บิ๊กซีรับซื้อผลไม้ 9,500 ตัน จัดจำหน่ายผ่าน 55 สาขาทั่วประเทศ

บิ๊กซีร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ พร้อมรับซื้อผลไม้ไทยจากสหกรณ์การเกษตร รวม 9,500 ตัน มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท ในปี 2551

นางจารุวรรณ ธรรมเกษร ผู้อำนวยการฝ่ายอาหารสด บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (30 เมษายน 2551) บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) จะร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางการค้าผลไม้กับกรมส่งเสริมสหกรณ์ ในการรับซื้อเงาะโรงเรียน มังคุด และลองกอง ระหว่างเดือนเมษายน – กรกฎาคม 2551 เพื่อให้การสนับสนุนและส่งเสริม ความร่วมมือทางการค้าผลไม้ระหว่างสถาบันเกษตรกรกับบิ๊กซี ณ สหกรณ์การเกษตรเมืองขลุง จำกัด จังหวัดจันทบุรี ซึ่งบิ๊กซีทั้ง 55 สาขาทั่วประเทศจะเป็นช่องทางการตลาดรองรับผลไม้ของเกษตรกรในพื้นที่ภาคตะวันออกที่กำลังจะทยอยออกสู่ตลาดและจะมีปริมาณสูงสุดในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้

โดยในปีนี้ บิ๊กซีจะทยอยรับซื้อผลไม้ต่างๆ อาทิ เงาะโรงเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย มะม่วงพันธุ์ต่างๆ ส้มเขียวหวาน ลิ้นจี่ฮงฮวย และลิ้นจี่จักรพรรดิ์ จำนวน 9,500 ตัน คิดเป็นมูลค่ากว่า 250 ล้านบาท จาก สหกรณ์การเกษตรต่างๆ ในจังหวัดจันทบุรี ลำพูน กำแพงเพชร ฉะเชิงเทรา สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช เพื่อช่วยระบายสินค้าเกษตรและกระจายรายได้แก่เกษตรกรโดยตรง

“บิ๊กซีดำเนินการรับซื้อผลไม้จากสหกรณ์การเกษตรต่างๆ มาอย่างต่อเนื่องกว่า 3 ปี โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลางซึ่งทำให้เกษตรกรมีรายได้มากกว่าเดิม มีทุนในการเพาะปลูกเพิ่มขึ้น และสามารถพัฒนาพืชผลทางการเกษตรได้ดีขึ้น อีกทั้งบิ๊กซียังรับซื้อสินค้าเกษตรแปรรูปหรือสินค้าโอทอป ซึ่งบิ๊กซีมีนโยบายใน การสนับสนุนสินค้าโอทอป ซึ่งเป็นสินค้าที่มีคุณภาพและราคาถูก แต่อาจจะไม่มีตลาดรองรับที่เพียงพอ จึงได้ร่วมเป็นช่องทางหนึ่งของการกระจายสินค้าเกษตรและสินค้าโอทอป เพื่อช่วยเหลือให้เกษตรกรมีตลาดรับซื้อสินค้าที่แน่นอนและมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ บิ๊กซี ยังได้ส่งวิทยากรไปให้ความรู้แก่สหกรณ์ในเรื่องต่างๆ เช่น ความต้องการสินค้าต่างๆ ของตลาด การรักษามาตรฐานและคุณภาพของสินค้า เป็นต้น เพื่อให้เกษตรกรนำไปพัฒนาสินค้าของตนเองต่อไป”

นางจารุวรรณกล่าวต่อไปว่า บิ๊กซีพร้อมให้ความร่วมมือกับภาครัฐในการช่วยเหลือและสนับสนุนชุมชนในการจำหน่ายและระบายสินค้าเกษตร ซึ่งบิ๊กซีหวังว่า การลงนามบันทึกความร่วมมือนี้จะช่วยให้เกษตรกรสามารถกระจายสินค้าของตนเองได้ อีกทั้งการจัดซื้อโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ยังช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับลูกค้าของบิ๊กซีในการเลือกซื้อผลไม้ที่สดใหม่ มีคุณภาพ ได้มาตรฐานและในราคาประหยัด” นางจารุวรรณกล่าว

บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) (ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ฯ: BIGC) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 เป็นผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่ในรูปแบบซูเปอร์เซ็นเตอร์ ชื่อ บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ ซึ่งจัดจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภคที่หลากหลายในราคาสมเหตุสมผล ภายใต้สโลแกน “เราให้คุณมากกว่าคำว่าถูก” เพื่อสร้างความพึงพอใจแก่ผู้บริโภค ปัจจุบันมีสาขาที่เปิดให้บริการจำนวน 55 สาขาครอบคลุมทั่วประเทศ สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับบิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ สามารถเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ของบริษัทฯ ได้ที่ www.bigc.co.th