บมจ. ซาบีน่า (SABINA) ผู้ผลิตและจำหน่ายชุดชั้นในชั้นนำ ทั้งภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง และของลูกค้าในต่างประเทศ พร้อมจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ กลุ่มแฟชั่น วันที่ 15 พ.ค. นี้ หลังระดมทุนราว 336 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน รองรับการขยายตลาดและพัฒนาผลิตภัณฑ์
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานการตลาดศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า
ตลาดหลักทรัพย์ฯ อนุมัติรับหลักทรัพย์ของบริษัท ซาบีน่า จำกัด (มหาชน) เข้าซื้อขายในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค หมวดธุรกิจแฟชั่น ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2551 เป็นต้นไป ใช้ชื่อย่อในการซื้อขายว่า “SABINA”
บมจ. ซาบีน่า มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 347.5 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 59 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 10.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5 บาท โดยระหว่างวันที่ 2, 6 และ 7 พฤษภาคม 2551 บริษัทได้เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 10.5 ล้านหุ้น โดยแบ่งเป็น ผู้มีอุปการคุณของ SABINA 6.95 ล้านหุ้น พนักงานของ SABINA และบริษัทย่อย 0.5 ล้านหุ้น ลูกค้า Broker 2.05 ล้านหุ้น และรายย่อย (ผ่าน E-IPO) 1 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 32 บาท รวมมูลค่า 336 ล้านบาท โดยมีบริษัท ซิกโก้ แอ็ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีและสำรองตามกฎหมาย
ราคาหุ้นที่บริษัทฯเสนอขาย IPO ที่ราคา 32 บาท คำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 12 เดือนล่าสุด (ม.ค. – ธ.ค. 2550) ถัวเฉลี่ยด้วยจำนวนหุ้นหลังไอพีโอทั้งหมด 69.5 ล้านหุ้น คิดเป็นอัตราส่วนกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) เท่ากับ 18.12 เท่า ขณะที่ค่าพีอีของบริษัทจดทะเบียนที่ประกอบธุรกิจใกล้เคียงกัน (ณ 18 เม.ย 51) ซึ่งได้แก่ BTNC, ICC, WACOAL, TNL, NC และ PG เท่ากับ 19.77, 16.31, 11.95, 9.76, 8.13, 8.08 เท่าตามลำดับและค่าพีอีของหมวดธุรกิจแฟชั่น (ณ 18 เม.ย. 2551) เท่ากับ 8.16 เท่า
SABINA ดำเนินธุรกิจออกแบบ ผลิต และจำหน่ายชุดชั้นใน และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ภายใต้เครื่องหมายการค้าของตนเอง เช่น Sabina, SBN, Sabinie, Moldern Curve, Doomm Doomm และ Viora เป็นต้น นอกจากนี้ ยังผลิตตามคำสั่งของ ผู้จัดจำหน่ายในต่างประเทศ โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในยุโรป สแกนดิเนเวีย และสหรัฐอเมริกา
สำหรับโครงการในอนาคตของกลุ่ม SABINA ได้แก่ การขยายฐานการตลาดไปยังประเทศในแถบยุโรปมากขึ้น เพราะได้ประโยชน์ด้านอัตราแลกเปลี่ยน การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีรูปแบบเฉพาะ การซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากขึ้น รวมทั้ง ฝึกอบรมและพัฒนาบุคลากรให้ครบทุกโรงงาน
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ 3 อันดับแรก ได้แก่ นายวิโรจน์ ธนาลงกรณ์ ถือหุ้นร้อยละ 74.5 นางวรรณี
ทองลักษณ์ ถือหุ้นร้อยละ 4. 0 และนางสาวรัชนี นิวัติชัยบรรณดิษ ถือหุ้นร้อยละ 3.02 ของทุนจดทะเบียนเรียกชำระแล้วหลังไอพีโอ
ผู้สนใจข้อมูลเกี่ยวกับบมจ. ซาบีน่า สามารถติดตามได้ที่เว็บไซต์ของบริษัทที่ www.sabina.co.th เว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์ฯที่ www.set.or.th และเว็บไซต์บ.เซ็ทเทรด ดอท คอมที่ www.settrade.com