่วคราวเมื่อใส่เกียร์ว่าง ในบางจังหวะเครื่องยนต์จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว การใช้กำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้ามากขึ้นเพื่อรักษาประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ยืดระยะเวลาของการตัดการจ่ายน้ำมันเมื่อลดความเร็วลง เพิ่มประสิทธิภาพในการสำรองพลังงานไฟฟ้าจากการเบรก และการเพิ่มสมรรถนะในการเก็บประจุไฟของแบตเตอรี่ในระบบไฮบริด นอกจากนี้เพื่อเสริมให้รถเชื้อเพลิงไฮบริดนี้ มีความประหยัดพลังงานมากยิ่งขึ้น จีเอ็มยังอาจมีการนำระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รุ่นใหม่มาใช้อีกด้วย ซึ่งการพิจารณานั้นจะขึ้นอยู่กับขนาดของรถหรือเครื่องยนต์
ภายในสิ้นปี 2008 นี้ จีเอ็มจะออกมาแนะนำรถยนต์ไฮบริดอีก 8 รุ่น ในอเมริกาเหนือ และเปิดตัวรถยนต์ไฮบริดอีก 9 รุ่น ทั่วโลก พร้อมจะแนะนำรถไฮบริดรุ่นใหม่อีก 16 รุ่น ภายใน 4 ปีข้างหน้า
บริษัท เจนเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น สหรัฐอเมริกา (General Motors Corporations: GM) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของโลก เป็นผู้นำด้านยอดจำหน่ายรถยนต์ทั่วโลกถึง 76 ปี ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2451 ปัจจุบันมีพนักงานทั่วโลกกว่า 280,000 คน โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ณ เมืองดีทรอยต์ สหรัฐอเมริกา และมีศูนย์การผลิตรถยนต์และรถกระบะใน 33 ประเทศ ในปี 2549 จีเอ็มจำหน่ายรถยนต์และรถกระบะไปกว่า 9.1 ล้านคัน ภายใต้แบรนด์ บูอิค (Buick) คาดิแลค (Cadilac) เชฟโรเลต (Chevrolet) จีเอ็มซี (GMC) โฮลเด้น (Holden) ฮัมเมอร์ (Hummer) โอลสโมบิล (Oldsmobile) โอเปิล (Opel) พอนทิแอค (Pontiac) ซาบ (Sabb) แซเทิร์น (Saturn) และว็อกซ์ฮอล (Vauxhall) นอกจากนั้น ระบบนำทางและขอความช่วยเหลือด้วยสัญญาณดาวเทียม ออนสตาร์ (OnStar) ของจีเอ็ม ทำให้จีเอ็มกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมยานยนต์ด้านความปลอดภัยและบริการด้านข้อมูลอีกด้วย สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับจีเอ็ม กรุณาเยี่ยมชมเว็บไซต์
www.gm.com และ www.gmnext.com