พูแรค ไบโอเคม บีวี จากประเทศเนเธอร์แลนด์ ผู้ผลิตกรดแล็กติกรายใหญ่ของโลก ทุ่มงบประมาณ 4,800 ล้านบาท ก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทย เป็นแห่งแรกในเอเซีย ณ นิคมอุตสาหกรรมเอเชีย อำเภอบ้านฉาง จังหวัดระยอง ตั้งอยู่บนพื้น 43 ไร่ โดยมุ่งเน้นขยายกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดโลก และเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรในประเทศ
มร. อเล็กซานเดอร์ แวน โอเยน ประธาน บริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า พูแรค ในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นในปี 2548 ได้รับการส่งเสริมการลงทุนจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ สำหรับลิตกรดแล็กติก และสารอนุพันธ์ของกรดแล็กติก (โซเดียมแล็กเตท และ โปแตสเซียมแล็กเตท) ด้วยกำลังการผลิตต่อปีกว่า 100,000 ตัน ของกรดแล็กติก และ 15,000 ตัน ของสารอนุพันธ์ฯ โรงงานพูแรคแห่งนี้ ถือเป็นโรงงานแห่งที่ 5 ของพูแรค โดยโรงงานอีก 4 แห่ง ตั้งอยู่ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์, สหรัฐอเมริกา, สเปน และบราซิล ซึ่งโรงงานพูแรค ประเทศไทย นับเป็นโรงงานแห่งแรกในภูมิภาคเอเซีย และเป็นโรงงานผลิต กรดแล็กติกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีเทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัยออกแบบมาโดยเฉพาะเพื่อโรงงานของพูแรคเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ ทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ เพื่อคิดค้น และพัฒนากระบวนการผลิต ผลิตภัณฑ์ใหม่ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของธุรกิจ
มร. อเล็กซานเดอร์ แวน โอเยน กล่าวต่อว่า เนื่องจาก พูแรคเป็นผู้นำด้านการผลิตสินค้ากรดแล็กติก และ สารอนุพันธ์ของกรดแล็กติก มีส่วนครองตลาดสูงกว่า 60% มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมชีวเคมี และเคมีภัณฑ์อื่นๆ มากกว่า 30% มีพนักงานกว่า 1,000 คนทั่วโลก จำหน่ายสินค้าไปกว่า 140 ประเทศ มีสำนักงานขาย 16 แห่ง โรงงานผลิตกรดแล็กติก 5 แห่ง โรงงานผลิตกลูโคนิค 1 แห่งโรงงานผลิตสารอนุพันธ์ 13 แห่ง อัตราการเติบโตในตลาดทั่วโลกประมาณ 9-10% ไม่รวมถึงการเติบโตของกรดแล็กติกที่ใช้ผลิตแล็คไทด์ วัตถุดิบสำหรับการผลิตพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
มร. ฟาบริซิโอ แรมพิเนลลี ประธานและเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท พูแรค กล่าวว่า สำหรับการผลิตกรดแล็กติกประเทศไทย จะใช้วัตถุดิบหลักคือ น้ำตาล หรือแป้งมันสำปะหลัง จำนวนมากกว่า 65,000 ตัน ในปีแรก และเพิ่มเป็น 110,000-120,000 ตัน ในปี 2009-2010 ซึ่งคาดว่าจะมีปริมาณการผลิตเพื่อการ ส่งออก และการจำหน่ายในประเทศ 65,000 ตันในปีแรก และผลิตเพิ่มเป็น 80,000-100,000 ตัน ในปี 2009-2010 ซึ่งการผลิตกรดแล็กติกในประเทศไทยนี้ จะกระตุ้นให้มีการซื้อวัตถุดิบ (น้ำตาล และแป้งมันสำปะหลัง) ในประเทศไทย เกิดการสร้างงานให้แก่เกษตรกร และลูกหลานเกษตรกร มีการให้ความรู้ และฝึกอบรมพนักงานคนไทยให้เชี่ยวชาญเทคโนโลยีชีวเคมี เกิดการสร้างรายได้ให้แก่ประเทศจากการส่งออกสินค้าไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ กว่า 90% จะทำการส่งออก ซึ่งคิดเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท รวมทั้งเกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ จากวัตถุดิบจากธรรมชาติ
มร. ฟาบริซิโอ แรมพิเนลลี กล่าวต่อว่า สำหรับการผลิตในประเทศไทย จะเป็นกรดแล็กติก ชนิดแอลบวก ชนิดเดียวกันกับที่พบอยู่ในร่างกายของมนุษย์ ซึ่งเกิดจากการสร้างพลังงานของกล้ามเนื้อ เช่นกล้ามเนื้อหัวใจ กรดแล็กติก ของพูแรคนั้น เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตขึ้นจากการหมักน้ำตาลจากอ้อย หรือน้ำตาลจากแป้งมันสำปะหลัง มีกลิ่นหอมของกรดอ่อนๆ ซึ่งถูกนำไปใช้ในหลากหลายผลิตภัณฑ์ เช่น
– ผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูป เช่นเนื้อสัตว์ เนื้อไก่ น้ำสลัด เครื่องดื่ม ผักผลไม้ดอง และ ขนมขบเคี้ยวต่าง ๆ เพื่อปรับค่าความเป็นกรดด่าง ถนอมอาหาร และ การเพิ่มรสชาติอาหาร
– ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางค์ ใช้เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น
– ผลิตภัณฑ์ยา ใช้เป็นสารปรุงแต่งในการผลิตยา
– ผลิตตัวทำละลาย (โซเวนท์) ธรรมชาติ ซึ่งเป็นเคมีภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ใช้เป็นสาร
ทำความสะอาด และ เป็นสารเคมีภัณฑ์อื่น ๆ
– พอลิเมอร์ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ ใช้เป็นวัตถุดิบผลิตวัสดุทางการแพทย์ อาทิ วัสดุจับยึดกระดูก พิน รอด สเตเบิล และไหมละลาย เป็นต้น
– วัตถุดิบในการผลิตแลกไทด์ วัตถุดิบของผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
มร. อเล็กซานเดอร์ แวน โอเยน ประธาน บริษัท พูแรค (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวในตอนท้ายว่า การลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่ในประเทศไทย เนื่องจากหลายๆ ปัจจัยที่เอื้ออำนวยต่อการผลิต กล่าวคือ ทำเลที่ตั้งเหมาะสม มีแหล่งวัตถุดิบ เช่น แป้งมัน และน้ำตาล เพียงพอต่อความต้องการ, มีระบบขนส่งที่ทันสมัย มีท่าเรือน้ำลึก, การสนับสนุนการลงทุนจากหน่วยงานรัฐ, มีแรงงานที่มีคุณภาพ และมีทักษะที่ดี และมีการบังคับใช้กฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาอย่างจริงจัง