การค้าขายออนไลน์ หรือ e-Commerce ในเมืองไทยกำลังเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว จากการเปิดเผยตัวเลขของผลการสำรวจเกี่ยวกับการช๊อปปิ้งออนไลน์ในประเทศไทยพบว่ามีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 27% จาก 2 ปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยที่คาดว่าทำให้อัตราเร่งของการค้าขายออนไลน์เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วปัจจัยหนึ่งคือ ระบบชำระเงินออนไลน์ ซึ่งผู้ซื้อสามารถชำระเงินได้ง่ายและทำได้ทันทีจะช่วยทำให้การค้าบนโลกออนไลน์ สามารถเพิ่มยอดขายให้กับผู้ขายได้อย่างมาก
การเปิดรับชำระค่าสินค้าผ่านบัตรเครดิตออนไลน์นั้น ปัจจุบันรองรับทั้ง Visa และ Master Card ขั้นตอนการสมัครใช้บริการก็ง่ายและสะดวก อีกทั้งได้มีการพัฒนาระบบรักษาความปลอดภัยด้วย ระบบ Verify by Visa และ Master Card โดยผู้ถือบัตรต้องลงทะเบียนกับธนาคารที่ออกบัตรเพื่อกำหนดรหัสผ่าน (password) รหัสผ่านนี้จะนำไปใช้ควบคู่กับการชำระค่าสินค้าหรือบริการ นอกจากลูกค้าแจ้งเลขที่บัตรเครดิตแล้วลูกค้าต้องใส่รหัสผ่านด้วย เป็นบริการที่ช่วยเสริมความปลอดภัยให้แก่การทำรายการธุรกรรมแบบออนไลน์หรือแบบอื่นภายใต้บริการ Verified by Visa หรือ Master Card
นอกจากการชำระเงินออนไลน์ผ่านบริการบัตรเครดิตแล้ว ยังมีตัวกลางที่ทำหน้าที่ในการรับชำระเงินอีกด้วย คือ PayPal ซึ่งได้รับความนิยมจากผู้ใช้จ่ายออนไลน์อย่างแพร่หลายทั่วโลก และตัวกลางอีกระบบของไทยคือ Paysbuy ที่ต่างทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรับทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินที่ทางผู้ใช้บริการต้องเติมเงินลงกระเป๋าเงินก่อนจึงจะสามารถเข้าระบบชำระเงินได้ซึ่งมีค่าธรรมเนียมผันแปรตามการใช้จ่ายจำนวนเงินแต่ละครั้ง ซึ่งเราก็สามารถเลือกเติมเงินเป็นครั้งๆ สำหรับใช้จ่ายในแต่ละครั้งได้ จะไม่จ่ายผ่านบัญชีธนาคารโดยตรง ข้อแนะนำ ควรเติมเงินลงกระเป๋าเงินแบบสำหรับพอใช้อย่าเติมครั้งละมาก ๆ ให้เติมเพียงพอสำหรับในการทำธุรกรรมนั้น ๆ เท่านั้น เพราะจะได้ไม่เป็นที่สนใจของเหล่าบรรดา Hacker ที่จ้องดูดเงินจากนักช๊อปออนไลน์
อีกระบบรักษาความปลอดภัยที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือ SSL หรือ Secure Sockets Layer คือ โปรโตคอลความปลอดภัย ที่ถูกใช้เป็นมาตรฐานในการเพิ่มความเพิ่มความปลอดภัยในการสื่อสารข้อมูลผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต ที่ระบบ E-Commerce นำมาใช้เป็นระบบรักษาความปลอดภัยของข้อมูลลูกค้าบนเว็บ ตามมาตรฐานสากล
แต่อย่างไรก็ดี นอกจากการป้องกันของทางระบบสื่อสารข้อมูลแล้ว ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน วันนี้ เรามีวิธีป้องกันการ Hack ข้อมูลอย่างง่ายมาแนะนำด้วย ดังนี้
1. ในการตั้งชื่อ Username และ Password ถ้าเป็นเว็บที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมต่าง ๆ ไม่ควรใช้ Password เดียวกับที่ใช้ในเว็บ Hotmail หรือ เว็บสื่อสารต่าง เช่น Gmail Yahoo เป็นต้น เนื่องจากมี Hacker บางคนได้สร้างหน้า Template ปลอมเพิ่มหลอกเอาข้อมูลนี้ไปใช้ในการ Hack ข้อมูลทางการเงิน
2. การตั้ง Username และ Password ควรจำง่ายและเดายาก เช่น ตั้งโดยใช้อักษรผสมกับตัวเลข เพราะโอกาสในการคาดเดาจะยากมากขึ้น และอย่าตั้งตามวัน/เดือน/ปีเกิด เพราะง่ายต่อการคาดเดาเช่นกัน
3. อย่ากรอก Username และ Password ส่วนตัวไม่ว่าจะเป็นของ Email หรือรหัสผ่านอื่น ๆ ในเว็บที่เราไม่รู้จัก ดูแล้วไม่น่าเชื่อถือหรือไม่ได้ประสงค์จะเป็นสมาชิกด้วยอย่างเด็ดขาด
กาลเวลาผ่านไปก็เริ่มมีเทคโนโลยีการชำระเงินออนไลน์รูปแบบใหม่เพิ่มเข้ามา ที่จะทำให้ผู้ชอบ ช๊อปปิ้งออนไลน์ ได้มั่นใจมากยิ่งขึ้นด้วยการชำระเงินด้วยวิธีการ click print จ่าย ที่ Counter Service ด้วยวิธีนี้ ผู้ใช้บริการไม่ต้องกรอกข้อมูลทางการเงินใด ๆ ทั้งสิ้น เพียงสมัครเป็นสมาชิกเพื่อขอใช้บริการกับระบบชำระเงินเท่านั้น
ระบบการทำงานของการชำระเงินผ่านบริการ Counter Service เพียงคลิกเลือกรายการสินค้าไปที่ตะกร้าสินค้า ทำการรวมยอดสินค้าที่ต้องการ เลือกจ่ายที่ Counter Service ระบบจะรวมยอดการซื้อ และประมวลผลเป็น Barcode ออกมา ให้ Print ออกมา แล้วสามารถนำไปจ่ายที่ศูนย์บริการ Counter Service ใกล้บ้านได้ทันที ซึ่งปัจจุบันมีกว่า 5,000 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ ง่าย สะดวก และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-298-0999 หรือ www.TARADpay.com