ตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง (ECL) เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2551 กำไรสุทธิมีอัตราเติบโตเกิน 100% ระบุอานิสงฆ์จากปัจจัยเศรษฐกิจหนุน ทั้งมาตรการด้านภาษีอสังหาฯของรัฐบาล ภาวะอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ และแนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ดันยอดสินเชื่อรถยนต์มือสองโดยเฉพาะรถแนวซิตี้คาร์และรถกระบะขยับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเตรียมแผนการตลาดเชิงรุก เพื่อรองรับแผนการขยายสินเชื่อทั้งปีให้เติบโตกว่า 20% หรือเป็นมูลค่าเกือบ 700 ล้านบาท
นายดนุชา วีระพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทตะวันออกพาณิชย์ลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) (ECL) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เกี่ยวกับผลการดำเนินธุรกิจของบริษัทในช่วงไตรมาสแรกของปี 2551 มียอดกำไรสุทธิ 10.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเกินจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดกำไรสุทธิ 4.29 ล้านบาท โดยมีอัตราเติบโตกว่า 143.36 เปอร์เซ็นต์ โดยมีไตรมาสแรกของปี 2551 มียอดการขยายสินเชื่อธุรกิจลีซซิ่ง เป็นมูลค่า 172.50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.69 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 40.46 เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 เนื่องจากได้รับผลดีจากปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจ และการวางแผนรองรับการเติบโตที่ดี ดังนั้นในช่วงต่อไป บริษัทฯ ได้เตรียมแผนที่จะรุกธุรกิจลิสซิ่งอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะสามารถสร้างยอดสินเชื่อโดยรวมเป็นมูลค่าราว 700 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 อย่างแน่นอน
นายดนุชา กล่าวเสริมว่า ปัจจัยที่สนับสนุนให้ ECL สามารถสร้างผลกำไรที่เติบโตกว่า 143% ในไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นผลจากมาตรการที่รัฐบาลดำเนินการอยู่ ทำให้ธุรกิจลีสซิ่งได้รับอานิสงส์ทางอ้อมไปด้วย เพราะเมื่อประชาชนได้รับการลดทางภาษี โดยเฉพาะภาษีอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงภาวะอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ ทำให้ประชาชนมีเงินใช้จ่ายในด้านอื่นเพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัทมีต้นทุนการเงินที่ลดลง ทำให้สามารถสร้างส่วนต่างจากส่วนต่างดอกเบี้ยได้มากขึ้น นอกจากนี้ผลจากราคาน้ำมันที่แพงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้รถที่ประหยัดน้ำมัน หรือซื้อรถที่สามารถใช้สร้างรายได้ให้แก่ตนเองมากขึ้น ดังนั้นรถใหม่และรถยนต์มือสองเชิงพาณิชย์ อาทิ รถกระบะ รถตู้ และรถแวนจึงมียอดขายที่เติบโตขึ้นด้วย
“ ที่ผ่านมาการปล่อยสินเชื่อของบริษัทฯ มีสัดส่วนประมาณ 500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งแทบจะไม่มีการปรับเพิ่มขึ้นมาประมาณ 2 ปีแล้ว และเท่าที่พิจารณาดูคู่แข่งธุรกิจลีสซิ่งหลายๆ ราย ก็แทบจะไม่ขยายอัตราการเติบโตของสินเชื่อรถยนต์มากนัก ทั้งนี้คงเป็นเพราะอยู่ในช่วงการจับตาดูแผนการทำตลาดธุรกิจลีสซิ่งของธนาคารพาณิชย์ รวมถึงภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย แต่หลังจากประเทศไทยมีการเลือกในปีที่ผ่านมา ยอดการปล่อยสินเชื่อในไตรมาสสุดท้าย ก็เริ่มมีการการปรับตัวที่ชัดเจนมาจนถึงไตรมาส 1ปีนี้ด้วย” นายดนุชา กล่าว
นายดนุชา กล่าวต่อไปว่า สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทฯ จะทำการตลาดเชิงรุกอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเพิ่มจำนวนทีมงานฝ่ายขายและการให้บริการด้านสินเชื่อ โดยเน้นเรื่องการให้บริการที่สะดวกรวดเร็ว และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายมากขึ้น สำหรับพื้นที่เป้าหมายนั้นยังคงเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร และภาคตะวันออก โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี ซึ่งเป็นฐานตลาดเดิมของ ECL นอกจากนี้จะมีการขยายตัวไปรุกตลาดที่เป็นเมืองสำคัญในภาคอื่นๆ ด้วย อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ก็ยังให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออย่างมีวินัย โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทมีการตั้งสำรองไว้สูงกว่าเกณฑ์ที่ทางการกำหนด เพื่อให้การดำเนินธุรกิจมีความแข็งแกร่ง และรองรับเป้าหมายการเติบโตได้อย่างมีศักยภาพสูงสุด